ไหปีศาจ - บทที่ 687 เพลิงสีทอง
บทที่ 687 เพลิงสีทอง
บทที่ 687
เพลิงสีทอง
มันเป็นสัตว์วิญญาณโบราณที่อยู่ในมิติวิญญาณระดับจักรพรรดิโดยแท้จริง
ในตำนานกล่าวว่ามันแข็งแกร่งมาก แม้แต่ในบรรดาสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิด้วยกัน มันก็ยังถือว่าสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ ที่เหลือเชื่อที่สุดก็คือเคยมีบันทึกโบราณกล่าวไว้ว่า มันเคยได้กินมังกรเข้าไป
แน่นอนว่ามังกรในที่นี้ไม่ได้หมายถึงมังกรแก่นแท้
ที่มันกินไปก็แค่มังกรทั่วไป
มังกรแก่นแท้นั้นถือเป็นสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด ตามธรรมชาติแล้วมันจึงไม่สามารถลดตัวลงเป็นอาหารของสัตว์วิญญาณอื่นได้ มันจึงมีความยับยั้งชั่งใจที่จะไม่กล้าไปคุกคามมังกรแก่นแท้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากราชาผีดิบฮานนั้นโหดร้ายเกินไป จึงทำให้เกิดผู้ที่โกรธแค้นมันมากมาย จนในที่สุดมันก็ตายภายใต้การล้อมโจมตีของสัตว์วิญญาณทรงพลังมากมายนับไม่ถ้วน
ถึงแม้ว่ามันจะตายไปแล้ว แต่ตัวตนของมันก็อาจจะเกิดขึ้นใหม่ได้ในอีกหลายหมื่นหรือหลายแสนปีหลังจากนั้น เพราะมันเกิดขึ้นมาด้วยกฎของโลก
มันไม่สามารถถูกกำจัดไปได้โดยสมบูรณ์ เว้นแต่กฎของโลกจะถูกทำลายลง
ต่างจากสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิ ที่ฝึกฝนขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างลิงศักดิ์สิทธิ์ พวกมันเหล่านั้นหากตายไปแล้ว ก็จะไม่สามารถกำเนิดใหม่ด้วยกฎของโลกได้อีก
ดังนั้นเพื่อป้องกันการฟื้นคืนชีพของสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิ มันจึงไม่ได้ถูกฆ่า แต่ถูกแยกออกเป็นสามส่วนกระจายอยู่ทั่วโลก
ส่วนหนึ่งสืบทอดพลังมนตราอันน่ากลัวขึ้นสู่ท้องฟ้า อีกหนึ่งหลอมรวมเข้ากับร่างกายที่แข็งแกร่งกายเป็นศพของราชาผีดิบฮาน ในขณะที่อีกส่วนหายไปเป็นปริศนา
หากชิ้นส่วนแก่นวิญญาณทั้งสามยังไม่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ มันก็จะไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้
ราชาผีดิบฮาน
นี่คือส่วนจากร่างกายของสัตว์วิญญาณที่น่ากลัวที่สุดภายใต้มิติวิญญาณระดับจักรพรรดิตัวนั้น
บางทีอาจมีเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิเท่านั้นที่จะสามารถเทียบเคียงกับมันได้
“ ราชาผีดิบงั้นเหรอ?” ดวงตาของลั่วไป่เหาขุ่นมัวและชัดเจน “ไม่สิ ราชาผีดิบฮานถูกโค่นลงไปแล้วเมื่อหลายพันปีก่อน นอกจากนี้เจ้าก็ยังมีตัวตนอยู่ … ”
เซียวอวี้เคยเป็นคนที่มีชีวิต ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นราชาผีดิบฮานได้ มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่จะเข้าใจ
เซียวอวี้กล่าวอย่างใจเย็น “สมควรแล้วที่เป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับเซียน วิสัยทัศน์นี้มีค่าคู่ควรต่อชื่อเสียงจริง ๆ ข้าไม่ใช่ราชาผีดิบฮาน”
“แล้วเจ้าเป็นสัตว์ประหลาดประเภทไหนกัน?” ลั่วไป่เหา คำราม
“ข้า … ” เซียวอวี้มองไปที่เล็บอันดุร้ายของเขาแล้วจึงพูดว่า “ข้ามีศพของราชาผีดิบฮานอยู่ในร่าง”
หากใครได้ยินก็ยากที่จะสงบใจลงได้
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากแก่นวิญญาณของราชาผีดิบฮาน
มันยากที่จะจินตนาการว่าจะแย่แค่ไหน ถ้าหากราชาผีดิบฮานตัวจริงอยู่ที่นี่
ลั่วอู๋นึกถึงเทพพิทักษ์เวหา ซึ่งเคยทำให้เขาเข้าใจแก่นแท้แห่งการทำลายล้าง แต่ถูกต้าหวงกลืนกินเข้าไปเสริมพลัง
“เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้ เจ้าจะหยุดข้าได้ยังไง?” เซียวอวี้กล่าวช้าๆ
ลั่วไป่เหาหัวเราะเยาะ “แล้วเจ้าสามารถฆ่าข้าได้รึไง?”
“ถ้าเจ้าพลาดเจ้าก็ตาย” เซียวอวี้ในตอนนี้ทรงพลังมาก จนเขากล้าพอที่จะเปิดเผยความจริงนี้ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากจนแทบจะสามารถต้านทานการโจมตีทั้งหมดได้ แต่ ลั่วไป่เหานั้นไม่สามารถทำแบบเดียวกันได้ ถึงแม้ว่าร่างจำแลงของลิงเผือกจะทรงพลังมาก แต่มันก็เทียบกับราชาผีดิบฮานไม่ได้
“ งั้นข้าก็จะหนี” ลั่วไป่เหาจับขึ้นมาลั่วอู๋แล้วหันหัวหนี เขากลายเป็นเงาสีขาวและหายไป “เจ้าทำอะไรให้ได้”
เซียวอวี้ส่ายหัว เขาไม่มีที่ท่ารีบร้อนที่จะไล่ตาม
เพราะเขารู้ว่าเขาได้ถ่วงเวลาลากยาวมานานพอที่ผู้หญิงคนนั้นจะมาถึงได้แล้ว
“ฮ่า…”
เสียงหัวเราะหญิงสาวดังขึ้น
ลั่วไป่เหา รู้สึกได้ถึงกำแพงห้วงมิติ ตรงหน้าที่ถูกกางขึ้นมาขวางทางของเขา
“ออกไปจากที่นี่ซะ”
ลั่วไป่เหา ใช้การโจมตีของเขาเพื่อโจมตีกำแพงแห่งห้วงมิตินั้น ด้วยเสียงคำรามของลิงเผือกทำให้กำแพงแห่งห้วงมิติ สั่นไหวจากนั้นก็สลายไป
อย่างไรก็ตามการกระทำของลั่วไป่เหาก็ยังคงถูกปิดกั้น
“โอ้ สมกับเป็นพลังของลิงเผือกมันช่างวิเศษมาก” หญิงสาวตัวสูงผู้แต่งหน้าหนักค่อย ๆ เดินออกมาจากห้วงมิติ
ท่วงท่าของผู้หญิงคนนั้นสง่างาม ผิวขาวสวยราวกับสตรีผู้สูงศักดิ์จากเมืองหลวงของจักรวรรดิ แต่ดวงตาของนางกลับเต็มไปด้วยความโหดร้าย
ลั่วไป่เหาหนักใจขึ้นมาทันที “ท่านหญิงเฟิง?”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดเบา ๆ
ลั่วไป่เหารู้จักผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นอย่างดี นางคือคนที่โหดร้ายอำมหิต และเชี่ยวชาญในแก่นแท้ของห้วงมิติ นางเป็นคนโหดร้ายและชื่นชอบหารฆ่า นางเคยมีสามีถึง 13 คนและ 12 คนแรกถูกฆ่าตายด้วยมือของนาง
ความแข็งแกร่งของผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งเกินไป อีกทั้งยังฉลาดมาก นางไม่เคยกระตุ้นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง จึงสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบได้มานาน
ในเมืองหลวงของจักรวรรดินั้นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงมีกลุ่มสังคมเล็ก ๆ อยู่
โดยมีเฉินซังเทียน เป็นผู้นำของกลุ่มสังคมเล็ก ๆ นั้น พวกเขามีกันอยู่ 20 คน และล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรทั่วไปไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่กลุ่มสังคมเล็ก ๆ นี้
ถึงแม้ท่านหญิงเฟิง จะมีคุณสมบัตินั้น แต่เฉินซังเทียนก็ไม่เคยส่งคำเชิญไปหานางเพราะทุกคนล้วนไม่ชอบนางเป็นอย่างมาก
คนที่ทุกคนไม่ชอบหน้าย่อมไม่สามารถเข้ามาในแวดวงได้
เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของท่านหญิงเฟิงเป็นอย่างมาก ทำให้นางไม่พอใจทุกคนที่อยู่ในแวดวงเล็ก ๆ นี้ ซึ่งลั่วไป่เหาก็บังเอิญเป็นหนึ่งในนั้น
ลั่วไป่เหารู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้แย่ลงมาก
ผู้หญิงคนนี้มีวิชาที่แตกต่างออกไปจากคนอื่น ๆ
เขาไม่คาดคิดว่านางจะหันไปเข้าร่วมกับจักรพรรดิองค์ใหม่ เขาต้องยอมรับความสามารถของจักรพรรดิองค์ใหม่เลยที่สามารถปราบนางอสรพิษร้ายคนนี้มาเข้าร่วมได้
“เพื่อที่จะจับเด็กหนุ่มระดับทองขั้นสูง มิติสอง เขาต้องส่งผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรสองคนมาเลยงั้นเหรอ?” ลั่วไป่เหาถอนหายใจ
เซียวอวี้พูดขึ้นอย่างช้า ๆ “องค์จักรพรรดิชอบที่จะเตรียมการอย่างรอบคอบ นี่แสดงให้เห็นว่าท่านให้ความสำคัญกับลั่วอู๋มากแค่ไหน ข้าขอแนะนำให้เจ้าอย่าได้ดิ้นรน”
ลั่วไป่เหาเพียงคนเดียวไม่สามารถชนะเซียวอวี้ได้ นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่มีท่านหญิงเฟิงด้วยอีกคน
ลั่วไป่เหา หายใจเข้าลึก ๆ ริมฝีปากของเขาเริ่มขยับ เสียงของเขาเหมือนด้ายเส้นเล็ก ๆ เขาพูดกับลั่วอู๋เบา ๆ “ข้าจะส่งเจ้าล่วงหน้าไปก่อน เจ้าอย่าได้หันหลังกลับ จงไปที่หน่วยสยบมังกรแล้วตามหาผู้บัญชาการหลิงหลง”
เขารู้ว่าลั่วอู๋และผู้บัญชาการหลิงหลงรู้จักกันเป็นอย่างดี
ลั่วอู๋ตกใจมาก “ท่านบรรพบุรุษล่ะ”
“ข้าจะถ่วงเวลาไว้ให้”
“ท่านจะทำแบบนั้นไหวได้ยังไง?”
“ไม่ต้องห่วงถึงข้าจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ แต่ข้าขอรับรองเลยว่าพวกเขาไม่สามารถฆ่าข้าได้หรอก” ลั่วไป่เหากล่าวอย่างมั่นใจ
ลั่วอู๋ต้องการจะพูดต่อ แต่คลื่นพลังวิญญาณขนาดใหญ่ในมือของลั่วไป่เหาก็ได้ทำลายห้วงมิติลงโดยตรงราวกับว่าจะตัดโลกของทั้งสองคนออกจากกัน
“ไปซะ” ลั่วไป่เหาผลักลั่วอู๋ ส่งเขาเข้าไปในรอยแตกห้วงมิตินั้น
ร่างของลั่วอู๋ตกลงไปในรอยแยกของห้วงมิติอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ท่านหญิงเฟิงเย้ยหยัน “เจ้ายังจะขัดขืนอีกเหรอ จนมุมขนาดนี้ เจ้าไม่คิดเลยหรือว่าเหตุใดองค์จักรพรรดิถึงส่งข้ามาที่นี่ ข้ามาเพื่อยุติการหลบหนีทุกวิถีทางยังไงล่ะ”
มือของท่านหญิงเฟิงเต็มไปด้วยพลังวิญญาณสีเงินอันคมกริบราวกับมีดผ่าตัดที่แม่นยำที่สุด นางตัดช่องว่างห้วงมิติลงโดยตรง หวังจะทำลายห้วงมิติที่ลั่วไป่เหาสร้างให้หมดไป
นางเชี่ยวชาญแก่นแท้ทักษะแห่งห้วงมิติเป็นอย่างมาก ถึงระดับที่ว่านางอยู่ห่างจากนักฆ่าลัทธิเต๋าในตำนานเพียงแค่ครึ่งก้าว
ลั่วไป่เหา ส่งเสียงคำรามต่ำ เงาของลิงเผือกที่อยู่ข้างหลังเขาก็แข็งตัวเป็นเวลาสองสามนาที ก่อนจะมีเปลวไฟสีทองจาง ๆ ปรากฏบนร่างกายของเขา มันสว่างมาก
ทันใดนั้นการเชื่อมต่อระหว่างท่านหญิงเฟิงและแก่นแท้แห่งห้วงมิติก็ถูกตัดขาด
ท่านหญิงเฟิงตกใจมาก
แม้แต่เซียวอวี้ก็ยังแปลกใจ “การเผาไหม้แก่นวิญญาณ เจ้าคิดจะฆ่าตัวตายรึยังไง!”
ลั่วไป่เหาไม่ได้สนใจ
การเผาไหม้แก่นวิญญาณสามารถปลดปล่อยพลังวิญญาณได้มากมายมหาศาล ยิ่งหากผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรเช่นนี้ยิ่งทำให้ผู้อื่นต้องยอมจำนน
เพียงชั่วอึดใจเดียวมันก็เผาผลาญอายุขัยแก่นวิญญาณของเขาไปเกือบ 50 ปี
ลั่วไป่เหาอายุมากขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อากาศแห่งความตายเริ่มกระจายออกจากร่างอันชราภาพของเขา
“เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้กี่ปีเชียว เจ้ากล้าทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน?” ท่านหญิงเฟิงอุทานออกมาและพยายามสร้างความสัมพันธ์กับแก่นแท้แห่งห้วงมิติขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา
ทว่าลั่วไป่เหากลับหัวเราะ “หึ ถ้าต้องมีชีวิตอยู่ไปอีกสองสามปี สู้ใช้มันทั้งหมดไปเลยเสียยังดีกว่า ถ้าเจ้าแน่จริงก็ลองเข้ามาขัดขวางข้าสิ”
ทันทีที่สิ้นเสียง เปลวไฟสีทองบนร่างของลั่วไป่เหาก็ลุกไหม้อย่างดุเดือด ทุกสิ่งรอบตัวเขาดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป
เซียวอวี้อดไม่ได้ที่จะต้องถอยหลังหนี
เขาเริ่มรู้สึกปวดแสบปวดร้อน
จิตสังหารที่แท้จริงของผู้แข็งแกร่งระดับเพชร ช่างน่ากลัว
“ท่านบรรพบุรุษ”
ลั่วอู๋ร่วงลงไปในห้วงมิติมองไม่เห็นเหตุการณ์ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่โดยสัญชาตญาณแล้วเขารู้สึกได้ว่าเรื่องแย่ ๆ กำลังเกิดขึ้น เขาจึงร้องออกมา
“ ถ้าเป็นไปได้ก็กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลลั่วให้มากกว่านี้หน่อยนะ” ลั่วไป่เหากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลั่วอู๋ได้ยินดังนั้นก็น้ำตาไหลพรากออกมา
ท่านบรรพบุรุษ!!
ด้วยคลื่นพลังวิญญาณขนาดใหญ่ในมือของเขา ลั่วไป่เหาปิดช่องว่างห้วงมิติลงและลั่วอู๋ก็หายตัวไป
ร่างกายของเขาลุกโชนด้วยไฟสีทอง จากนั้นก็ค่อย ๆ สลายเป็นภาพลวงตาราวกับว่าจะกลายเป็นควันสีเทาจำนวนหนึ่งเมื่อใดก็ได้ แต่ปากของเขากลับกำลังยิ้ม
เขามีชีวิตอยู่มานานพอแล้ว
ในช่วงชีวิตนี้เขาใช้มันมาเพียงพอแล้ว ที่ได้เห็นตระกูลลั่วสามารถเอาชนะตระกูลเอ๋าได้ อีกทั้งยังได้เห็นความโกรธเคืองของบรรพบุรุษแห่งตระกูลเอ๋า
แต่เขายอมให้ลั่วอู๋ตายไม่ได้ เขายังเด็กและยังมีอนาคตที่สดใส
ทายาทของตระกูลลั่วที่แข็งแกร่งนั้นมีไม่มากนัก จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรเลยนอกจากเขา ไม่มีใครสามารถรับช่วงต่อเขาได้เลยจริง ๆ มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
เขาชื่นชอบลั่วอู๋ อีกทั้งลั่วอู๋ยังเป็นคนที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะได้กลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร น่าเสียดายที่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตนเองคือทายาทของตระกูลลั่ว
เขารู้ดีว่าตัวเองเห็นแก่ตัวที่เขามาช่วยลั่วอู๋
แต่ถ้าหากมีวิกฤตในอนาคต เขาก็หวังว่าลั่วอู๋จะสามารถช่วยตระกูลของเขาได้
อา
ลั่วไป่เหาเริ่มคิดถึงวันวานที่ได้ต่อสู้ร่วมกันกับนักบุญอุปถัมภ์
หึหึหึ
ตาแก่ของตระกูลเอ๋า เจ้าเองก็น่าจะอายุไล่เลี่ยกันกับข้า
ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ภพหน้า
อย่าปล่อยให้ข้ารอนานล่ะ