ไหปีศาจ - บทที่ 75 คำขอโทษ
บทที่ 75
คำขอโทษ
ในรถม้าคันหนึ่งที่ดูสวยงามและมีสัญลักษณ์ของราชวงศ์พิงหนานอยู่ทางด้านซ้ายของตัวรถ
“เจ้าสืบมาแล้วใช่ไหม” หลี่ชวนเฉิงหลับตาพยายามสงบสติอารมณ์ แต่มือของเขานั้นกำแน่นอยู่ใต้แขน จนเห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาไม่สงบเต็มไปด้วยโทสะ
เขาไม่ทราบว่าทำไมพ่อของเขาถึงได้สั่งคำสั่งเด็ดขาดว่าเขาต้องได้รับความโปรดปรานจากองค์หญิงเจียโรว เพื่อจะได้กลายเป็นราชบุตรเขย
แต่เขาก็รู้ว่าต้องมีเหตุผลบางอย่างพ่อของเขาจึงทำเช่นนั้น
เพื่อการนั้นเขาจึงต้องซื้อสัตว์วิญญาณที่องค์หญิงเจียโรวโปรดปรานมาถวายให้ได้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายแค่ไหนก็ตาม
แต่เขาก็ล้มเหลว
เพราะเจ้าเด็กหนุ่มผมสีเงินที่น่ารังเกียจนั่น
เบื้องหน้าของหลี่ชวนเฉิงมีชายในชุดดำคนหนึ่งคุกเข่าลง จากนั้นเขาก็ตอบด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ใช่แล้วขอรับ เด็กหนุ่มผู้นั้นมีชื่อว่าลั่วอู๋ เขาเป็นของตระกูลลั่วขอรับ”
“ตระกูลลั่วงั้นเหรอ” ดวงตาของหลี่ชวนเฉิงหรี่ลง “ตระกูลลั่วที่เป็นผู้ปรับแต่งสัตว์วิญญาณ ปีศาจและลิงเผือก”
“ใช่ขอรับ”
หลี่ชวนเฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตระกูลลั่วนั้นถือเป็นตระกูลชนชั้นสูง แม้แต่ผู้คุมเขตการปกครองและราชวงศ์ก็ยังไม่กล้าคิดจะเป็นศัตรูกับตระกูลลั่วอย่างโจ่งแจ้ง
แค่นี้อย่างนั้นเหรอ
หลี่ชวนเฉิงยังไม่พอใจ เขาไม่เพียงแค่ต้องการจะชิงเอาภูตดอกไม้กลับคืนมา แต่ยังต้องการชีวิตของลั่วอู๋อีกด้วย
“อย่างไรก็ตามผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า สืบพบว่าลั่วอู๋ผู้นี้เป็นลูกชายที่ถูกขับออกจากตระกูลลั่วขอรับ เนื่องด้วยขาดคุณสมบัติในฐานะผู้ใช้พลังวิญญาณและสถานะในตระกูลที่ต่ำ เนื่องจากมารดาของเขาไม่มีฐานะในตระกูลลั่ว เขาจึงถูกเนรเทศให้ไปที่เขตหวงชาเพื่อดูแลธุรกิจตระกูลที่นั่นขอรับ ” ชายชุดดำอธิบายต่อ
หลี่ชวนเฉิงดีใจมาก “นั่นมันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ”
ลูกชายที่ถูกขับออกจากตระกูลอย่างนั้นหรือ
แบบนี้ต่อให้เขาฆ่าอีกฝ่ายให้ตายไปก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรต่อตระกูลลั่ว
เป็นไปได้รึเปล่าว่าตระกูลลั่วจะไม่ระแคะระคายเรื่องที่ลั่วอู๋กระทำการในโรงประมูล
“ มันเป็นความจริงขอรับ ลูกน้องของข้ายืนยันว่าตอนนี้เขายังคงพักอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยม ตราบใดที่ท่านออกคำสั่ง … ” ชายชุดสีดำกล่าว
“ไปนำตัวเขาและภูตดอกไม้กลับมาหาข้า” ความโกรธพวยพุ่งออกมาจากใบหน้าของหลี่ชวนเฉิง
ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว ภูตดอกไม้ถูกส่งต่อไปให้ฉูจงฉวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
……
……
อีกด้านหนึ่ง ลั่วอู๋ได้เดินทางกลับมาที่โรงเตี๊ยม
ข้างหลังเขามีไร้หน้านอนอยู่บนเปลหามห่อด้วยผ้าพันแผลทั่วร่างกาย เนื่องจากเขาต้องการที่จะติดตามนายน้อยมาด้วย
โรงเตี๊ยมในตอนนี้นั้นเงียบมาก
เห็นได้ชัดว่าเหล่าองครักษ์ขององค์หญิงเจียโรวได้เข้ามายึดพื้นที่ไว้แล้วเป็นที่เรียบร้อย
ลั่วอู๋เดินตรงเข้าไปในโรงเตี๊ยมและขึ้นไปยังชั้นสาม
“ปัง!”
ลั่วอู๋เตะประตูเข้าไป
“เจ้าเป็นใครน่ะ “
“โอหัง!”
เสียงของคนสองคนตะโกนออกมา
หงเฉาและฉิงเหมยจ้องมองไปลั่วอู๋ จากนั้นเหล่าองครักษ์เกราะเงินก็เข้ามาล้อมรอบเขา เหล่าทหารที่ดุร้ายและทรงพลังล้อมลั่วอู๋อย่างมีรูปแบบ
ลั่วอู๋โกรธมาก “ข้าเป็นใครงั้นเหรอ ข้าต่างหากที่อยากถามว่าพวกเจ้าเป็นใคร นี่มันเป็นห้องที่ข้าจองไว้ พวกเจ้าต่างหากล่ะมาทำอะไรที่นี่”
สีหน้าของหงเฉาและฉิงเหมย แปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“พวกนางเป็นสาวใช้ของข้า อย่าโกรธพวกนางเลย พวกนางแค่เป็นห่วงข้า” น้ำเสียงนุ่มนวลและเงียบสงบดังขึ้นมา
ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ เพื่อหาตัวเจ้าของเสียง
องค์หญิงเจียโรวในชุดกระโปรงยาวลายดอกไม้ ผมของนางเปียกและไอหมอกบาง ๆ เห็นได้ชัดว่านางเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
ใบหน้าของนางดูละเอียดอ่อนและแดงก่ำ คิ้วของนางเหมือนกับขนนกสีเขียว ผิวเหมือนปุยหิมะ ท่าทางของนางดูเบาบางเหมือนผ้าโปร่ง ดวงตาสดใสเต็มไปด้วยสติปัญญาและไหวพริบ
เมื่อเห็นทั่วทั้งร่างนางก็สวยงดงามดั่งภูตในตำนาน
ดวงตาของลั่วอู๋จับจ้องตรงไปที่นั่น
ครั้งแรกที่เขาได้พบองค์หญิงเจียโรว เป็นตอนที่นางได้ต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งและนางก็ยังอยู่ในสภาพไม่ดีนัก ซึ่งไม่กี่วันหลังจากนั้นองค์หญิงเจียโรวก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากผลที่ตามมาอย่างรุนแรงและไม่เหลือเรี่ยวแรง
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าองค์หญิงเจียโรวจะสวยงามเหมือนกับที่ผู้คนต่างลือกัน
ทว่าตอนนี้เขาไม่คิดอย่างนั้นแล้ว
เพียงแค่มีออร่าเล็กน้อยสีชมพูอ่อน ๆ องค์หญิงเจียโรวก็เหมือนกับภูตของโลกนี้ นางเปล่งประกายเสียจนผู้คนไม่อาจละสายตาจากนางได้
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้ากำลังจะย้ายออกไปงั้นเหรอ”
“ไม่แน่นอน” องค์หญิงเจียโรวหรี่ดวงตาอันสวยงามของนาง “เจ้าไม่เห็นเหรอว่าข้าขยับตัวไม่ไหว ที่อยู่ในสภาพนี้ได้เพราะหงเฉาและฉิงเหมยช่วยอาบน้ำให้ข้า”
องค์หญิงเจียโรวนั้นยังนอนอยู่บนเตียงและไม่สามารถขยับตัวได้
ลั่วอู๋สงบลงครู่หนึ่งแล้วจึงพูดออกมา “หามไร้หน้าเข้ามาสิ!”
ผู้ชายที่ตามเขามาอยู่ด้านหลังยกร่างของไร้หน้าขึ้นบนเปล ซึ่งยังคงมีรอยเลือดจำนวนมากบนผ้าพันแผลของไร้หน้าจนดูน่าตกใจ
หัวใจขององค์หญิงเจียโรวนั้นผ่อนคลายเล็กน้อย
โชคดีที่ไร้หน้ายังไม่ตาย
ลั่วอู๋มองที่ใบหน้าของนาง “มีใครอธิบายได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ข้าช่วยองค์หญิงของพวกเจ้า แต่เจ้าเกือบจะลงมือฆ่าคนของข้า”
องค์หญิงเจียโรวได้เล่าให้คนรับใช้และองครักษ์ฟังหมดแล้วทุกเรื่อง พวกเขาจึงรู้แล้วว่าพวกเขาได้ทำร้ายคนผิด
“ใครให้เขาทำตัวดูแปลก ๆ กันล่ะ เขาดูเหมือนพวกคนน่าสงสัย แล้วทำไมเขาไม่บอกก่อน ถ้าเขาทำแบบนั้น พวกข้าคงไม่ลงมือโจมตีเขาอย่างแน่นอน” ฉิงเหมยกระซิบ
ลั่วอู๋ก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับมีแสงแวบเข้ามาในดวงตาของเขา เขายกมือขึ้นและตบหน้าอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
“ปัก!”
เสียงตบดังไปทั่วห้อง
“เจ้า … ” ฉิงเหมยมองลั่วอู๋อย่างไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง นางไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าตบตัวเองที่เป็นถึงคนรับใช้ขององค์หญิง
ลั่วอู๋จ้อง “ไม่มีตาเอาเสียเลย สมควรแล้วที่จะโดนข้าตี”
“โอหัง!”
เหล่าองครักษ์ในชุดเกราะสีเงินดูโกรธและดูเหมือนพร้อมที่จะจู่โจม
“พวกเจ้าทั้งหมดออกไปเดี๋ยวนี้.” องค์หญิงเจียโรวตะโกน
องครักษ์เกราะเงินทั้งหมดถอนตัวออกทันที
“ฉิงเหมยขอโทษเขาซะ” องค์หญิงเจียโรวกล่าว
ฉิงเหมยที่กำลังเจ็บและเศร้าใจ พูดอย่างไม่เต็มใจนักด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าขอโทษเจ้าค่ะ”
“ข้ากำลังพูดถึงการ ให้เจ้าขอโทษไร้หน้า”
องค์หญิงเจียโรวดูเหมือนว่ายังไม่พอใจนัก
ฉิงเหมยเสียใจจนเกือบร้องไห้ออกมา แต่นางรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของตัวนางเอง ที่นางต้องรับผิดชอบ นางหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันไปทางไร้หน้า “ข้าขอโทษเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ข้าให้อภัย” ไร้หน้ามองไปที่ลั่วอู๋อย่างซาบซึ้ง
องค์หญิงเจียโรวเองก็กล่าวขอโทษเช่นกัน “มันเป็นเพราะคนของข้าที่หุนหันพลันแล่นมากเกินไป ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจว่าพวกเขาแค่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของข้า”
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดว่าองค์หญิงเจียโรวเป็นคนที่ดื้อรั้น มีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย แต่ดูเหมือนว่าความจริงแล้วนางจะไม่ใช่คนแบบนั้น
องค์หญิงเจียโรวเป็นผู้มีวิจารณญาณในการแยกแยะถูกและผิด
“เมื่อไร้หน้าบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ข้าเองไม่มีปัญหา” ลั่วอู๋กล่าว
จากนั้นองค์หญิงเจียโรวก็ยิ้มให้เขา
มันเป็นข่าวที่รู้กันทั่วไปในตอนนี้ว่าลั่วอู๋ได้ชนะการประมูลภูตดอกไม้
เพื่อที่จะให้ทหารองครักษ์ขององค์หญิง ได้แจ้งข้อความสำคัญนี้ไปถึงองค์หญิงเจียโรว เขาจึงใช้เวลาในการเดินทางนานสักหน่อย ซึ่งก็เพื่อรักษาไร้หน้าด้วย
“ เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามันเป็นข่าวที่ดีเลยเดียว” ลั่วอู๋ยิ้ม
องค์หญิงเจียโรวมองดูเขาอย่างมีความสุข “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยอมซื้อภูตดอกไม้ให้ข้า เพื่อเอาใจข้า ไหนเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ต้องการเป็นน้องชายของข้าไง”
ในมุมมองขององค์หญิงเจียโรว นางเคยบอกลั่วอู๋ว่านางชอบภูตดอกไม้ จากนั้นลั่วอู๋ก็ไปที่โรงประมูลและประมูลภูตดอกไม้กลับมา
การกระทำที่เกินกว่าคำว่าความมีน้ำใจ
หงเฉา ฉิงเหมยและองครักษ์องค์หญิงได้ประโยคนี้พวกเขาก็แปลกใจเล็กน้อย น้องชายอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นระหว่าง ลั่วอู๋กับองค์หญิงเจียโรว
“เจ้าน่าจะผิดหวังนะ เพราะข้าไม่ได้ซื้อภูตดอกไม้มาเอง แต่เป็นตระกูลฉูของเขตหมิงหนานต่างหากที่ซื้อไป” ลั่วอู๋กล่าว
องค์หญิงเจียโรวรู้สึกประหลาดใจ “เป็นไปได้อย่างไรคนของข้าไม่น่าจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับข่าวสำคัญแบบนี้ได้นี่นา”
“มันถูกประมูลไปในชื่อของข้า แต่จริงๆ แล้วมันคือตระกูลฉูต่างหากที่จ่ายเงินให้ มันดังนั้นภูตดอกไม้จึงเป็นของตระกูลฉู ” รอยยิ้มของลั่วอู๋เริ่มดูอึดอัด
“ทำไม”
“เพราะข้าเป็นคนที่เอาภูตดอกไม้ไปประมูล” ลั่วอู๋กระซิบ
องค์หญิงเจียโรวกะพริบตา “ภูตดอกไม้เป็นของเจ้างั้นเหรอ เจ้าก็รู้ว่าข้าชอบภูตดอกไม้ แล้วทำไม่เจ้าไม่เอามันมาให้ข้าล่ะ เอาไปขึ้นประมูลทำไม ถ้าคนอื่นได้ไปล่ะเจ้าจะทำยังไง”
“แค่ก มันก็เกือบเป็นเช่นนั้น”
องค์หญิงเจียโรวหันหลังกลับไปหาเหล่าทหาร “มัดตัวหมอนี่ให้กับข้า”