ไหปีศาจ - บทที่ 702 การรักษา
บทที่ 702 การรักษา
บทที่ 702
การรักษา
โชคดีที่ชาวแซค เข้าใจสิ่งที่ตัวเองต้องทำในเวลานี้ ไม่ช้าพวกเขาบางคนก็รีบไปเรียกให้เหล่านักรบในเผ่าวิ่งมา
จากนั้นไม่นานชายแซคที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ก็เดินเข้ามา
กล้ามเนื้อของเขาปูดร่างกายของเขาแข็งแกร่งมีประกายหยกสีดำจาง ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นร่างกายที่สามารถพบได้ก็ต่อเมื่อได้ฝึกฝนไปจนถึงระดับหนึ่งของการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้
ลั่วอู๋รู้สึกได้ว่าอย่างน้อย ๆ เขาก็เป็นนักรบที่มีมิติวิญญาณสูงระดับทอง
แม้ว่าเขาจะเคยส่งหนังสือศิลปะการต่อสู้โบราณไปให้ชาวแซค แต่พวกมันก็เป็นเพียงระดับที่ถูกขายบนในจักรวรรดิที่หาได้ทั่ว ๆ ไป เขาไม่ได้คาดหวังว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ ชาวแซคจะสามารถให้กำเนิดนักรบที่มีมิติวิญญาณระดับทองได้ด้วยซ้ำ
พวกเขามีคุณสมบัติที่ดีเลยทีเดียว
หรือบางทีนี่อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่พิเศษของนรกมนตรา
ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก นักรบที่ยอดเยี่ยมย่อมถือเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
เมื่อเห็นลั่วอู๋ชาวแซคก็พากันขึ้นไปบนเตียงอย่างตื่นเต้นและพูดคำศัพท์มากมายที่ลั่วอู๋ไม่เข้าใจ
สมองของลั่วอู๋ปกคลุมไปด้วยเส้นสีดำ
พวกเขากำลังพูดถึงอะไรกัน
ชายชาวแซคเหล่านี้ดูคุ้นเคยมาก
อย่างไรก็ตามแซคเหล่านี้ล้วนมีหน้าตาเหมือนกัน จนยากที่จะบอกได้ว่าใครเป็นใคร
ชายคนหนึ่งเริ่มหลับตาปล่อยคลื่นพลังวิญญาณของตัวเองออกมาช้า ๆ เพื่อเริ่มสื่อสารกับลั่วอู๋
ลั่วอู๋มีความสุขมาก
ช่างเป็นเรื่องดีมีคนเชี่ยวชาญทักษะสื่อสารวิญญาณอยู่ที่นี่
“ ผู้มีพระคุณ!”ชายชาวแซคคนนั้นร้อง
ลั่วอู๋ แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง “เจ้าคือใคร?”
“ข้าเอง กูระไง”
กูระ
ลั่วอู๋จำได้ว่ากลุ่มชาวแซคที่พวกเขาพบเป็นกลุ่มแรกนั้น มีหัวหน้ากลุ่มคือกูระ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมล่าสัตว์ของชนเผ่าแซค
ในเวลานั้น กูระ ก็เป็นนักรบอยู่ก่อนแล้ว แต่เขาอ่อนแอมาก มิติวิญญาณของเขามีระดับราว ทองแดงมิติ 7 – 8
เขาไม่คาดคิดเลยว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ กูระจะกลายเป็นนักรบที่มีมิติวิญญาณระดับทองได้โดยอาศัยวิชาทั่ว ๆ ไปและศิลปะการต่อสู้โบราณ จะเรียกว่าเขาเรียนรู้ได้เร็วมากก็คงไม่ผิด
ดูเหมือนว่าวิธีของเขาจะแตกต่างออกไปจากมนุษย์ธรรมดา เนื่องจากเขาไม่ได้ดูดซับพลังวิญญาณเข้ามาเพื่อฝึกฝน แต่ใช้ร่างกายของตนกลั่นพลังวิญญาณออกมา
แต่วิธีนั้นมันสายเกินไปแล้วสำหรับลั่วอู๋
“กูระ ข้าดีใจมากที่ได้พบเจ้า แต่ตอนนี้ข้าต้องการการรักษา เจ้าพอจะหาวิธีช่วยให้ข้าได้รับยา หรือสมุนไพรได้ไหม?” ลั่วอู๋กล่าวอย่างอ่อนแรง
กูระ พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่มีปัญหา”
แต่แล้วเขาก็ตกตะลึงและใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดลง “ผู้มีพระคุณมีสมุนไพรสำหรับพวกเราในนรกมนตรา ดูเหมือนจะไม่มียาสมุนไพรสำหรับการรักษาเหลืออยู่แล้ว”
ลั่วอู๋จำได้ดี
สภาพแวดล้อมของ นรกมนตรา มีลักษณะเฉพาะ แม้แต่สมุนไพรวิญญาณยังถูกเปลี่ยนเป็นสมุนไพรมนตราโดยการกัดกร่อนของพลังวิญญาณอันชั่วร้าย ทำให้ผลดั้งเดิมของมันหายไป
แล้วสัตว์วิญญาณในนรกมนตรารักษาร่างกายกันอย่างไร?
โดยทั่วไปแล้วพวกมันอาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งในการต่อต้าน สัตว์วิญญาณของนรกมนตรานั้นมักมีความสามารถในการรักษาตัวเองอันยอดเยี่ยม
สัตว์วิญญาณบางชนิดนั้นเกิดมาพร้อมกับทักษะการรักษาตัวเอง
“ปกติพวกเจ้าทำการรักษากันอย่างไร?” ลั่วอู๋ ถาม
พวกแซคนั้นไม่ได้ต่างอะไรไปจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกเขาไม่มีความสามารถในการรักษาตนเองที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังไม่มีทักษะใด ๆ พวกเขาเอาตัวรอดยังไงกันเมื่อได้รับบาดเจ็บ?
กูระ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เมื่อก่อนพวกข้าก็แค่รอความตาย”
ลั่วอู๋รู้สึกเวียนหัว
นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการแน่
“และตอนนี้ล่ะ?” ลั่วอู๋ ถาม
กูระ กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าคนที่อ่อนแอได้รับบาดเจ็บ พวกเราสามารถฟื้นฟูพวกเขาได้โดยการเติมเลือด”
“แล้วอาการบาดเจ็บของเจ้าล่ะ?”
“ก็ทำเหมือนในอดีต”
“แล้วถ้ามันไม่หายล่ะ”
“ งั้นก็ต้องรอความตาย”
ลั่วอู๋เงียบไปครู่หนึ่ง “ข้าจำได้ว่าเคยส่งยารักษามาให้พวกเจ้าตั้งมากไม่ใช่เหรอ?”
“พวกมันคุณภาพต่ำเกินไปสำหรับเรา”
“หมายความว่ายังไงกัน?”
จดหมายของชาวแซค ไม่เคยกล่าวถึงความก้าวหน้าในการฝึกฝนของพวกเขา ลั่วอู๋ จึงยังคิดว่าพวกเขานั้นอยู่ในระดับที่อ่อนแอมาก
ดังนั้นยารักษาที่ส่งมาที่นี่จึงมีระดับต่ำและมีไม่มากนัก
ไม่ใช่ว่าลั่วอู๋ขี้เหนียว แต่ถ้ายานั้นมีประสิทธิภาพแรงเกินไป คนธรรมดาจะดูดซับมันได้ยาก
ทำให้มีเพียงยารักษาระดับหนึ่งและสอง ซึ่งสำหรับผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ระดับทองนั้นมันแทบจะไม่มีผลใด ๆ เลย
“นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายชะมัด” ลั่วอู๋หัวเราะอย่างขมขื่น
กูระ ลังเล “ถ้างั้นข้าจะลองไปคุยกับหัวหน้าเผ่า”
หลังจากนั้นกูระก็วิ่งออกไป ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับหัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่านั้นคือแซคอายุมากที่ยังคงอ่อนแอเช่นเคย แต่สภาพจิตใจของเขาดีขึ้นกว่าเดิมมาก
บางทีเป็นเพราะเขาได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของชนเผ่า เขาจึงไม่ได้กังวลมากเหมือนเมื่อก่อน
“อา” แซคเฒ่ามองไปที่ลั่วอู๋แล้วถอนหายใจ “เจ้ามาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง?”
ลั่วอู๋อยากจะตอบ แต่เขาพูดไม่ออก
แซคเฒ่านั้นไม่มีทักษะสื่อสารวิญญาณ แม้ว่าเขาจะรู้พูดภาษามนุษย์ แต่เขาก็ไม่สามารถตอบสนองอะไรลั่วอู๋ได้
“ท่านหัวหน้าเผ่าพวกเราควรทำอย่างไรดี พวกเราควรจะช่วยชีวิต ท่านผู้มีพระคุณหรือไม่?” กูระถาม
หัวใจของลั่วอู๋เต็มไปด้วยความรังเกียจ
ในเมื่อพวกเจ้ารู้ว่าข้าเป็นผู้มีพระคุณ พวกเจ้ายังจะต้องถามอะไรได้อีก ?
ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าข้าตายข้าจะลากเจ้าลงไปด้วย
แซคเฒ่าลังเลอยู่นาน เขามองไปที่ ลั่วอู๋เป็นเวลานานก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง “ช่วยสิ! ชะตากรรมของเผ่าเราขึ้นอยู่กับเขา”
กูระ โล่งใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาก็ยังคงมีอารมณ์อันซับซ้อนอยู่
จากนั้นตามคำสั่งของหัวหน้าเผ่า คนทั้งหมดก็ออกจากไปบ้านหิน แล้วชาวแซคสิบเจ็ดคนก็เดินเข้ามาในบ้านหินแทน ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่ประสบความสำเร็จ
รวมกูระด้วยแล้วที่นี่มีนักรบผู้มีมิติวิญญาณระดับทองสิบเอ็ดคน นักรบผู้มีมิติวิญญาณระดับเงินอีกเจ็ดคน
กูระ นั้นมีลมปราณที่แข็งแกร่งที่สุด เขาจึงน่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของชาวแซค ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะตามปกติแล้วทีมล่าสัตว์มักจะมีหัวหน้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด
“ลงมือเถอะ” แซคเฒ่ากล่าวด้วยเสียงต่ำ
ใบหน้าของนักรบแซคทั้งสิบแปดคนแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะตาย จากนั้นพวกเขาก็เข้ามาล้อมรอบเตียงหินที่ลั่วอู๋นอนอยู่
ลั่วอู๋มองอย่างงง ๆ พวกเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร
นักรบทั้งสิบแปดคนเริ่มปล่อยลมปราณออกมาให้กับลั่วอู๋ แม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับของลั่วอู๋ แต่พลังวิญญาณที่ได้จากการรวมตัวกันนั้นก็ถือว่าเยอะพอสมควร
ถ้าพวกเขารวมตัวกันปกป้องชาวแซค อย่างน้อย ๆ ชาวแซคก็คงจะไม่ถูกพวกยักษ์กดขี่เหมือนเมื่อก่อน
นี่ทำให้ลั่วอู๋รู้สึกผิด พวกเขาไม่เพียงแค่ปล่อยลมปราณออกมา แต่พวกเขาได้เผาแก่นวิญญาณ และเลือดของตัวเองออกมาให้กับลั่วอู๋
หมอกเลือดหนาลอยออกมาจากตัวของพวกเขา การรวมตัวกันนี้ก็เพื่อดึงพลังวิญญาณบริสุทธิ์ออกมา
ใบหน้าของนักรบทั้งสิบแปดคนแสดงสีหน้าเจ็บปวด ลมปราณในร่างกายของพวกเขาอ่อนแอลงอย่างความเร็ว แม้แต่ผิวหนังของพวกเขาก็เริ่มเหี่ยวเฉา
ลั่วอู๋ตกใจมาก
นี่ไม่ดีแล้ว
พวกเจ้ากำลังทำอะไร.
ลั่วอู๋ จำคำพูดของ กูระ ได้ว่าพวกเขามันจะถ่ายเลือดให้กับคนที่อ่อนแอเพื่อรักษาบาดแผลของพวกเขา
ทำไมพวกเขาถึงทำให้แค่คนที่อ่อนแอ
คนที่มีอำนาจใช้วิธีนั้นไม่ได้เหรอ?
ตอนนี้ลั่วอู๋เข้าใจแล้ว
นี่คือการใช้พลังชีวิตในการรักษา การเผาไหม้ แก่นวิญญาณและเลือด ไม่ได้ส่งผลแค่ทำให้มิติวิญญาณของพวกเขาอ่อนแอลงเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อชีวิตของพวกเขาอีกด้วย
ตามปกติแล้วหากเผาผลาญไม่มาก พวกเขาก็จะกลับมาในสภาพเดิมได้ในไม่กี่วัน
แต่หากจะรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสของลั่วอู๋นั้น เกรงว่าพวกเขาจะต้องเผาผลาญ แก่นวิญญาณ และเลือดเป็นจำนวนมากเพื่อให้มันหายดี
ผลที่ตามมาจากการเผาไหม้แก่นวิญญาณและเลือดจำนวนมากนั้น สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คืออาจจะถึงแก่ความตายได้ในทันที
ไม่แปลกใจที่ กูระ บอกว่าเขาต้องการปรึกษาหัวหน้าเผ่า ไม่น่าแปลกใจเลยที่แซคเฒ่านั้นดูจะลังเล
ในนรกมนตราที่ไร้ซึ่งทรัพยากร พวกแซคนั้นต้องรักษาบาดแผลสาหัสอันน่ากลัวของลั่วอู๋และนี่เป็นหนทางเดียวที่พวกเขาพอจะทำได้
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งบ่นในใจ
ลั่วอู๋ก็รู้สึกผิดขึ้นมา