ไหปีศาจ - บทที่ 679 ถูกล้อม
บทที่ 679 ถูกล้อม
บทที่ 679
ถูกล้อม
เขาเคยไปยั่วยุศัตรูเหล่านี้มาก่อนหรือไม่?
ความคิดดังกล่าวฉายผ่านห้วงความคิดของลั่วอู๋
เขาไม่คิดว่าตนเองเคยทำอะไรเช่นนั้น
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงผู้แข็งแกร่งหลายสิบคน เดินทางมาเป็นจำนวนมากในคราวเดียว เท่าที่ดูแล้วกองกำลังของพวกเขาถือว่าแข็งแกร่งมาก
ปัญหาก็คือกองกำลังใดถึงได้กล้าเข้ามาหวังจะสังหารผู้คนอย่างป่าเถื่อนในเมืองหลวงของจักรวรรดิ? ไม่เกรงใจองค์จักรพรรดิบ้างเหรอ?
ทูตเฉียนหลงคำราม “ใครกันกล้ามาท้าทายสำนัก เฉียนหลงของพวกเรา?”
การกระทำดังกล่าวไม่ได้ต่างอะไรไม่จากการวิ่งเข้ามาทุบหน้าประตูอย่างไร้มารยาท ตามปกติแล้วไม่มีแรงกล้าที่จะทำเช่นนี้ แม้แต่กองกำลังชั้นนำก็ไม่กล้าทำเช่นนี้
เพราะทุกคนรู้ดีว่าสำนักเฉียนหลงไม่ใช่กองกำลังที่จะสามารถยั่วยุได้
“ขออภัย พวกเราไม่ได้ต้องการจะกำหนดเป้าหมายไปที่สำนักเฉียนหลง” ท่าทางอันเย็นชาและลมปราณอันรุนแรงของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ “มีเพียงราชโองการขององค์จักรพรรดิเท่านั้นที่ไม่สามารถละเมิดได้”
จากนั้นลมปราณของผู้ใช้พลังวิญญาณหลายสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้น
เมื่อได้นับอย่างถี่ถ้วนลั่วอู๋ก็พบว่าพวกเขามีจำนวนถึงสี่สิบสามคน ทุกคนต่างทรงพลังและเต็มไปด้วยพลังลมปราณอันหนาแน่น ราวกับว่าพวกเขามาจากกองทัพ
ลั่วอู๋ไม่รู้จักพวกเขาทั้ง 43 คนเลย
มิติวิญญาณของพวกเขาทุกคนล้วนไปถึงจุดสูงสุดของมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง แม้ว่าจะไม่มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร แต่ในสถานการณ์นี้พวกเขาก็ได้แสดงจุดยืนอันชัดเจน
เนื่องจากทูตเฉียนหลงมีมิติวิญญาณเพียงจุดสูงสุดของทองขั้นสูง
“พวกเจ้ามาจากกองทัพงั้นเหรอ?” ทูตเฉียนหลงดูเหมือนจะเข้าใจได้ถึงบางอย่าง
ผู้นำของกลุ่มพยักหน้า “ข้ามีนามว่าลู่หยุนเฟิง จากกองทหารค่ายล่มสลาย ได้รับราชโองการจากองค์จักรพรรดิให้มาจับกุมตัวลั่วอู๋ อาชญากรคนสำคัญ ท่านทูตเฉียนหลงได้โปรดอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้”
ทูตเฉียนหลงตะลึง
ราชโองการขององค์จักรพรรดิ?
มันยากสำหรับเขาที่จะต่อต้านอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าสำนักเฉียนหลงจะมีสถานะสูงเพียงใด แต่ก็มีการเขียนไว้อย่างชัดเจนในกฎของสำนักว่าไม่มีใครในสำนักเฉียนหลงที่จะสามารถฝ่าฝืนกฎของราชวงศ์มังกรเร้นกายได้
การขัดขืนราชโองการนั้นถือเป็นการละเมิดกฎของจักรวรรดิราชวงศ์มังกรเร้นกาย
องค์หญิงเจียโรว ร้องออกมาด้วยความโกรธ “เจ้ากำลังพูดอะไร ไร้สาระน่า ท่านพ่อจะสั่งให้มาจับตัวลั่วอู๋ ได้อย่างไร ใครสั่งให้พวกเจ้ามาที่นี่?”
“องค์หญิงผู้สูงศักดิ์” ลู่หยุนเฟิงเหลือบมองไปที่องค์หญิงเจียโรว “แม้ว่าเจ้าจะเป็นองค์หญิง แต่ข้ามาที่นี่ด้วยคำสั่งขององค์จักรพรรดิ ดังนั้นโปรดเงียบด้วย”
องค์หญิงเจียโรว กระทืบเท้าของนางด้วยความโกรธ “เจ้ากล้าพูดแบบนั้นกับข้าได้ยังไง! แม้ว่าเจ้าจะทำตามคำสั่ง แต่ข้าก็จะไปฟ้องร้องเรื่องของเจ้ากับท่านพ่อแน่”
อย่างที่ทุกคนทราบกันดี องค์หญิงเจียโรวนั้นเป็นพระธิดาที่รักยิ่งขององค์จักรพรรดิ ผู้คนที่ไหนจะกล้าดูหมิ่นนาง ได้ ?
ทันใดนั้นลู่หยุนเฟิงก็เย้ยหยัน “ไม่ใช่ องค์จักรพรรดิที่เป็นบิดาของเจ้าหรอก เขาเป็นคนที่เจ้าควรจะเรียกว่าท่านพี่เสียมากกว่า ?”
ทุกคนต่างตกใจ เขาหมายความว่าอย่างไรกัน!
ใบหน้าของ องค์หญิงเจียโรว เปลี่ยนไปอย่างมาก “เจ้าหมายความว่ายังไง ท่านพ่อของข้าอยู่ที่ไหนกัน?”
“องค์จักรพรรดิ องค์ก่อนหน้านี้ได้สิ้นพระชนม์แล้ว” ลู่หยุนเฟิงพูดอย่างแผ่วเบา “ตอนนี้องค์จักรพรรดิคือชาย ผู้ที่เจ้าเคยเรียกกันว่า องค์ชายหลี่ซวนซง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หนังศีรษะของลั่วอู๋ก็ชา
เขาหายตัวไปแค่ครึ่งปี นี่มันเกิดอะไรขึ้น? องค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์แล้ว และหลี่ซวนซงขึ้นครองราชย์? อย่ามาล้อกันเล่นน่า!
ดวงตาของ องค์หญิงเจียโรว เบิกกว้างและจิตใจของนางสั่นสะท้าน “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้”
สถานการณ์ในตอนนี้มันแปลกจริงๆ
หากสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่เป็นความจริง แล้วพวกเขาจะอธิบายเรื่องผู้ใช้พลังวิญญาณทั้งสี่สิบสามคนตรงนี้ได้อย่างไร พวกเขาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจากกองทัพอย่างชัดเจน การที่คนระดับนี้มารวมตัวกันที่นี่โดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้ ทำไม องค์จักรพรรดิถึงไม่มีปฏิกิริยากับเหตุการณ์นี้
ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริง
แต่มันก็ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น!
หลี่ซวนซง นั้นได้ตายไปแล้ว
“เจ้าช่วยอยู่เฉย ๆ แล้วลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้เหรอ” ลู่หยุนเฟิงกล่าวอย่างช้า ๆ แม้ว่าองค์จักรพรรดิองค์ก่อนจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่องค์หญิงเจียโรวก็ยังถือว่าเป็นพี่น้องของ หลี่ซวนซง และยังเป็นองค์หญิง หากองค์จักรพรรดิไม่มีคำสั่ง เขาจะไม่ทำอะไรกับองค์หญิงเจียโรว
เป้าหมายของเขาคือลั่วอู๋เพียงเท่านั้น
ลู่หยุนเฟิง มองไปที่ ลั่วอู๋ “ข้าขอแนะนำให้เจ้ายอมแพ้ แล้วไปกับเรา คำสั่งไม่ได้มีการบอกให้ฆ่า มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะขัดขืน”
พวกเขาต่างมีความมั่นใจในตนเองและความภาคภูมิใจ ในฐานะทหารที่แข็งแกร่ง
พวกเขาเหล่านี้เก่งมากในด้านการต่อสู้
ใบหน้าของลั่วอู๋จมลง
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เขาจะยอมให้ตัวเองถูกจับไปไม่ได้โดยเด็ดขาด
ลั่วอู๋ไม่คิดว่าหลี่ซวนซงจะมีเจตนาที่ดีต่อตัวเขาเอง กลับกันแล้วอีกฝ่ายเกลียดเขามาก การถูกจับย่อมไม่ต่างอะไรไปจากการเดินเข้าหาความตาย
“หยุดเดี๋ยวนี้ ” ทูตเฉียนหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังยืนขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมรับในสิ่งที่ลู่หยุนเฟิงเพิ่งพูด
ดวงตาของ ลู่หยุนเฟิง หรี่ลงเล็กน้อย “เนื่องจากเจ้ามีท่าทีต้องการที่จะแทรกแซง ข้าคงทำได้แค่ขอให้เจ้าไปนั่งรอและเฝ้าดู”
ผู้ใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งสามคนในมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง มิติ 7-8 เคลื่อนไหวในทันที นี่ทำให้ทูตเฉียนหลงตกใจ ทันทีที่เขาต้องการจะตะโกนอะไรบางอย่างเขาก็ถูกทั้งสามคนล้อมไว้
แม้แต่ทูตเฉียนหลงก็ยังลำบากหากต้องรับมือกับทหารที่ทรงพลังทั้งสามคน แต่อีกฝ่ายเองก็เช่นกันพวกเขาไม่สามารถเอาชนะทูตเฉียนหลงได้ง่าย ๆ
นอกจากนี้อีกฝ่ายนั้นไม่ได้ต้องการสังหารทูตเฉียนหลง เขาจึงส่งคนพวกนี้มาทำให้ทูตเฉียนหลงลำบาก
“ฮึ่ม” ลู่หยุนเฟิงตะคอกจากนั้นจึงจ้องไปที่ ลั่วอู๋ “เจ้าจะยอมแพ้ไหม?”
ใบหน้าของลั่วอู๋จมลง “ถ้าต้องถูกมัดมือมัดมือชกไปขึ้นเขียงละก็ ฝันไปเถอะข้าจะไม่ไปกับเจ้า”
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ!” ใบหน้าของ ลู่หยุนเฟิง จมลง มือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นภาพหลอนลวงตาขนาดใหญ่ “มานี่ซะ”
พลังแห่งความหวาดกลัวเข้ากดขี่ลั่วอู๋ราวกับภูเขาลูกใหญ่
ลั่วอู๋จะต้องไม่ยอมให้ตนเองถูกจับ แต่ตอนนี้ช่องว่างห้วงมิติถูกรบกวน เขาจึงไม่สามารถหนีกลับไปที่สำนักเฉียนหลงได้ เขาจึงมีทางเลือกเดียวคือหนีออกไปจากที่นี่
“ทะลวงมิติ”
ร่างของลั่วอู๋สว่างวาบและหายไป
ลู่หยุนเฟิงหัวเราะเยาะ“ เจ้าคิดว่าตัวเองจะหนีพ้นงั้นเหรอ ตามเขาไปเร็ว”
การที่ผู้ใช้พลังวิญญาณจำนวนมากเช่นนี้ล้อมรอบลั่วอู๋ อยู่ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการบีบคอเด็กทารก ผู้แข็งแกร่งย่อมมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง ในขณะนี้จึงมีเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณเพียงสามคนเท่านั้นที่เข้าทำการต่อสู้
ในความคิดของพวกเขาแค่สามคนก็เพียงพอแล้ว
“คิดว่าข้าเป็นของตกแต่งรึไง” ฉูจงฉวนคำรามจากอีกด้านหนึ่ง เขากลายเป็นยักษ์เพลิงสูงหลายสิบฟุตในชั่วพริบตา เปลวไฟอันน่ากลัวโหมกระหน่ำไปทั่วทุกที่ และบังคับดึงตัวทั้งสามคนให้กลับมา
พลังนี้คู่ควรแล้วกับการเป็นอัจฉริยะของสำนักเฉียนหลง
เขาเป็นเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูง มิติหนึ่ง เท่านั้น แต่ก็สามารถจัดการผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงสามคนได้
ลู่หยุนเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “พวกเราไม่ได้ต้องการโจมตีผู้มีพรสวรรค์ของสำนักเฉียนหลง เจ้าไม่ควรเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้นะ ไม่อย่างนั้นความหายนะจะส่งผลต่อตระกูลของเจ้า”
ร่างกายของ ฉูจงฉวน หยุดนิ่งเห็นได้ชัดว่าคำนี้ทำให้เขาลังเล
แต่แล้ว ฉูจงฉวน ก็คำราม “ส่งผลต่อตระกูลงั้นเหรอ ? ถ้าปู่ข้ารู้ว่า ข้าทอดทิ้งพี่ชายของตัวเองแล้วหนีไปคนเดียว เขามีหวังได้เนรเทศข้าแน่ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเจ้ามีความสามารถพอจะจัดการตระกูลของข้าได้ก็ลองดู ข้าคือบุตรคนโตของตระกูลฉู แห่งมณฑลหนานจุน ถ้าเจ้าอยากส่งทหารไปล้อมก็เอาเลย ”
ฉูจานเทียน บรรพบุรุษของตระกูล ฉู นั้นได้กลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรไปแล้ว
ผู้ที่แข็งแกร่ง ในระดับเพชร นั้นเป็นตัวตนที่สำคัญต่อกำลังรบของจักรวรรดิ
หากอำนาจการรบของจักรวรรดิลดลงไป ย่อมสร้างความเสียหายให้กับองค์จักรพรรดิ
ยักษ์เพลิงปล่อยความร้อนอันน่ากลัวออกมามากขึ้นจนพื้นดินก็เริ่มละลายด้วยความร้อน ระดับที่แม้แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงก็ยังต้องกระจัดกระจายกันออกไป ไม่สามารถต้านทานอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ได้
ลั่วอู๋ บังคับให้หญิงสาวทั้งสามคน เข้าสู่มิติไหในทันที แม้พวกนางไม่เต็มใจที่จะหลบเข้าไป แต่เห็นได้ชัดว่าพวกนางไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้ดังกล่าว
จากนั้นลั่วอู๋ก็ตะโกน “หนีกันเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้พูดกับ ฉูจงฉวน
ลู่หยุนเฟิงดูมืดมน “เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีพวกข้าพ้นได้ จริง ๆ งั้นเหรอ ยอมมอบตัวเสียเถอะ อย่าให้ข้าเสียเวลาเลย”
ในที่สุดผู้ใช้พลังวิญญาณทั้งสี่สิบสามคนก็เคลื่อนไหวพร้อม ๆ กัน
แม้แต่ ฉูจงฉวน ที่ใช้ประโยชน์จากทักษะอัญเชิญเทพเพลิง ก็ยังต้องพ่ายแพ้ในทันทีด้วยลมปราณแห่งความหวาดกลัวทั้งหมดนั้น เขาถูกบดขยี้ลงกับพื้นจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
“ ฉูจงฉวน!” ลั่วอู๋ตกใจมาก
แต่เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องของคนอื่น เพราะตอนนี้เขากำลังถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงกว่า 43 คน กระแสแห่งความกดดันจากลมปราณได้เข้าล้อมรอบตัวของลั่วอู๋
ตูม!
ร่างกายของลั่วอู๋สั่นอย่างรุนแรง จนมีเลือดไหลซิบออกมา
ผู้ใช้พลังวิญญาณทั้ง 43 คนเหล่านี้ล้วนมีมิติวิญญาณสูงกว่าเขา มันไม่มีทางที่เขาจะหนีพ้นได้เลย