ไหปีศาจ - บทที่ 728 เลือดเนื้อ
บทที่ 728 เลือดเนื้อ
บทที่ 728
เลือดเนื้อ
ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าปรมาจารย์ปีศาจทั้งเก้ามีความแข็งแกร่งเพียงใด เขาไม่กล้าถาม กลัวว่าจะสิ้นหวังหลังจากที่ถาม
อย่างไรก็ตามมันต้องแข็งแกร่งมากแน่ ไม่เช่นนั้นเหตุใดราชาหมอกซานเหรินจึงขับไล่พวกมันไปยังนรกมนตราแทนที่จะฆ่าพวกมันทั้งหมด แม้แต่เจ้าสำนักเขาก็ยังต้องใช้ร่างแยกวิญญาณเพื่อผนึกเสามนตราและผนึกมันเอาไว้ แต่ก็ยากที่จะทำลายนรกมนตราให้หมดสิ้น
“เจ้าโง่ ถ้าเจ้าจำเป็นต้องแล่เนื้อจากราชาปีศาจอมตะมันก็เหมือนเอาใบบัวไปปิดตัวช้างนั่นแหละ” มันไม่มีวิธีที่ดีกว่าผนึกด้วยเสามนตราอีกแล้ว
มันดูจะเป็นเรื่องจริง
ไม่ได้เคยคิดเลยว่าคำพูดของเจ้าสำนักจะมีเหตุผลขนาดนี้
“มีวิธีไหนไหม?” ลั่วอู๋ถามด้วยเสียงต่ำ
ผนึกเสามนตรากล่าวอย่างช้าๆ “ราชาปีศาจอมตะมีร่างกายที่เป็นอมตะไม่ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บจากอะไรก็ตามมันจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ก้อนเนื้อคืนสภาพได้อย่างไวหลังจากถูกตัดออก แต่ก็มีกรณีพิเศษเช่นกัน…”
“กรณีแบบไหนหรือ?”
“ถ้าก้อนเนื้อที่ถูกตัดออกให้กำเนิดจิตใจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่หรือถ้าสิ่งมีชีวิตอื่นกลืนกินก้อนเนื้อไปพวกมันก็จะไม่กลับมาฟื้นฟูได้อีก”
“เป็นเช่นนั้นเอง” ลั่วอู๋พูด
“แน่นอน ข้าจำได้ว่ามีปีศาจที่น่าขยะแขยงหลายตัวอยู่ในส่วนลึกของป่าทรายสีเหลืองซึ่งเป็นก้อนเนื้อของราชาปีศาจอมตะ” ผนึกเสามนตรากล่าว
ลั่วอู๋กะพริบตาราวกับคิดอะไรบางอย่างและพยายามถามว่า “หนอนอมรณา?”
“ทำไมถึงรู้ได้กัน? อย่างไรก็ตามการเกิดของหนอนอมรณานั้นค่อนข้างแปลก มันเป็นเพียงไส้เดือนธรรมดาที่ถูกตัดออกและพยายามที่จะฟื้นฟูร่างกาย มันเข้าไปพัวพันกับก้อนเนื้อของราชาปีศาจอมตะแล้วมันก็ถือกำเนิดขึ้นมา”
“ไม่เพียงแต่ข้ารู้ ทว่าข้าได้กินมันเข้าไปแล้ว”
“……” ผนึกเสามนตรานิ่งเป็นเวลานาน แล้วเปล่งเสียงประหลาดความว่า “รสนิยมอาหารของเจ้าดีไม่น้อยเลย”
“ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นหนอนอมรณา” ลั่วอู๋พูดพลางแหยๆ
ลั่วอู๋ประทับใจหนอนอมรณามาก
ยังคงมีอีกสองตัวในมิติไห
พวกมันมีเพียงทักษะระดับ SS [คำสาปอมรณา] และไม่มีทักษะอื่นใดอีก เจ้าพวกนั้นไม่อาจฆ่าพวกมันได้อยู่ดีและยิ่งพวกนั้นฆ่ามากเท่าไหร่พวกเขาก็ต้องฆ่าต่อไปเรื่อยๆ
ในตอนแรกนกโง่กับพวกนกวิญญาณเกือบจะกินหนอนอมรณาจนหมดมันเหลือเพียงชิ้นส่วนเล็กๆ
แต่ในส่วนเล็กๆ ของร่างกายนี้กลับทำให้มันโตกลับมาอีกครั้งนับว่าแปลกมาก
แน่นอนว่าหนอนอมรณาน่าจะเป็นข้อยกเว้น มันมีความสามารถที่แข็งแกร่งในการฟื้นฟูแล้วมันก็แค่รวมเข้าก้อนเนื้อของราชาปีศาจอมตะ
ตอนนั้นเพิ่งจะได้พบกับหยู่เฮา เขากำลังย่างเนื้อหนอนอมรณา ในตอนแรกพวกเราไม่ทราบดังนั้นพวกเราทุกคนจึงกินไปไม่กี่คำ
“อย่ามัวแต่นินทา หากเจ้าพบสัตว์ที่กลายร่างโดยก้อนเนื้อของราชาปีศาจอมตะขอให้ฆ่าพวกมันแล้วปกปิดไว้ด้วยก้อนเนื้อของมันเองก็สามารถป้องกันการรับรู้ของราชาปีศาจอมตะได้” ผนึกเสามนตรากล่าว
“จะหาได้ที่ไหน” ลั่วอู๋ถาม
“ข้าไม่รู้ มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
“ไม่จริงหรอก”
“ตอนนี้ข้าอยู่ภายใต้แรงกดดันมากมาย ข้าจำเป็นต้องต่อกรกับพลังของปรมาจารย์ปีศาจทั้งเก้า ข้าไม่สามารถกลับร่างได้ ดังนั้นข้าจึงพึ่งพาได้เพียงเจ้าเท่านั้น” เสียงของผนึกเสามนตราค่อยๆ เบาลง
“ถ้าข้าช่วยมารดาของสัตว์ร้ายกระหายเลือดไม่ได้ บางทีข้าอาจจะถูกกำจัดโดยสัตว์ร้ายทั้งสองตัว”
“ได้โปรด”
“อย่างน้อยเขาก็เป็นศิษย์ผู้มีพรสวรรค์ของสำนัก เฉียนหลง”
“อย่าร้องไห้และถอดใจไป อย่างน้อยเจ้าก็มีหวัง ถ้าเจ้าปล่อยให้นรกมนตราถูกปลดปล่อย เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นจะสิ้นหวังจริงๆ”
หัวใจของลั่วอู๋สั่นสะท้าน “ไม่มีความหวังแม้ท่านและท่านหม่าเฉินจะอยู่ที่นั่น?”
“ถ้าเจ้าคนเถื่อนเฒ่ากับข้าอยู่ในจุดสูงสุดบางทีมันอาจจะไม่เลวร้ายขนาดนี้ ฮ่าๆ น่าเสียดายที่เราสูญเสียไปกับเมื่อพันปีก่อนมากเกิน …”
เสียงแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ผนึกเสามนตราเริ่มเปล่งแสง วูบวาบ ในที่สุดมันก็เงียบสนิทและไม่ได้ยินเสียงอีกต่อไป
“ท่านเจ้าสำนัก” ลั่วอู๋ตะโกนแต่ไม่มีเสียงตอบรับ
พลังวิญญาณอันชั่วร้ายดูเหมือนกำลังแผ่กระจายออกไป
ลั่วอู๋พุ่งทะยานลงจากภูเขา สัตว์ร้ายกระหายเลือดทั้งสองมองเห็นลั่วอู๋และถอนหายใจโล่งอก พวกมันแสดงความสามารถและพลังพิเศษของพวกมันทันทีเพื่อนำทางพลังด้านลบเพื่อลดทอนและตัดพลังของผนึกเสามนตรา
“ในที่สุดเจ้าก็ลงมา ถ้าเจ้าไม่ลงมาอีกพวกปรมาจารย์ปีศาจจะพบสิ่งผิดปกติ” สัตว์ร้ายกระหายเลือดตัวผู้พูดด้วยความไม่สบายใจ
ลั่วอู๋ไม่ได้ตอบอะไร
อาจจะเป็นไปได้ว่าเจ้าสำนักรู้สึกได้ถึงสายตาของปรมาจารย์ปีศาจ จึงตัดการสื่อสารออกไป
หรือเมื่อเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ปีศาจทั้งเก้า กำลังพวกเขาถูกทำให้อ่อนแอลงและไม่สามารถคงรักษาสมาธิเอาไว้ได้
“เป็นอย่างไรบ้าง?” สัตว์ร้ายกระหายเลือดตัวเมียถาม
ลั่วอู๋ครุ่นคิดสักพักและถามว่า “เจ้ารู้ไหมว่ามีตัวอะไรอยู่ในนรกมนตราเป็นก้อนเนื้อของราชาปีศาจอมตะ”
สัตว์ร้ายกระหายเลือดทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่ายหัว “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
“มันเป็นปัญหา” ลั่วอู๋รู้สึกปวดหัว “ถ้าอย่างนั้นเจ้าอยู่ที่นี่ ข้ามีอะไรต้องทำ”
“ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าหนีไปหรอกนะ” สัตว์ร้ายกระหายเลือดตัวผู้ยังคงไม่ไว้ใจลั่วอู๋
“การที่ข้าหนีไปเจ้าเสียอะไรหรือ?” ลั่วอู๋หัวเราะเบา ๆ “หุบปากรอต่อไป”
สัตว์ร้ายกระหายเลือดตัวผู้อยากบันดาลโทสะแต่ก็ถูกข่มโดยดวงตาเข้มงวดของสัตว์ร้ายกระหายเลือดตัวเมีย
สัตว์ร้ายกระหายเลือดตัวเมียสั่ง “เราจะตัดแหล่งพลังงานของผนึกเสามนตราต่อไปตามแผนเดิม มิฉะนั้นปรมาจารย์ปีศาจจะหาเราเจอ”
“ข้าทราบ” ลั่วอู๋พยักหน้า “ข้าทำมันแน่”
สัตว์ร้ายกระหายเลือดตัวเมียถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พวกมันเพียงฟังหูไว้หู พวกมันอยู่ข้างลั่วอู๋ไม่ได้จริงๆ
ลั่วอู๋เลือกที่จะบินตรงกลับไปหาชาวแซค
“เอาไว้ก่อน อดทนไว้ ข้าต้องอดทนเอาไว้ให้ได้” ลั่วอู๋พึมพำกับตัวเอง
หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมง ลั่วอู๋ ก็บินกลับไปหาชาวแซค
ชาวแซคอาศัยอยู่ในนรกมนตรามานานกว่า 8000 ปีแล้ว พวกเขาควรรู้มากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าไปถามก็อาจจะได้เบาะแส
การกลับมาของลั่วอู๋สร้างความประหลาดใจให้กับชาวแซค
“ผู้มีพระคุณ” กูระเป็นคนแรกที่ทักทาย
นารุตัวน้อยก็กระโดดขึ้นมาและร้องฟูมฟายเรียก “อาจารย์” แต่ลั่วอู๋ไม่มีเวลาสนใจ
ลั่วอู๋โพล่งถาม “กูระเจ้ารู้ไหมว่ามีตัวอะไรอยู่ในนรกมนตราซึ่งประกอบขึ้นจากก้อนเนื้อของปรมาจารย์ปีศาจ ราชาปีศาจอมตะ”
เมื่อได้ยินคำว่า “ปรมาจารย์ปีศาจ” ใบหน้าของชาวแซคก็เปลี่ยนไป
เป็นเวลาหลายพันปีที่พวกเขากลัวว่าใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาจะถูกค้นพบโดยปรมาจารย์ปีศาจทั้งเก้า คำว่า “ปรมาจารย์ปีศาจ” เป็นฝันร้ายของชาวแซค
พวกเขาก้าวถอยหลังโดยไม่ตั้งใจไม่กล้าเข้าใกล้ลั่วอู๋
กูระกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ข้าไม่รู้จริงๆ แต่ผู้มีพระคุณโปรดอย่าเอ่ยคำว่า” ปรมาจารย์ปีศาจ” ให้ชาวแซคฟังอีกในอนาคตเพราะทุกคนกลัวมาก”
ดวงตาของลั่วอู๋กราดไปทั่วฝูงชนและเห็นดวงตาอันตื่นตระหนกของพวกเขา อย่างไรก็ตามลั่วอู๋ผู้วิตกกังวลอยู่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของพวกเขาได้
“เร็วเข้า ใครรู้บ้างว่าอสูรชนิดใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชาปีศาจอมตะ” ลั่วอู๋ประกาศถาม
ทุกคนหันหลังกลับและวิ่งหนีด้วยความกลัวที่จะอยู่ต่อ
“บัดซบ!”
ลั่วอู๋รู้สึกหดหู่
สองชั่วโมงนี้ไร้ผล
ตอนนี้แซคเฒ่าออกมา เขาดูมีสดชื่นขึ้นมากและดูอ่อนเยาว์ลง ตอนนี้อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ดูเหมือนคนใกล้ตาย เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเลือดของเต่าสังหารจักรพรรดิ
“มากับข้า” แซคเฒ่ากล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน
ลั่วอู๋มีความสุขมาก
ได้เรื่องแล้ว!