ไหปีศาจ - บทที่ 650 ชื่อของเขาคือหยู่เฮา
บทที่ 650 ชื่อของเขาคือหยู่เฮา
บทที่ 650
ชื่อของเขาคือหยู่เฮา
มิติไหกำลังสั่นไหวด้วยลมหายใจเย็น ๆ
“ฟู่!”
“ฟู่”
ทุกคนจับจ้องไปยังเรื่องราวบนภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยพูดอะไรไม่ออก
เนื่องจากสิ่งที่บันทึกไว้บนนั้นยากที่จะยอมรับได้
พวกเขาไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร และก็ไม่ควรที่จะรู้ด้วย เนื่องจากกำแพงหินอยู่ใต้ดินมานานหลายหมื่นปี ชายคนนั้นตอนนี้คงกลายเป็นเถ้ากระดูกไปนานแล้ว
นอกจากนี้ที่เขาชนะนั้นไม่ใช่แค่คนที่ควบคุมหมาป่า แต่คือหมาป่าทั้งฝูง
เขาเอาชนะทั้งฝูงด้วยวิธีที่ยากจะยอมรับได้
“นี่มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า? ” องค์หญิงเจียโรว อดไม่ได้ที่จะถาม
ลั่วอู๋พยักหน้า “น่าจะจริง ภาพจิตรกรรมฝาผนังพวกนี้ไม่ควรจะบันทึกเรื่องโกหกนะ”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหยู่เฮา
เพราะเขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในป่าแห่งนี้
หยู่เฮา ยิ้มกว้าง “ข้าไม่เคยได้ยินวิธีนี้ ไม่มีใครใช้วิธีนี้แน่นอน นอกจากนี้ฝูงหมาป่าธรรมดา ๆ ก็ต่างจากฝูงหมาป่าจันทราอสูรมาก”
ฝูงหมาป่าธรรมดานั้นไม่ได้แข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะเป็นฝูง แต่ก็ต่างจากฝูงของหมาป่าจันทราอสูรหลายขุม หมาป่าที่แข็งแกร่งถึงระดับนี้มีอยู่น้อย
ทุกคนมองหน้ากัน
มันยากเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะทำตามภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้
“ ข้าจะไม่ลองอะไรแบบนั้นแน่ ” หลินยูหลันกล่าว จากนั้นจึงดึงองค์หญิงเจียโรว และหลี่หยินมาข้างๆนาง “พวกเราทำแบบนั้นไม่ได้”
คนอื่น ๆ ได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่น
ลั่วอู๋คิดเรื่องนี้ ดูเหมือนเขาเองก็คงจะทำแบบนั้นไม่ได้
น่าเสียดายที่ พวกเขาคงจะต้องสูญเสียโอกาสในการพิชิตฝูงหมาป่าจันทราอสูรไป
“ถ้าอย่างนั้นเราค่อยลองคิดทางอื่นก็ได้ ตราบใดที่หมาป่าจันทราอสูรไม่มายุ่งกับพวกเรา พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องข้องเกี่ยวกับมัน” ลั่วอู๋กล่าวอย่างสบายใจ
ทุกคนก็พยักหน้า พวกเขามีแต่วิธีนี้เท่านั้น
ฉูจงฉวน รับหน้าที่ยุ่งวุ่นวายดูลาดเลาแทน ลั่วอู๋จึงได้กลับไปพักผ่อนอีกครั้ง
สุดท้ายพวกเขาก็ยังไม่มีแผนอะไร แม้ว่าจะมีความหวัง แต่ก็ไม่สามารถหาทางประยุกต์ใช้มันได้ ถึงใช้ไปสุดท้ายก็ล้มเหลว
……
……
ตกดึกหลงเซี่ยก็ยังไม่กลับมา
หยู่เฮามองไปที่กำแพงหินตรงหน้าเขาพลางครุ่นคิดเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นดวงตาของเขาก็กะพริบ เขาได้กลับเข้าสู่ความสงบราวกับว่าเขาได้ทำการตัดสินใจบางอย่างแล้ว
“ลั่วอู๋ข้าอยากออกไปข้างนอกบ้าง” หยู่เฮา เดินมาหาลั่วอู๋
ในการเข้าออกมิติไหต้องผ่านการรับรองของ ลั่วอู๋
ลั่วอู๋ไม่ได้คิดมาก “ระวังด้วยล่ะอย่าไปไกลจนเกินไป”
“อืม ข้ารู้” หยู่เฮากล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้น ลั่วอู๋ ก็ปล่อยหยู่เฮา ออกจากมิติไห แล้วกลับไปฝึกฝนต่อ ในฐานะที่หยู่เฮาเป็นคนของภูเขาแห้งแล้ง ลั่วอู๋ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่หยู่เฮา จะทำ
เขาไม่ได้งี่เง่าอย่าง ฉูจงฉวน
หยู่เฮาออกจากถ้ำไปอย่างเงียบ ๆ ดวงตาอันแน่วแน่ปรากฏขึ้น เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองถูกล้อมรอบไปด้วยหมาป่าก่อนหน้านี้
ตอนนี้เป็นเวลากลางดึกแล้ว
เป็นช่วงเวลาที่แสงจันทร์โปรยลงมาอย่างแช่มชัด
แสงจันทร์อ่อน ๆ ส่องลงมาบนร่างของหยู่เฮา เขาค่อย ๆ ชูมือขึ้นไปบนท้องฟ้าสัมผัสแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา
เมื่อเขาเดินเข้าไปในป่าทึบเสียงร้องโหยหวนและเสียงหอนของหมาป่าอันหนาแน่นก็ดังขึ้นทันที
คราวนี้หยู่เฮา ไม่ได้ปกปิดลมปราณของเขาด้วยซ้ำ
ฝูงหมาป่า ซึ่งถูกมนุษย์สองคนเล่นงาน และเกลียดชังมนุษย์มานาน ทันทีที่พวกมันรู้สึกถึงลมปราณของมนุษย์ มันก็พุ่งเข้าหาในทันที
เพียงชั่วพริบตาหยู่เฮาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยลมปราณอันทรงพลังนับไม่ถ้วน
แรงกดดันอันหนาแน่นนี้รุนแรงจนทำให้คนหายใจไม่ออก แต่หยู่เฮากลับสงบมากดวงตาของเขาจ้องไปที่ฝูงหมาป่า มองไปยังดวงตาอันดุดันสีเขียวเข้มผิดปกติคู่หนึ่ง
ราชาหมาป่าสับสนมาก ทำไมมนุษย์ที่เกือบจะถูกฆ่าเมื่อไม่นานมานี้ถึงกล้ากลับมาหาพวกมัน?
“เจ้าอยู่ที่นี่สินะ” หยู่เฮาหายใจออกช้าๆ
เขาถือขวานเหล็กแห่งความโกลาหลขึ้น ทำให้ฝูงหมาป่าจันทราอสูรบางส่วนไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะพวกมันเคยได้ลิ้มรสพลังของขวานแห่งความโกลาหลมาก่อนแล้ว
แต่ใครจะไปรู้ว่าช่วงเวลาต่อมาหยู่เฮา กลับค่อย ๆ วางขวานแห่งความโกลาหลลงบนพื้น
เขายอมแพ้และปลดอาวุธลง
ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องการทำอะไร แต่หลังจากที่หมาป่าจันทราอสูรเห็นการกระทำนี้ พวกมันก็เริ่มหอนเตรียมพร้อมที่จะเข้าตะครุบหยู่เฮา
หยู่เฮาจับเสื้อของเขาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วฉีกมันอย่างแรง เสื้อผ้าของเขาขาดเป็นชิ้น ๆ
ร่างกายของหยู่เฮามีแผลเป็นขนาดใหญ่และขนาดเล็กจำนวนมาก ดูดุร้ายและน่ากลัว กล้ามเนื้อที่แข็งแรงปูดขึ้น แต่ละชิ้นเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ร่างกายของเขาไม่ได้ถูกปกปิดอีก นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงสภาพร่างกายอันดุร้ายและทรงพลังของเขา ราวกับว่าเขาได้กลับคืนสู่วิถีดั้งเดิมที่เรียบง่ายที่สุด
“ ตึก!”
“ ตึก!”
หัวใจของหยู่เฮาเต้นระรัว
มันเต้นเหมือนการสั่นสะเทือนของโลก ดังก้องในป่าทึบ พลังวิญญาณในร่างกายของเขาเริ่มเดือดราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ
ใช้งานทักษะ ความบ้าคลั่งอันไม่มีที่สิ้นสุด
นี่คือวิชาลับของท่านหม่าเฉิน
แววตาของหยู่เฮา ปกคลุมไปด้วยชั้นเลือดราวกับว่ากลายเป็นสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์
ช่วงเวลาแห่งความมีเกียรติทำให้หมาป่าที่อยู่รอบ ๆ นิ่งแข็งไป พวกมันเริ่มรู้สึกได้ถึงความสั่นคลอนจากขั้วหัวใจ
“กรร”
ราชาหมาป่าคำราม
ทันใดนั้นหมาป่าก็สงบลง พวกมันระงับความกลัวและเริ่มเข้าไปใกล้หยู่เฮาอีกครั้ง
หยู่เฮา กางมือของเขาออก เขาเพียงแค่ดักจับแสงจันทร์ในมือของเขา จากนั้นเขาก็ควบคุมพลังวิญญาณควบแน่นแสงจันทร์เป็นเส้น แล้วค่อย ๆ วาดรูปหัวหมาป่าบนอกของเขา
หัวหมาป่าตัวนี้เหมือนกับในภาพจิตรกรรมฝาผนัง
เมื่อเห็นเช่นนั้นเหล่าหมาป่าก็หยุดลงทีละตัว พวกมัน ฝ่าฝืนคำสั่งของราชาหมาป่าเป็นครั้งแรก และยอมที่จะหลีกทางให้กับผู้นำ
ราชาหมาป่าร่างใหญ่ออกมาจากด้านหลังของฝูงหมาป่า
ร่างกายของหยู่เฮา เรียกให้มันต้องยอมโผล่ตัวออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ ราชาหมาป่าปล่อยลมปราณของเผ่าหมาป่าจันทราอสูรอันบอบบางและบริสุทธิ์มาก ราวกับกำลังใช้มันในการพรางตัวอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ที่มันทำเช่นนี้ไม่ได้เพื่อที่จะพรางตัว
หยู่เฮาหัวเราะและพูดว่า “ในที่สุดข้าก็ได้สู้กับเจ้าเสียที”
ดวงตาของราชาหมาป่ามองต่ำลง มันไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น แต่สัญชาตญาณแห่งชีวิตทำให้มันต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
มันต้องยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้
เพราะมันคือราชาหมาป่า
ราชาแห่งหมาป่าผู้มีอำนาจสูงสุดของฝูง!
“ ข้าขอท้าเจ้า ราชาหมาป่า” ดวงตาของหยู่เฮาเป็นประกายด้วยแสงอันดุร้าย เขาคำราม “ผู้ชนะจะกลายเป็นราชาหมาป่า และผู้แพ้จงออกไปจากฝูงหมาป่า”
เสียงของหยู่เฮาดังก้องไปทั่วทั้งป่าทึบ
สง่างามและมีคุณค่าอย่างยิ่ง
หมาป่าจันทราเงินทุกตัวเริ่มถอยห่างออกไปเพื่อเว้นพื้นที่ขนาดใหญ่
เขากล้าท้าทายชิงตำแหน่งราชาหมาป่า
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อราชาหมาป่าตัวเก่าเปลี่ยนผ่านตำแหน่งให้ราชาหมาป่าคนใหม่
เมื่อราชาหมาป่าชราอ่อนแอจะมีผู้ท้าชิงเข้ามาท้าทาย หากผู้ท้าชิงชนะมันก็จะสามารถกลายเป็นราชาหมาป่าตัวใหม่ได้ ในขณะที่ผู้แพ้จะต้องออกจากฝูงและกลายเป็นหมาป่าเดียวดาย
นี่คือวิธีการที่ถูกบันทึกไว้บนกำแพงหิน
มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถพิชิตฝูงหมาป่าได้
ลบลายพรางทั้งหมดเผยตัวตนที่แท้จริงที่สุดโดยมีแสงจันทร์เป็นตัวนำทาง แสดงสัญลักษณ์ของเจ้าแห่งหมาป่า เพื่อเข้าท้าทายราชาหมาป่า
โดยไม่สามารถใช้ทักษะใด ๆ ในการท้าทายราชาหมาป่าได้
จะต้องชนะอีกฝ่ายให้ได้ด้วยการปะทะซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น
ฟันและกรงเล็บเป็นอาวุธที่สำคัญที่สุด ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎการท้าทายของราชาหมาป่าจะถูกฝูงหมาป่าฉีก
วิธีนี้มันยากเกินไป
พลังทางกายภาพของราชาหมาป่าจันทราอสูรนั้นทรงพลังมากจนถึงขีดสุด มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงจะเทียบเคียงกับมันได้ มันเป็นการปะทะกันทางกายภาพที่มนุษย์แทบจะไม่มีโอกาสจะชนะ
อีกทั้งยังมีการลบลายพรางทั้งหมด
หรือก็คือไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้า และไม่สามารถใช้อาวุธได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ หลินยูหลัน บอกว่านางจะไม่ลองวิธีนี้
ถอด เสื้อผ้าเข้าสู้ท้าทายราชาหมาป่าท่ามกลางฝูงหมาป่า ?
หญิงสาวที่ไหนจะทำได้ลง
ส่วนลั่วอู๋เองก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถเอาชนะราชาหมาป่าได้เพียงลำพังโดยปราศจากความช่วยเหลือจากสัตว์วิญญาณ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะใช้วิธีนี้
แต่หยู่เฮานั้นต่างออกไป เขาได้มาอยู่ที่นี่แล้ว
การถูกฝูงหมาป่าล้อมจนเกือบตาย ได้กระตุ้นความโกรธของเขาออกมาอย่างสมบูรณ์
ชาวภูเขาแห้งแล้งยอมรับความอัปยศดังกล่าวไม่ได้
เขาจ้องมองไปที่ราชาหมาป่าและคำรามออกมา พร้อมกล่าวประกาศ
เขาไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้และไม่กลัวที่จะท้าทายราชาหมาป่า
เขาจึงมาที่นี่
ชื่อของเขาคือหยู่เฮา
ผู้ที่จะเป็นตำนานของอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง ผู้สืบทอดของท่านหม่าเฉิน