ไหปีศาจ - บทที่ 749 พิษซ่อนเร้น
บทที่ 749 พิษซ่อนเร้น
บทที่ 749
พิษซ่อนเร้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งปีผ่านไปในพริบตา
คืนหนึ่ง ฮวงเสี่ยวหยวนกลับไปที่ร้านค้าสีฟางในสภาพเมามายหลังอาหารเย็น
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีภาพลักษณ์อันน่าเอ็นดูในอดีตหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว เขามีมาดของหัวหน้าตระกูลผู้มีฐานะสูง และโตเป็นผู้ใหญ่
ทว่าเขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์หรือที่นอนของภรรยา แต่กลับไปที่ร้านค้าสีฟาง เดินกลับไปในห้องเก็บของขนาดเล็ก หันหน้าไปทางสมุดบัญชีอย่างเงียบ ๆ
แน่นอนว่าห้องเก็บของขนาดเล็กนี้ถูกย้ายมาจากร้านค้าสีฟางดั้งเดิมโดยตรง
ดูเหมือนว่าสถานที่ที่เขาจะสามารถสงบใจได้จริงมีเพียงแค่ที่แห่งนี้เท่านั้น
ตะเกียงน้ำมันถูกจุดขึ้นส่องแสงไฟสลัว
แต่ฮวงเสี่ยวหยวนนั้นชอบความรู้สึกนี้
ที่นี่เขาสามารถถอดตัวตนปรุงแต่งทั้งหมดของเขาออกไปได้
ทันใดนั้นร่างเงาก็ปรากฏขึ้น
ฮวงเสี่ยวหยวน รู้ในทันทีว่าต้องเป็น กู่ฉวน เขาเป็นคนเดียวที่สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างไร้ร่องรอยในร้านค้าสีฟาง
กู่ฉวนขมวดคิ้ว “เจ้าดื่มสุราเยอะเกินไปอีกแล้ว”
“เฮ้ เฮ้ เจ้าเริ่มจะพูดเหมือนภรรยาของข้ามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ” ฮวงเสี่ยวหยวนดื่มสุราแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
พวกเขารู้จักกันมาระยะหนึ่งแล้ว การล้อเล่นมุกตลกจึงไม่เป็นอันตรายอะไร
“เราจะหารายละเอียดของขุนนางต่าง ๆ ในราชสำนัก ได้อย่างไรหากพวกเขาไม่ได้รับความบันเทิง พวกเขาจะไว้วางใจคนสนิทขององค์จักรพรรดิได้อย่างไร หากข้าทำตัวสูงส่งเกินไป ยิ่งเป็นแบบนี้พวกเขาจะเชื่อใจข้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีพวกทหารอีก…” แม้ฮวงเสี่ยวหยวนจะตกอยู่ในภวังค์ แต่คำพูดของเขาก็ยังคงเป็นระเบียบมาก
กู่ฉวน มองเขาอย่างสงสัย “เจ้าไม่ได้ทรยศพวกเราจริง ๆ เหรอ?”
“จะพูดอีกทำไม ข้าโกรธเจ้าแน่ ถ้าถามข้าแบบนี้อีก” ฮวงเสี่ยวหยวนไม่พอใจ
ทุกครั้งอีกฝ่ายมักจะถามคำถามโง่ ๆ เช่นนี้
มันทำให้เขาไม่มีความสุขมาก
“แต่ข้าไม่เคยเห็นเจ้าทำอะไรเพื่อแก้แค้นให้ท่านอาจารย์เลย” กู่ฉวนไม่เข้าใจ “ตรงกันข้ามสมบัติหายากและแปลกใหม่มากมาย กลับถูกส่งไปยังพระราชวังในทุก ๆ เดือนในราคาที่ต่ำมากจนไม่ต่างจากมอบให้ฟรี ๆ เจ้ากำลังใช้สมบัติที่ท่านอาจารย์ทิ้งไว้ให้เพื่อทำเรื่องพวกนี้อยู่ เจ้ารู้ตัวใช่ไหมว่ากำลังทำอะไร”
ถ้าไม่มีหินครามที่ลั่วอู๋ทิ้งเอาไว้ ร้านค้าสีครามคงไม่มีทางส่งสมบัติมากมายจากพระราชวังเป่ยหมิง มาให้ร้านค้าสีฟางแน่
ฮวงเสี่ยวหยวน มองไปที่ กู่ฉวน อย่างดูถูก
ตามที่คาดไว้เขาเป็นคนหยาบคาย ที่รู้แค่เรื่องการต่อสู้และลอบสังหาร
“งั้นข้าขอถามเจ้า” ฮวงเสี่ยวหยวนจิบชาด้วยท่าทางที่มีสติสัมปชัญญะ แล้วพูดอย่างจริงจัง “เจ้าคิดว่าพี่สาวหลี่หยินแข็งแกร่งหรือไม่?”
“แน่นอน” กู่ฉวนกล่าวโดยไม่ลังเล
ด้วยพลังของนางมากพอที่จะทำให้ทั้งเมืองหลวงของจักรวรรดิตื่นตระหนกได้ แน่นอนว่านางนั้นแข็งแกร่งมาก
“แล้วนางแก้แค้นสำเร็จไหม?” ฮวงเสี่ยวหยวนถาม
กู่ฉวนเป็นใบ้ไปในทันที
“ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง” ฮวงเสี่ยวหยวน ขยี้ตาของเขา สภาพเมามายทำให้เขารู้สึกอึดอัดพอสมควร “บรรพบุรุษของตระกูลลั่วแข็งแกร่งไหม”
กู่ฉวนเงียบ
แน่นอนว่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรที่อยู่มาอย่างยาวนานย่อมแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว
แต่เขาก็ยังต้องตาย
ฮวงเสี่ยวหยวนอาเจียนออกมาเป็นสุราแล้วชี้ไปที่ตัวเอง “เจ้าคิดว่าข้าแข็งแรงไหม?”
กู่ฉวนเหลือบมองเขาแล้วพ่นคำสามคำออกมาอย่างเย็นชา “เข้าขั้นขยะ”
เขาพยายามฝึกฝนมานานหลายปีแล้ว
แต่ฮวงเสี่ยวหยวนไม่สามารถแม้แต่จะดึงพลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายได้ด้วยซ้ำ เขานั้นไม่มีพรสวรรค์
“เฮ้เฮ้เฮ้” ฮวงเสี่ยวหยวน ไม่ได้โกรธ “ข้าไม่ได้ฝึกฝนพลังวิญญาณ เพราะข้าชอบการทำธุรกิจ แม้แต่เจ้ายังบอกว่าข้าเป็นขยะแล้วเจ้าอยากจะให้ข้าแก้แค้นอย่างไรเล่า จะให้ข้าวิ่งเข้าไปในพระราชวังพร้อมกับมีดสั้นไปแทงองค์จักรพรรดิจนถึงแก่ความตายรึไง?”
กู่ฉวนเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
มันไม่ง่ายที่จะฆ่าหลี่ซวนซง
หลี่ซวนซงเองก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเพชร เขาสามารถปกป้องร่างกายของตัวเองได้ด้วยพลังวิญญาณมังกร มันจึงยากที่เขาจะได้รับบาดเจ็บจากดาบหรือยาพิษ
คนธรรมดาฆ่าเขาไม่ได้แน่
“แม้ว่าเจ้าจะฆ่าพวกมันไม่ได้ แต่เจ้าก็ไม่ควรส่งสมบัติไปให้พวกมันโดยเปล่าประโยชน์ นี่มันเหมือนกับว่าพวกเราเป็นพวกเดียวกับมันชัด ๆ อีกอย่างเจ้าไม่เห็นจะต้องอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิเลยไม่ใช่เหรอ?” กู่ฉวนยังคงอึดอัด
เขาคิดว่าคงดีกว่าหากร้านค้าสีฟางกลับไปอยู่ในมณฑลเสิ่นจุน
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ร้านค้าสีฟางเกือบจะถูกกลืนหายไปโดยราชสำนัก แต่เขายังช่วยให้หลี่ซวนซงสามารถปรับสมดุลอิทธิพลของร้านค้าต่าง ๆ และการปกครอง ทำให้เขาต้องพยายามอดกลั้นความคับแค้นใจของเขาเอาไว้อย่างยากลำบาก
ฮวงเสี่ยวหยวนหัวเราะ ดวงตาของเขาดูสับสนเล็กน้อย “ข้าก็มีวิธีของข้า เชื่อเถอะ”
“เจ้าจะทำอย่างไรล่ะ”
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้หรอก”
กู่ฉวน โกรธเล็กน้อย “แม้แต่ข้าก็บอกไม่ได้งั้นเหรอ?”
“แน่นอน” ฮวงเสี่ยวหยวนเมาหนักมากและเริ่มง่วงนอน แม้ว่าเขาจะเมา แต่เขาก็ยังคงสามารถรักษาจิตใจอันชัดเจนได้ และไม่เคยบอกความลับกับใคร
แม้ว่ากู่ฉวนจะโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
“ส่งมันมา” กู่ฉวนเปิดมือของเขา
ฮวงเสี่ยวหยวน ดึงกระดาษแผ่นบางออกจากสมุดบัญชีด้วยรอยยิ้ม มีชื่อที่คลุมเครือมากมายบนกระดาษ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับต่ำหรือคนเร่ขาย
บางคนสนับสนุน หลี่ซวนซง ในขณะที่คนอื่น ๆ ตั้งเป้าโจมตีร้านค้าสีฟาง อย่างลับๆ
นี่คือรายชื่อสั่งฆ่า
ในความเป็นจริงนั้นยังมีชื่อสีแดงเข้มอยู่มากมายในสมุดบัญชีของเขาที่เขายังไม่เคยแสดงให้คนอื่นเห็น
กู่ฉวน มองและขมวดคิ้ว “มันดูน้อยลงเรื่อย ๆ นะ ”
“ยิ่งเจ้าฆ่าไปมาก มันก็ยิ่งต้องน้อยลงโดยธรรมชาติ” ฮวงเสี่ยวหยวน ยืดตัวออก ดูเหมือนว่าเขาจะง่วงแล้ว “คนที่สำคัญ ๆ พวกเรายังไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ง่าย ๆ เพราะมันจะไปกระตุ้นความสงสัยมากจนเกินไป คนเหล่านี้ไม่ค่อยสำคัญ มันจะง่ายต่อการจัดการกว่าถ้าฆ่าพวกเขาก่อน”
กู่ฉวนพยักหน้าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ทุก ๆ ครั้ง ฮวงเสี่ยวหยวนจะจัดเรียงรายชื่อเป้าหมายสังหารให้กับทีมพันธมิตรผู้ล้างแค้น
“งั้นข้าไปก่อนล่ะ” กู่ฉวนกลายเป็นเงาดำและหายไปในเวลากลางคืน
ฮวงเสี่ยวหยวนไม่ได้ยกมือขึ้นเขาเพียงแค่กล่าวทิ้งท้าย “ระวังด้วยล่ะ” แล้วกลับไปนอน เขาเหนื่อยมากแล้วจริง ๆ
ถ้าเขาดื่มจนเมาเขาจะไม่กลับไปที่เตียงในคฤหาสน์
ในประเด็นนี้ภรรยาของเขาประท้วงหลายครั้ง แต่เขาก็ยังคงเดินไปตามทางของตัวเอง ซึ่งเกือบจะทำให้ทั้งสองคนไม่ลงรอยกันทางอารมณ์
เพราะมันเป็นเรื่องง่ายที่คนเราจะพูดคุยเรื่อยเปื่อยในช่วงเวลาที่กำลังง่วงหลังจากดื่มสุรา
เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะเผลอหลุดปากพูดอะไรไปบ้างในยามหลับ และเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เขาจึงตั้งใจว่าจะไม่กลับบ้านหลังจากที่เมา
ฮวงเสี่ยวหยวนมีความลับ
ความลับที่เขาคนเดียวรู้
ในชั้นเล็ก ๆ ของสมุดบัญชีที่ซ่อนอยู่ ซึ่งด้านล่างเป็นแผ่นพับ ซึ่งส่งมาจากร้านค้าสีคราม มันบันทึกหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับทะเลเหนือ
ในบันทึกดังกล่าว
มีการพูดถึงปลาชนิดหนึ่งในทะเลเหนือ ชื่อว่าปลายูหมิงมันสามารถเติบโตได้ยาวถึงสิบฟุต มันไม่มีดวงตาที่ดูดุร้ายและอ่อนโยน
ปลายูหมิงอาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึกเป็นจำนวนมาก มันถูกจับได้ง่ายและมีรสชาติอร่อยโดยเฉพาะส่วนครีบที่ว่ากันว่าอร่อยที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้ากินพวกมัน แม้แต่ในทะเลลึกมันก็ไม่มีศัตรูใด ๆ ขนาดสัตว์วิญญาณทะเลที่แข็งแกร่งถึงระดับเจ้าถิ่นก็ยังไม่เต็มใจที่จะกินมัน
เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ พวกมันมีพิษ
อย่างไรก็ตามมันเป็นพิษชนิดหนึ่งที่จะซ่อนเร้นอยู่ในร่างกาย มันไม่มีสีและไม่มีรสใด ๆ ไม่สามารถตรวจพบได้เลยไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม แต่พิษที่สะสมอยู่นั้นจะแตกออกมา หลังจากถูกกระตุ้นโดยสื่อนำ
พิษซ่อนเร้นนี้ยิ่งสะสมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเมื่อมันปะทุออกมา
ในสมัยที่พระราชวังเป่ยหมิงถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้คนยังขาดความเข้าใจและความกลัวในทะเล
เมื่อพวกเขาค้นพบปลาชนิดนี้ พวกเขาก็แปลกใจมาก เพราะมันมีจำนวนมาก จับได้ง่ายและมีรสชาติที่อร่อย ราวกับเป็นสมบัติที่สวรรค์ประทานมาให้
ครีบของปลายูหมิง เคยกลายเป็นอาหารโปรดในพระราชวังเป่ยหมิง
แต่แล้วสารพิษก็ระบาดไปทั่ว
มีผู้ที่ได้รับพิษล้มตายมากมาย
หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากราชาหมอกซานเหรินแล้วละก็ คาดว่าผู้คนในพระราชวังเป่ยหมิงคงจะต้องสูญพันธุ์เป็นแน่
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาปลาชนิดนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นปลามรณะและทุกคนก็ได้รักษาระยะห่างจากมัน
ฮวงเสี่ยวหยวนได้ซื้อปลายูหมิงนี้มา และเพื่อให้เป็นที่ยอมรับขององค์จักรพรรดิ เขาจึงเปลี่ยนชื่อมันเป็นฉลามทะเลเหนือ และส่งมันไปยังพระราชวังเพื่อใช้เป็นเครื่องบรรณาการ