ไหปีศาจ - บทที่ 700 การเดินทางสู่ความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด
บทที่ 700 การเดินทางสู่ความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด
บทที่ 700
การเดินทางสู่ความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด
“การหายตัวไป” ของลั่วอู๋ส่งผลกระทบก่อให้เกิดความปั่นป่วนเป็นอย่างมากไม่เพียงแต่ในจักรวรรดิราชวงศ์มังกร เร้นกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงที่อาณาจักรภูเขาแห้งแล้งอีกด้วย
การกำเนิดขึ้นของฝันร้าย และการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์เชื่อมโยงกันด้วยคนดีในสังคม พวกเขาคิดว่าฝันร้ายนั้นเป็นลางร้ายอย่างยิ่ง มันบ่งบอกถึงความไม่พอใจของสวรรค์ที่มีต่อผู้คนชั้นสูงในปัจจุบัน
แน่นอนว่ามีคนดีมากมายถูกจับไปประหารตามท้องถนน
บางคนเรียกถึงกับเรียกช่วงเวลาแห่งโศกนาฏกรรมนี้ว่ายุคมืด
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลัง
ตอนนี้พระเอกของเรื่องอย่างลั่วอู๋นั้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย
“ดูเหมือนว่าข้าจะโชคไม่ดีเท่าไหร่เลยแฮะ”
ลั่วอู๋มองไปยังความมืดมิดอันไร้ขอบเขตและความว่างเปล่าตรงหน้า พลางถอนหายใจ แสงที่ส่องสว่างอยู่ในความมืดนั้นช่างอยู่ไกลออกไปเสียจริง
ตอนนี้เขาตกอยู่ในความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด
เขาสูญเสียทิศทางการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง
การใช้หินห้วงมิติที่ไร้พิกัดนั้นจะนำผู้ใช้เข้าสู่กระแสห้วงมิติโดยตรง ทำให้ลั่วอู๋ถูกส่งไปยังสถานที่แห่งความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตามหากลั่วอู๋อยู่ใกล้กับช่องว่างมิติ ลั่วอู๋ก็อาจจะพอทำลายห้วงมิติออกไปสู่ห้วงมิติหลักได้
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าลั่วอู๋นั้นไม่ได้โชคดีเท่าไหร่
“ไม่มีสัญญาณของประตูห้วงมิติหลักเลย” การรับรู้กว่า 99 % ของลั่วอู๋ยังจบลงด้วยความล้มเหลว
นี่สามารถบอกได้เพียงสิ่งเดียว
ตอนนี้เขาอยู่ห่างไกลจากประตูสู่ห้วงมิติหลักมาก
มีเส้นทางมากมายให้เขาเลือก แต่อาจมีเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้นที่จะพาไปห้วงมิติหลัก ความเป็นไปได้ในการเลือกให้ถูกเส้นทางนั้นต่ำเกินไป
“ ไม่น่าแปลกใจเลยที่การหลุดเข้าสู่ความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด เทียบเท่าได้กับการหายตัวไปโดยสมบูรณ์ ถ้าไม่ใช่ท่านเจ้าสำนักที่บินผ่านความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุดได้อย่างอิสระแล้วละก็แทบจะไม่มีทางกลับมาได้เลย” ลั่วอู๋ กล่าว
คงมีเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิที่มีพลังในการรับรู้อันแข็งแกร่งเพียงพอ จึงจะสามารถค้นหาพื้นที่ต่าง ๆ ในห้วงมิติได้อย่างง่ายดาย และสามารถทักษะทะลวงมิติแล่นผ่านช่องว่างมิติอันไม่มีที่สิ้นสุดได้อย่างอิสระ
ลั่วอู๋รู้สึกเวียนหัว
แก่นวิญญาณ เส้นวงจรวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงต้องการพักผ่อนในขณะนี้
แต่ด้วยสภาพแวดล้อมของความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เขาไม่สามารถพักผ่อนได้
ที่นี่ไม่มีพลังวิญญาณ ไม่มีอากาศ ไม่มีอาหาร ทุกวินาทีที่เขาอยู่ที่นี่ เขาจะต้องใช้พลังวิญญาณจากแก่นวิญญาณของเขาเอง และเมื่อพลังวิญญาณนี้หมดลงเขาก็จะตาย
ที่เลวร้ายที่สุดคือห้วงมิติอันว่างเปล่านี้ไม่จุดสิ้นสุด และห้วงมิติอันไหลเชี่ยวนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกับหนองน้ำในป่าฝน ซึ่งจะพบทางออกได้ก็ต่อเมื่อเขาเข้าใกล้มันแล้วเท่านั้น
หากเขาเข้าไปในกระแสห้วงมิติอันไหลเชี่ยวโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาก็อาจจะถูกฉีกขาดด้วยพลังวิญญาณห้วงมิติอันน่ากลัวเหล่านี้ได้
และถ้าหากเขาไม่สามารถควบคุมทิศทางได้เขาก็จะถูกบดขยี้กลายเป็นฝุ่นในความว่างเปล่า
นอกจากนี้ยังมีหลุมดำอันน่ากลัวในห้วงมิติความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุดอีก
ตอนนี้ลั่วอู๋จึงเริ่มกระวนกระวาย
เขาจะทำอะไรได้บ้างให้รอดไปจากตรงนี้ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็เริ่มขยายการรับรู้ออกไปเป็นครั้งที่ร้อย แต่มันก็ยังล้มเหลว
คาดว่าเขาอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ ก็เจ็ดวัน ซึ่งในปัจจุบันแค่รอดได้อีกสักสามวันก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว ยิ่งถ้าหากมีความปั่นป่วนในห้วงมิติแล้วละก็ เวลาโดยประเมินนี้ก็จะลดลงไปอีกมาก
“ไม่เลวนี่ อย่างน้อย ๆ ข้าก็เป็นคนเดียวที่ติดอยู่ที่นี่” ลั่วอู๋เริ่มหมดหวัง เขาทำได้เพียงแค่ปลอบใจตัวเองด้วยคำพูดเหล่านี้ เพื่อคลายความกังวล
ถ้าเขาไม่ได้ทิ้งไหปีศาจไว้กับหลี่หยินละก็สถานการณ์คงจะย่ำแย่กว่านี้แน่
เพราะหลังจากที่ลั่วอู๋ตายลง ผู้คนในมิติไหจะสามารถทำลายไหปีศาจออกมาได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาฝึกฝนจนถึงขอบเขตของมิติวิญญาณระดับเพชรแล้วเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาแหกไหปีศาจออกมาโศกนาฏกรรมก็จะเกิดขึ้น เพราะหลังจากที่ออกแล้ว พวกเขาก็จะต้องพบกับห้วงมิติว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุดนี้ และลิ้มรสความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุดต่อไปเรื่อย ๆ จนตาย
มันแทบจะเหมือนกับการฝังพวกเขาไปพร้อม ๆ กับตัวเอง
การให้ไหปีศาจไว้กับหลี่หยินอย่างน้อย ๆ หลี่หยินก็จะสามารถใช้มันในการฝึกฝนได้ ซึ่งก็เป็นผลดีเช่นกัน
ลั่วอู๋ปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปในความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด ไร้ทิศทาง ไร้เป้าหมาย
ก่อนหน้านี้ เฉินหมิงหยู่ ได้เข้าสู่ห้วงมิติความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากการฝึกที่ไม่ระมัดระวังของนาง อย่างไรก็ตามนางยังอยู่ใกล้กับห้วงมิติหลัก อีกทั้งยังโชคดีพอที่จะปราบเดรัจฉานแห่งความว่างเปล่าได้ นางจึงกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย
“เดรัจฉานแห่งความว่างเปล่า … ” ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ
ที่นี่ไร้ขอบเขตและว่างเปล่า
ไม่มีชีวิตใด ๆ อยู่เลย
ลั่วอู๋ หัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง “เดรัจฉานแห่งความว่างเปล่าเดิมทีก็หายากอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับการหาพวกมันที่อาศัยอยู่ในห้วงมิติความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด ความหนาแน่นของพวกมันอาจจะต่ำกว่าที่บนโลกเสียด้วยซ้ำ คงจะดีกว่าหากหวังว่าตัวเองจะลอยไปยังดาวเคราะห์ที่มีชีวิต ฮ่าฮ่า ข้าจะลอยลงสู่พื้นโลก”
เขาเริ่มคิดและพูดเรื่องไร้สาระ
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ในทุกเสี้ยววินาทีเป็นทุกข์แสนสาหัส ที่นี่ไม่มีดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก เขาจึงไม่สามารถตัดสินได้ว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว
ลั่วอู๋จึงได้แต่ท่องวินาทีนับไว้ในใจ
แก่นวิญญาณของเขาเริ่มจางหายไป
ลั่วอู๋ ยอมแพ้เมื่อเขานับถึง 7891 วินาที แม้แต่การคิดก็ยังคงเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองพลังงานมากสำหรับเขา
สติของเขาเริ่มพร่ามัวและทุกอย่างเริ่มเลวร้ายลง
“กรร”
ลั่วอู๋ได้ยินเสียงคำรามของมังกร ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้น
เมื่อเขามองออกไปก็พบมีร่องรอยของพลังวิญญาณมังกรวนเวียนอยู่ตรงหน้าเขา ลมปราณนั้นทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยราวกับว่าเป็นขององค์จักรพรรดิ
“ ฝ่าบาท?” “ข้าคือลั่วอู๋ มาช่วยข้าไปที” ลั่วอู๋อุทาน
พลังวิญญาณขององค์จักรพรรดิก็จางหายไป
นอกจากนี้เขาก็ยังอยู่ในห้วงมิติความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด
ลั่วอู๋ไม่อยากรู้ว่าองค์จักรพรรดิมาถึงห้วงมิติความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุดได้อย่างไร แต่มีเพียงสิ่งเดียวในใจของเขา ในฐานะผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรองค์จักรพรรดินั้นน่าจะสามารถอยู่ในห้วงมิติความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุดได้เป็นเวลานานได้อย่างแน่นอน ตราบเท่าที่เขาได้รับการปกป้ององค์จักรพรรดิ เขาก็อาจจะรอดชีวิตจากที่แห่งนี้ไปได้
ดังนั้น ลั่วอู๋ จึงพยายามบินไปข้างหน้า
แต่ทว่าพลังวิญญาณมังกรนั้นได้หายไปแล้ว
ลมปราณอันคุ้นเคยนั้นไม่มีอีกต่อไป
“ ไม่ ไม่!” ดวงตาของลั่วอู๋เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
มันเป็นเพียงภาพลวงตา
มันเป็นภาพลวงตาที่เกิดจากจิตสำนึกที่คลุมเครือของเขา เขาหวังว่าองค์จักรพรรดิจะโผล่ออกมาช่วย เขาที่อยู่ในความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด แล้วเขาก็จะรอด จิตใต้สำนึกทำให้เขาเห็นภาพลวงตาเช่นนี้
เมื่อเขาตื่นขึ้นและพร้อมที่จะขอความช่วยเหลือ ภาพหลอนจึงหายไปตามธรรมชาติ
“ข้าเคยได้ยินว่าคนที่ใกล้ตายจะเห็นภาพหลอน ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว” ความคิดนี้แวบเข้ามาในจิตใจของลั่วอู๋
ในตอนนี้เขารู้สึกถึงร่องรอยของการสั่นสะเทือนบางอย่าง เขาจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและเห็นว่าเขานั้นกำลัง “ลอย” ไปยังกระแสน้ำในห้วงมิติ
พลังงานห้วงมิติอันน่าสะพรึงกลัวกำลังฉีกทุกสิ่งรอบตัวเขาอย่างรุนแรง ในขณะที่มันแล่นเข้ามาใกล้ ลั่วอู๋ เขาก็รู้สึกเสียวซ่าไปทั้งร่าง
หวา!
แม้ว่าโดยพื้นฐานแล้วเขายอมแพ้ไปแล้ว แต่สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดก็ทำให้ลั่วอู๋ยังดิ้นรน
ต่อไป พลังวิญญาณของเขาในแก่นวิญญาณนั้นเหลือเพียงแค่หนึ่งในห้า
มันน่ารำคาญเหมือนกับมีฝนตกในวันที่หลังคาบ้านมีรูรั่วตอนกลางคืน
ขอข้าตายเงียบ ๆ ได้ไหม!
ลั่วอู๋พยายามอย่างเต็มที่ที่จะต่อสู้กับกระแสห้วงมิติ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงร่องรอยพลังวิญญาณอันคุ้นเคยในกระแสห้วงมิติอีกครั้ง
มันเป็นลมปราณของเขาเอง
นี่มันแปลกมาก
มันมาจากที่ไหนกัน
ลั่วอู๋พยายามรับรู้อย่างรอบคอบ ทำให้เขาได้พบว่าลมปราณนี้ มีพลังวิญญาณแห่งห้วงมิติอันคุ้นเคยผสมอยู่ ราวกับว่ามันเป็นของเสี่ยวไป๋
“ทางเดินห้วงมิติ!” ร่างกายของลั่วอู๋สั่นสะท้าน
เขารู้สึกได้ถึงลมปราณของทางเดินห้วงมิติที่เขาเปิดไว้ในการช่องการไหลเวียนห้วงมิติ
ความปั่นป่วนของห้วงมิตินี้เทียบเท่ากับช่องส่งของของเขา แบบนี้มันจะอันตรายรึเปล่า?
แต่ในไม่ช้าลมปราณของลั่วอู๋ก็อ่อนลงอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ช่องห้วงมิติที่มีทิศทาง แต่เป็นห้วงมิติที่ถูกเปิดขึ้นแบบสุ่ม
“ อย่าเพิ่งไปสิ!”
ลั่วอู๋กัดฟันแล้วพุ่งเข้าไปในช่องว่างห้วงมิติอันไหลเชี่ยว
ยังไงเขาก็ต้องลองดู
ลั่วอู๋พยายามขับพลังวิญญาณจากสัตว์วิญญาณของเขาออกมาใช้ แต่เขาก็ต้องล้มเหลวเพราะระยะทางนั้นไกลเกินกว่าที่พลังของพันธสัญญาวิญญาณจะสามารถถ่ายทอดพลังวิญญาณมาได้
ภายใต้สถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ถูก ลั่วอู๋ ทำได้เพียงแค่ใช้พลังวิญญาณเพื่อต่อสู้กับการไหลเวียนของห้วงมิติ
“ตูม”
แรงฉีกขาดอันน่ากลัวไหลเข้ามาหาเขา
ลั่วอู๋กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
พลังวิญญาณนี้รุนแรงจนยากเกินจะต้านทาน แต่ลั่วอู๋ก็กัดฟันของเขาทีละซี่ เพื่อมุดตัวเองลงเข้าไปในช่องว่างมิติอันเชี่ยวกรากมองหาโอกาสที่จะหนีออกไป
ตาย ตายแน่ ๆ !
“ข้าจะรอด ข้าต้องทำได้” ลั่วอู๋คำรามเพิ่มบีบเค้นเอาพลังเฮือกสุดท้ายในร่างกายของเขา ออกมาจากการพัวพันของห้วงมิติอันไหลเชี่ยว
ตูม!
ตูม!
เขาไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าไหร่ แต่พลังวิญญาณห้วงมิติของพื้นที่โดยรอบจู่ ๆ ก็เงียบลงในทันที
“ข้าออกไปได้แล้วงั้นเหรอ ข้าคิดว่าข้ายังไม่ตายนะ ดูเหมือนว่าข้าจะยังมีพลังวิญญาณเหลืออยู่” ร่างของลั่วอู๋ล้มลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ก่อนที่จะหมดสติเขายกเปลือกตาขึ้นแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
เขาพบว่าตนเองอยู่ในสถานที่อันมืดมิด มีเพียงกลุ่มดาวลึกลับเก้าดวงที่มีรูปร่างแปลกประหลาดเปล่งแสงอยู่บนท้องฟ้า
“หวา ที่นี่มันไม่ใช่ห้วงมิติหลัก”
ความคิดสุดท้ายแวบนี้เข้ามาในใจของลั่วอู๋ จากนั้นเขาก็ล้มลงไปกับพื้นและหมดสติไป