ไหปีศาจ - บทที่ 696 ตระกูลลั่วกลับมาแล้ว
บทที่ 696 ตระกูลลั่วกลับมาแล้ว
บทที่ 696
ตระกูลลั่วกลับมาแล้ว
“นั่นมันดาบหลิงเทียน”
มีคนจำดาบเล่มนั้นได้
หนึ่งในดาบชั้นยอดทั้ง 10 อันดับสาม
“ เขาคือหลินเจิ้ง!” ใครบางคนอุทานขึ้นมา
ชื่อเสียงของนักดาบอันดับหนึ่งของโลกนั้นยิ่งใหญ่พอที่จะข่มขู่ผู้คนให้ตื่นกลัวได้ กองทหารองครักษ์ที่เข้ามายึดต่างถอยห่างกันออกไปทีละคน เพราะเกรงว่าตนเองอาจจะทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาขุ่นเคืองและถูกดาบเล่มนั้นตัดหัว
แม้ว่าหลินเจิ้งจะไม่ใช่นักฆ่า
แต่ก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า เขาจะไม่ฆ่า
อย่างไรก็ตามผู้คนต่างก็ต้องสับสนกับภาพตรงหน้าของพวกเขา เนื่องจากว่ากันว่าหลินเจิ้งนั้นได้ถูกทำลายทะเลแก่นวิญญาณไปแล้ว เพราะได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเข้าช่วยหลี่ซวนซงในอดีต เขาจึงถูกลั่วอู๋โจมตีด้วยวัตถุวิญญาณอันทรงพลัง
แล้วทำไมเขาถึงยังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้กัน?
นอกจากนี้ทำไมเขาถึงอยากจะปกป้องสำนักโล่พิทักษ์ล่ะ?
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าถาม
“ข้าเคยเห็นท่านมาก่อน เทพเจ้าแห่งดาบ” ในกองทหารองครักษ์นั้นมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับดาบวิญญาณในมือของเขา พร้อมแสดงความเคารพ
แม้หลินเจิ้งจะไม่เคยอ้างว่าตัวว่า ตนเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก แต่นักดาบหลาย ๆ คนในโลกต่างก็เรียกหลินเจิ้งด้วยฉายา เทพเจ้าแห่งดาบ
หลินเจิ้งส่ายหัว “ข้าเป็นแค่ชายพิการ จะมีชื่อเรียกแบบนั้นได้ยังไง”
ทุกคนต่างประหลาดใจ
ชายพิการ?
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงที่ถือดาบวิญญาณสงสัย “ท่านล้อข้าเล่นใช่ไหม?”
“ข้าไม่ได้ล้อเล่น” หลินเจิ้งโบกมือ เรียกดาบวิญญาณสีเขียวให้ลอยเข้ามาในมือของเขา แปรเปลี่ยนเป็นดาบยาว “เพียงแต่ว่าข้านั้นมีดาบวิญญาณศักดิ์สิทธิ์”
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงผู้ถือดาบตอบสนองในทันที
ดาบมนตราระดับที่เขาใช้ย่อมมีวิญญาณดาบสถิตอยู่ ต่อให้มันไม่ได้ถูกควบคุมโดยผู้ใช้พลังวิญญาณ มันก็ยังสามารถปลดปล่อยพลังวิญญาณอันน่ากลัวออกมาได้อยู่ดี
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมันอยู่ในมือของหลินเจิ้ง ต่อให้ดาบเล่มนี้ไม่ได้แผ่พลังวิญญาณออกมามากนัก มันก็ย่อมทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
ระดับที่แม้แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูง ก็แทบจะไม่สามารถต้านทานคลื่นพลังวิญญาณนี้ไหว หลินเจิ้งคือนักดาบโดยแท้จริง อีกทั้งยังเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก ถ้าเขาใช้พลังวิญญาณของดาบออกมาจริง ๆ อย่างเต็มที่ละก็ พวกเขาก็คงจะไม่สามารถยืนหยัดอยู่ตรงนี้ต่อไปได้อีก
แม้ว่าเขาจะไม่มีพลังจากทะเลแก่นวิญญาณก็ตาม
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมหลินเจิ้งไม่มีลมปราณ
แต่ทุกคนคิดว่าเป็นเพราะความแตกต่างอันยิ่งใหญ่เกินไปในมิติวิญญาณจนพวกเขาไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้
ปรากฏแท้จริงแล้วเขาไม่มีมันจริง ๆ
ผู้คนในสำนักโล่พิทักษ์ตื่นเต้นกันมากที่ได้เห็นการเคลื่อนไหวออกมาปกป้องสำนักของหลินเจิ้ง แต่เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่หลินเจิ้งพูด พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น หลินเจิ้งนั้นตรงไปตรงมาเกินไปแล้ว
“ท่านเทพเจ้าแห่งดาบ หลินเจิ้ง” แม้ว่าหลินเจิ้งจะอาศัยเพียงพลังของดาบวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในการต่อสู้ แต่เหล่าทหารก็ไม่คิดว่าตนเองจะสามารถต่อกรกับเขาได้ “พวกเรามาเพื่อตรวจสอบสำนักโล่พิทักษ์ ด้วยพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ หวังว่าท่านจะยอมหลีกทางให้พวกเรา … ”
“ไม่” หลินเจิ้งส่ายหัว
“ทำไมกันล่ะ?”
“ข้าติดหนี้บุญคุณลั่วอู๋”
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงที่ถือดาบหยุดพูดลง
“ พวกเจ้ากลับไปก่อนได้รึเปล่า” หลินเจิ้งพูดตรง ๆ ราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา ๆ ของโลก
ก่อนหน้านี้เพื่อตอบแทนบุญคุณของหลี่ซวนซง เขาเต็มใจที่จะช่วยเหลือในแผนกบฏของหลี่ซวนซง แน่นอนว่าในเมื่อตอนนี้เขาติดหนี้บุญคุณลั่วอู๋ เขาก็ต้องช่วยปกป้องร้านค้าเล็ก ๆ นี้ โดยไม่มีถอยเช่นกัน
หลินเจิ้งจึงยกดาบของเขาขึ้น แม้ว่าพลังวิญญาณในดาบของเขาจะค่อย ๆ หายไปตามเวลาที่ผ่านไปก็ตาม
ทหารทั้งหมดต่างมองไปที่หลินเจิ้งด้วยสายตาอันซับซ้อน
แม้ว่าเขาจะสูญเสียทะเลแก่นวิญญาณไป แต่ท่าทางอันสงบสุขุมของเขาก็ยังคงคู่ควรกับตำแหน่งของนักดาบอันดับหนึ่ง
ขุนนางฮวงผู้ถูกดาบบังคับให้นอนอยู่บนพื้นลุกขึ้นอย่างรีบร้อน แล้วกรีดร้องออกมา “โอหัง! นี่คือการกบฏ เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ที่ใช้พลังวิญญาณแท้ ๆ พวกเจ้ามัวกลัวอะไรกัน? จัดการเขาซะ ”
ทุกคนต่างเงียบลง มีเพียงขุนนางฮวงเท่านั้นที่ยังส่งเสียงตะโกน
หลายคนนึกดูถูกเขาอยู่ในใจ ตามคาดขุนนางก็คือขุนนาง พวกเขาไม่สามารถต่อสู้ด้วยตัวเองได้ สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นคำสั่งสูงสุดนั้นก็ไม่ต่างจากกระดาษชำระสำหรับคนบางคน
“ท่านขุนนางฮวง พวกเรากลับไปกันก่อนเถอะ” ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงผู้ถือดาบกล่าว
“อย่ามาล้อกันเล่นน่า” ใบหน้าของขุนนางฮวงตกตะลึง “พวกเจ้าเป็นถึงทหารองครักษ์ แต่กลับกลัวชายพิการเนี่ยนะ?”
แน่นอนว่าในกองทหารองครักษ์ย่อมมีผู้ใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่ แต่จุดประสงค์ในการมาของพวกเขาในวันนี้มีเพียงแค่การยกเลิกกิจการร้านค้า ตามธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงไม่ได้เรียกผู้ใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งจริง ๆ ให้มาด้วยกัน
ต่อหน้าสองประโยคนี้หลินเจิ้งนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนอ่อนแออยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร ทว่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงผู้ถือดาบวิญญาณในมือกลับมีท่าทางอันเย็นชา เขาแผ่จิตสังหารกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ “ ไม่ว่าท่านหลินเจิ้งจะอ่อนแอลงแค่ไหน เขาก็ไม่ใช่คนที่ขุนนางอย่างเจ้าจะพูดพล่อย ๆ ตำหนิได้ ถ้าเจ้ายังปากมาปากสว่างอีก ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าทิ้งไปซะ”
นี่คือความเคารพของกองทหารองครักษ์ ที่มีต่ออันดับหนึ่งของโลก
ขุนนางฮวง กลัวมากจนถอยหลังไปสามก้าว ขาของเขาสั่นอย่างช่วยไม่ได้พลางชี้ไปที่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงผู้ถือดาบวิญญาณในมืออย่างตกตะลึง “เจ้า … ”
“ข้าทำไม?” ใบหน้าของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงผู้ถือดาบวิญญาณในมือนั้นยังคงเย็นชา “ข้าเป็นสมาชิกของกองทัพองครักษ์ ขุนนางอย่างเจ้าคิดจะสั่งอะไรข้างั้นหรือ? ถ้าเจ้ากล้าพอก็ลองไปฟ้ององค์จักรพรรดิเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ดูสิ”
ขุนนางฮวงตกใจกับลมปราณของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงผู้ถือดาบวิญญาณในมือ จนกลัวที่จะพูดต่อ
แค่นี้เขาก็โกรธมากอยู่แล้ว
เขาจะต้องไปรายงานต่อองค์จักรพรรดิให้จัดการกับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงคนนี้อย่างรุนแรง
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงผู้ถือดาบวิญญาณในมือ ไม่สนใจขุนนางฮวงอีกต่อไป แต่เขาก้มศีรษะลงแล้วพูดกับหลินเจิ้ง “พวกข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน พวกเราจะทำการถอนตัวกลับไป แล้วรายงานต่อองค์จักรพรรดิว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้น ขอให้ท่านโปรดดูแลตัวเองด้วย”
หลินเจิ้งพยักหน้า
“อีกหนึ่งอย่าง” ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงกล่าวด้วยความลำบากใจ “ข้าเป็นศิษย์น้องของท่าน มีนามว่าจิงโฉว ข้ามีความเข้าใจในแก่นแท้แห่งดาบเพียงผิวเผิน ท่านหลินเจิ้งพอจะชี้แนะให้กับข้าได้หรือไม่?”
สายตาของผู้คนต่างมองไปยังดาบในมือของหลินเจิ้งที่ได้ลดลงกลับสู่ปกติ
มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย ที่หลินเจิ้งนั้นได้รับความเคารพมากถึงขนาดนี้
หลินเจิ้ง ยังคงไม่แยแสอะไรเท่าไหร่เหมือนปกติ “เจ้าจงแสดงให้ข้าเห็นสิ”
จิงโฉว ชักดาบของตัวเองออกมาอย่างรวดเร็วจากนั้นก็แสดงทักษะดาบที่เขาภาคภูมิใจที่สุดออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะมีทักษะพิเศษหลายอย่างที่ทรงพลังมาก
หลินเจิ้งเอ่ยคำแนะนำสองสามประการออกมาอย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของดาบราวกับว่า ทักษะเหล่านั้นได้ฉีกตัวออกจากรังไหมเป็นทักษะที่พัฒนาขึ้น แล้วจึงหยิบยกปัญหาที่มีอยู่ในทักษะดาบเหล่านั้นออกมา
จิงโฉวดีใจราวกับว่าเขาได้รับสมบัติที่ดีที่สุด เขาอดตื่นเต้นไม่ได้ที่ตนเองได้รับคำแนะนำจากนักดาบอันดับหนึ่งของโลก มุมมองเหล่านี้ของหลินเจิ้งเป็นหนึ่งในการสอนที่ดีที่สุดในโลก
ขณะที่กองทหารองครักษ์กำลังจะจากไปคนกลุ่มหนึ่งก็ได้บุกรุกเข้ามา
ผู้นำของพวกเขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูมีพละกำลัง ปลายแขนเสื้อของเขาตกแต่งด้วยลวดลายของลิงเผือก
“พวกเขามาจากตระกูลลั่ว” ผู้คนในสำนักโล่พิทักษ์เริ่มรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
คนของตระกูลลั่ว นั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับสำนักโล่พิทักษ์
แต่ตระกูลลั่วมาทำอะไรในเวลานี้กัน?
“ในที่สุดท่านก็มาเสียที่ ท่านลั่ว” ขุนนางฮวงรู้สึกประหลาดใจ เขาติดต่อกับตระกูลลั่วแจ้งมาที่นี่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมากแล้ว
ชายวัยกลางคนพยักหน้า “ใช่”
ชื่อของเขาคือ ลั่วฮันเชียง ผู้นำคนใหม่ของตระกูลลั่ว
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะผู้นำตระกูลคนล่าสุดก็ยังเป็นเขาเช่นกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลโดยท่านบรรพบุรุษ เนื่องจากเขาได้เขาสนับสนุนการกบฏของคฤหาสน์องค์ชาย ไม่เพียงแค่นั้นทะเลแก่นวิญญาณของเขาเองก็ได้ถูกทำลายลง จนในตอนนี้เขามีสภาพน่าสังเวช อ่อนแอเสียยิ่งกว่าคนรับใช้ระดับต่ำสุดในตระกูล
แต่แล้วฮวงจุ้ยก็เปลี่ยนไป
หลี่ซวนซงได้ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิ
อีกทั้งลั่วไป่เหาบรรพบุรุษของตระกูลลั่วนั้นก็ได้เสียชีวิตลง ทำให้สมาชิกในตระกูลลั่วเกือบทั้งหมดใจสลาย แม้บางคนจะตายตามไปด้วยความเศร้าโศก แต่เขากลับมีความสุขมากจนแทบจะบินได้
ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือขององค์จักรพรรดิ เขาจึงได้กลับมาอีกครั้งในฐานะผู้นำตระกูลลั่ว
เรียกได้ว่ารับอำนาจโชคลาภมาอย่างไม่จำกัด
ความแข็งแกร่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย เพราะตอนนี้เขาได้เป็นผู้ควบคุมตระกูลลั่วทั้งหมดไว้ในกำมือแล้ว ราวกับว่าทั้งตระกูลเป็นดั่งแขนขาของตัวเขาเอง