ไหปีศาจ - บทที่ 711 ผลปันส่วนประจำปี
0
บทที่ 711 ผลปันส่วนประจำปี
บทที่ 711
ผลปันส่วนประจำปี
ชาวแซคทั้งหมดต่างกรูกันออกไป พวกเขามองไปที่ อุ้งเท้าของเต่าสังหารจักรพรรดิตรงหน้าพลางส่งเสียงด้วยความยินดี
เนื้อของมันเยอะมากพอจะให้ชาวแซค มีกินจนอิ่มได้ทั้งเดือน
แม้มันจะถูกตัดออกมาจากสัตว์วิญญาณประหลาดบางตัวในนรกมนตรา
อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่มีเลือดไหลออกจากอุ้งเท้ายักษ์นี้ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสับสนกันมาก
“เนื้อนี่มัน … ” นักรบอันดับหนึ่งของเผ่าแซคกูระเป็นคนที่เดินออกมาคนแรก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ “นี่มันเนื้อสะอาด”
“แน่นอนข้าจะเอากลับมาทำไมล่ะ ถ้ามันไม่สะอาด” ลั่วอู๋กล่าว
นารุตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขายืดอกอย่างภูมิใจ พยักหน้าไปมา
เย้ เย้
กูระ เดินเข้าไปใกล้กับอุ้งเท้าของเต่า ใบหน้าของเขาดูจริงจัง “ด้วยการไหลเวียนของพลังวิญญาณอัน ข้าเกรงว่าเนื้อสัตว์วิญญาณตัวนี้จะมีพลังวิญญาณมากเกินกว่าที่คนธรรมดาจะสามารถย่อยได้”
เขามีอีกหนึ่งคำที่จะพูด
ที่จริงแล้วแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้ากินเนื้อของมันมากเกินไป
แม้ว่าแก่นแท้และเลือดของมันจะถูกดูดซับไปแล้วโดยดาบเทพพิทักษ์ แต่มันก็ยังเป็นร่างของสัตว์วิญญาณระดับเพชร ทำให้พลังวิญญาณในเลือดของมันรุนแรงมาก
แต่ลั่วอู๋หัวเราะ “นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเจ้าต้องการ พลังวิญญาณมหาศาลไงล่ะ ลองกินเนื้อมันเข้าไปดูสิ”
มีความสงสัยบนใบหน้าของ กูระ
ถ้าแค่กินเข้าไปก็คงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่ปัญหาก็คือด้วยพละกำลังของเขาในตอนนี้ เขาน่าจะไม่สามารถย่อยเนื้อของมันได้
ดังนั้นกูระจึงตัดชิ้นเนื้อออกมาเพียงขนาดเล็กเท่าฝ่ามือแล้วใส่เข้าปากของเขา แม้ว่าเนื้อสัตว์ปรุงสุกจะอร่อยกว่า แต่ ชาวแซคนั้นคุ้นเคยกับการกินเนื้อดิบมานานแล้ว
วินาทีต่อมาใบหน้าของกูระก็ตื่นตกใจ
พลังวิญญาณมหาศาลในเนื้อของเต่าถูกย่อยอย่างรวดเร็วหลอมรวมเข้ากับแก่นวิญญาณของเขา แปรเปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของแก่นวิญญาณและเลือดอย่างรวดเร็ว
“แก่นวิญญาณของข้าฟื้นคืนขึ้นมาแล้ว!” ดวงตาของกูระเบิกกว้าง
ทุกคนต่างประหลาดใจ
กูระ นั้นเป็นนักรบซึ่งเป็นเสาหลักของเผ่า
ลั่วอู๋ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าพลังงานนี้ดีมากสำหรับการฝึกฝน แต่เจ้าไม่เคยกินมันมาก่อน”
แม้ว่าเต่าสังหารจักรพรรดิจะอยู่ในนรกมนตรามานาน แต่เลือดเนื้อของมันก็ไม่เคยแปดเปื้อนพลังวิญญาณชั่วร้าย หรือก็คือพลังวิญญาณในเนื้อและเลือดของมันเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์
ดังนั้นทั้งผู้ใช้พลังวิญญาณและผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ จึงสามารถย่อยเนื้อของมันได้อย่างง่ายดาย
“ข้าบอกแล้วนี่ว่าจะนำอาหารและยารักษามาให้พวกเจ้า ข้าจะไม่ผิดสัญญาของตัวเองแน่” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “กินเนื้อพวกนี้ให้มาก ๆ เลือดของพวกเจ้าจะได้ฟื้นตัวกลับมาไว ๆ มันดีต่อร่างกายของผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้มาก นี่เป็นสมบัติที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้เลยนะ”
ผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ต้องอาศัยเลือดของตัวเองเป็นหลัก
และเมื่อฝึกฝนพลังวิญญาณก็ต้องอาศัยพลังวิญญาณด้วยเช่นกัน
ดังนั้นนักรบเผ่าแซคจึงสามารถดูดซับพลังวิญญาณในเนื้อและเลือดชิ้นนี้ได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าในยุคโบราณจะไม่มีการบอกเหตุผลว่า ทำไมมนุษยชาติและสัตว์วิญญาณถึงเข้ากันไม่ได้
แต่นอกจากการใช้พลังวิญญาณจะสามารถช่วยให้ผู้คนหายจากอาการบาดเจ็บได้แล้วนั้น อีกวิธีหนึ่งก็คือการกินเนื้อของสัตว์วิญญาณ มันสามารถช่วยฟื้นฟูพลังวิญญาณและเลือดได้
การกินเนื้อคือวิธีการรักษาที่ดีที่สุด
นี่เป็นสิ่งที่ลั่วอู๋คิดเอาไว้ก่อนแล้ว ก่อนที่จะฆ่า เต่าสังหารจักรพรรดิเสียอีก
เป้าหมายของเขาไม่ได้มีเพียงการพัฒนาดาบเลือดเดือดของตนจนกลายเป็นดาบเทพพิทักษ์ เขาจึงไม่ได้เลือกสัตว์วิญญาณตัวอื่นที่ปนเปื้อนพลังวิญญาณชั่วร้ายเป็นเป้าหมาย และเลือกเต่าสังหารจักรพรรดิที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณบริสุทธิ์ในเนื้อและเลือดของมัน
กูระ รู้สึกดีใจ แต่ในไม่ช้าเขาก็สงบลงแล้วถามอย่างระมัดระวัง “แล้วคนธรรมดาล่ะ พลังวิญญาณนี้มันมากเกินกว่าที่พวกเขาจะดูดซับได้”
“เจ้าโง่ เจ้าก็นำไปแปรรูปขัดเกลาพลังวิญญาณออกแล้วค่อยมอบให้คนอื่นสิ!” ลั่วอู๋กลอกตา
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ควรจะคิดได้ด้วยสามัญสำนึก
อย่างไรก็ตามชาวแซค ไม่ได้พบเรื่องแบบนี้บ่อยนัก พวกเขาจึงไม่ทราบ
มันยากเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะได้รับอาหารประเภทนี้ในนรกมนตรา
เนื้อและเลือดของเต่าจักรพรรดิสามารถรักษาความบริสุทธิ์ในพลังวิญญาณของมันได้ นี่แสดงให้เห็นแล้วว่ามันเป็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังมากแค่ไหน ชาวแซคไม่มีทางกล้าไปท้าทายมันแน่ นับประสาอะไรกับการจะได้กินมัน
“โอ้ โอ้ ” กูระตอบพร้อมตบหน้าผากของตนเอง
“อย่าเผลอกินพวกมันจนหมดล่ะ เก็บเอาไว้บ้าง มันมีผลช่วยเสริมสร้างร่างกายของเจ้า อีกทั้งยังยืดอายุของเจ้าได้ด้วย” ลั่วอู๋ กล่าว
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับการเสริมสร้างร่างกายและยืดอายุขัย ดวงตาของเหล่าชาวแซคก็ส่องแสงเป็นประกาย นั่นก็เพราะร่างกายของพวกเขานั้นมีสภาพแย่มาก และอายุขัยเองก็สั้นมาก
แต่มันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็เพราะพวกเขาอยู่ในนรกมนตรา
ดินแดนแห่งนี้ไม่เหมาะกับมนุษย์
“มันเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง ๆ หรือ?” แซคเฒ่าเดินออกมาในสภาพตัวสั่น
“แน่นอนอยู่แล้ว” “ ถ้าเจ้ากินมัน เจ้าอาจจะรู้สึกเหมือนได้เป็นชายในวัยสี่สิบแบบที่ควรจะเป็นจริง ๆ ก็ได้” ลั่วอู๋กล่าวหยอกล้อ
ใบหน้าของแซคเฒ่าสว่างขึ้นด้วยความสุข
ใครเล่าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
“แม้แต่ เด็ก ๆ ก็ยังสามารถกินมันได้ นี่จะเป็นประโยชน์มากสำหรับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ในอนาคตของพวกเขา” ลั่วอู๋ย้ำเตือนถึงความสำคัญของเนื้อเต่า
ชาวแซค พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
เยี่ยมมาก เด็กคืออนาคตของชาวแซค หากพวกเขาสามารถเป็นนักรบได้เผ่าชาวแซคก็จะสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงได้ในนรกมนตรา
น่าเสียดายที่มันมีน้อยไปหน่อย
เมื่อชาวแซคได้รู้ว่ามีเนื้อมีผลดีเช่นนี้อยู่ ความคิดที่เคยคิดว่าเนื้ออุ้งเท้าที่ได้รับมาแค่นี้ก็ถือว่าเยอะแล้ว เปลี่ยนไปในทันที ตอนนี้พวกเรากลับรู้สึกว่าเนื้ออุ้งเท้าของเต่าสังหารจักรพรรดิข้างหนึ่งตัวนั้นน้อยเกินไป
นารุน้อยรู้สึกอิ่มเอมใจแล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าบอกว่าท่านอาจารย์ไม่โกงใครแน่ พวกเจ้านี่ไม่เชื่อข้ากันเอาซะเลย”
หมู่ชาวแซคพากันอายไปตาม ๆ กัน
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เชื่อจริง ๆ ว่าลั่วอู๋จะนำเนื้อสะอาดและยารักษากลับมาได้
“เฮ้เฮ้” ตอนนี้นารุน้อยเริ่มคิดแล้วว่าอาจารย์ของเขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก
ลั่วอู๋เหลือบมองเขาอย่างครุ่นคิด “งั้นเหรอ ไหนเจ้าลองอธิบายมาสิว่าทำไมเจ้าถึงได้ออกจากหมู่บ้านไปเพียงคนเดียว”
นารุน้อยกะพริบตา ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ขมขื่น
ท่านอาจารย์อย่ามาพูดเล่นแบบนี้สิ
ทันใดนั้นจิตสังหารก็แผ่ออกมาจากด้านหลังนารุตัวน้อย มันแผ่ออกมาจากผู้หญิงที่ถือมีดหินไว้ในมือ ตอนนี้สีหน้าของนางดูไม่สู้ดีเท่าไหร่ “นารุเจ้าวิ่งออกไปข้างนอกคนเดียวรึเปล่า?”
“ท่านแม่ … ” นารุตัวน้อยตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายและอยากจะวิ่งหนี แต่เขาก็ไม่สามารถวิ่งหนีไปไหนได้
ผู้หญิงคนนั้นจับขาของนารุตัวน้อยยกร่างเขาขึ้นแล้วตบลงที่บั้นท้ายของเขา “ข้าพูดหลายครั้งแล้วใช่ไหม ว่าห้ามออกไปข้างนอก เจ้าไม่สนใจคำพูดของข้าเลยใช่ไหม? ”
“วู้ ฮู ฮู ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว” นารุน้อยเริ่มร้องไห้
ไม่มีใครห้ามปรามนาง
เพราะหากเกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นมันก็จะสายเกินแก้
ถ้าลั่วอู๋ไม่พบเขาก่อนละก็ เขาอาจจะถูกไฮยีน่าเล่นงานจนตายในทันที
ลั่วอู๋จึงไม่ได้หยุดแม่ของเขา
เด็กชายคนนี้ต้องได้รับบทเรียน
นารุตัวน้อยมีชีวิตชีวาอยากรู้อยากเห็น ซึ่งก็เป็นบุคลิกที่ดี แต่ในช่วงวิกฤตนั้น การอยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเท่าไหร่
“ งั้นฝากพวกเจ้าด้วยล่ะ ข้าต้องออกไปข้างนอกอีกรอบ” ลั่วอู๋ กล่าว
กูระ ถามอย่างสงสัย “ท่านผู้มีพระคุณ ท่านจะไปที่ไหนกัน?”
“ยังมีเนื้อเต่าเหลืออยู่อีกมาก ข้าต้องไปเอามันกลับมา” ลั่วอู๋มองอย่างสงสัย “เจ้าไม่สงสัยเหรอว่าทำไมถึงมีเพียงแค่อุ้งเท้าข้างเดียวน่ะ?”
“ ……”
ชาวแซคเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพากันตกตะลึง
พวกเขาตื่นเต้นมากจนลืมไปว่าลั่วอู๋เคยบอกว่าเขาจะไปฆ่าเต่าวิญญาณที่อยู่ในมิติวิญญาณระดับสูงสุดของ ทองขั้นสูง
“ มีเหลืออีกเยอะไหม” เสียงตื่นเต้นของแซคเฒ่าสั่นสะท้าน
ลั่วอู๋ ตอบเรียบ ๆ “แน่นอนว่ายังมีเหลืออีกมาก นี่เป็น อุ้งเท้าของเต่าตัวใหญ่ตัวนั้น มันน่าจะเป็นอาหารประจำเผ่าของเจ้าไปได้จนถึงปีหน้า”
ชาวแซค ตื่นเต้นมากจนหลายคนถึงกับเป็นลม
นี่มันสุขเกินไปแล้ว
พวกเขาสามารถกินเนื้อสัตว์วิญญาณที่สะอาดได้ตลอดทั้งปี
“ผู้มีพระคุณ ข้าจะไปกับท่านด้วย” กูระอาสาช่วย
“ ไม่จำเป็น ๆ” ลั่วอู๋ ส่ายหัว “เจ้าเตี้ยเกินไป วิ่งช้าเกินไป ข้าไปคนเดียวดีกว่า”
หลังจากนั้นลั่วอู๋ก็เดินออกไปตามทางของเขา
กูระ มองไปยังด้านหลังของ ลั่วอู๋ พลางอดไม่ได้ที่จะคิดว่าความแข็งแกร่งของผู้มีพระคุณนั้นสูงจนเขาไม่สามารถมองเห็นสุดขอบนั้นได้เลย