ไหปีศาจ - บทที่ 752 ถอดหน้ากาก
บทที่ 752 ถอดหน้ากาก
บทที่ 752
ถอดหน้ากาก
เมื่อได้ยินคำพูดของนารุ ความโกรธได้ปรากฏอยู่ในดวงตาของเด็กหนุ่มและเด็กสาวคนอื่น ๆ ก็แทบจะรวมตัวกันเป็นเปลวเพลิง
แต่ก็ไม่มีใครกล้าเถียงเขา
เพราะมันเป็นเรื่องจริง
พวกเขาต่างกลัวที่จะถูกฆ่า
แม้แต่เด็กหนุ่มผู้เลื่อนระดับเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง และได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ก็ยังต้องจำนนต่อคำพูดนี้
นี่ทำให้หลี่หวู่หยวนรู้สึกประหลาดใจมาก
เด็ก ๆ ล้วนเลือดร้อนอย่างไร้สาระ โดยเฉพาะในหมู่ผู้มีพรสวรรค์ที่ยังเยาว์วัย พวกเขานั้นมีความเข้มแข็ง เมื่อเผชิญกับการยั่วยุจึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดการต่อสู้กันเอง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากในทุก ๆ ปี
แต่สิ่งนั้นกลับแตกต่างออกไปในปีนี้
“เกิดอะไรขึ้น?” หลี่หวู่หยวนหันไปถามทูตเฉียนหลงที่รับผิดชอบในการตรวจสอบการทดสอบเข้าสำนักเฉียนหลง
ทูตของเฉียนหลงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “เด็กชายคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆ ขอรับ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้อยู่ในมิติวิญญาณที่สูงเท่าไหร่ แต่วิชาดาบของเขานั้นแข็งแกร่งและทรงพลังมาก ยิ่งไปกว่านั้น มากกว่าครึ่งหนึ่งของนักเรียนที่สมัครเข้ามาในปีนี้ล้วนถูกฆ่าตายลงด้วยน้ำมือของเขา และความตายของพวกเขาเองก็น่าสังเวชมาก … ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่หวู่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังนารุ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าเด็กคนนี้จะเป็นสัตว์ประหลาดเลือดเย็น
เขายังเด็กมากแท้ ๆ แล้วเขาได้ทักษะดาบอันน่ากลัวเช่นนี้มาจากที่ไหนกัน?
“ดาบของเขาเองก็ดูเหมือนจะผิดแปลกมากเช่นกันขอรับ” ทูตเฉียนหลงกล่าว
หลี่หวู่หยวน มองไปที่ดาบในมือของ นารุ
มันเป็นดาบขนาดใหญ่ ใบดาบนั้นมีขนาดกว้างมาก รูปร่างดูเกรี้ยวกราด แม้จะมีหลุมมากมายบนใบดาบ แต่ใบดาบก็ไม่ได้หลุดออกจากกัน
มันดูไม่ได้พิเศษอะไรเท่าไหร่
แต่หลี่หวู่หยวน ก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเขารู้สึกได้ถึงพลังของมัน
มีบางอย่างผิดปกติกับดาบเล่มนี้
ดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นมาจากแร่วิญญาณล้ำค่าหลากหลายชนิด ซึ่งบางจุดก็เป็นแร่ที่ทรงพลังมาก กล่าวได้ว่าตัวดาบทั้งเล่มนั้นทำจากแร่วิญญาณหายาก มูลค่าของแร่ธาตุวิญญาณพวกนี้นั้นสูงมาก
วิธีการหล่อหลอมตัวดาบอาจจะยังหยาบกร้าน แต่ที่จริงแล้วกลับวิจิตรงดงามมาก มันทำให้พลังวิญญาณทั้งหมดที่มีอยู่ในวัตถุดิบสามารถหลอมรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งเผยให้เห็นถึงวิธีการหลอมโบราณบางอย่างที่น่าจะสูญหายไปแล้ว
สมองของหลี่หวู่หยวนเปล่งคำหนึ่งออกมา แบบเสมือนของอาวุธมนตรา
แม้ดาบเล่มนี้จะยังไม่มีจิตวิญญาณแห่งดาบสถิตอยู่ในดาบ แต่พลังของดาบเล่มนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากอาวุธมนตราจริง ๆ เลย เรียกได้ว่ามันเป็นแบบเสมือนของอาวุธมนตราจริง ๆ
“ เจ้าเอาดาบเล่มนี้มาจากที่ไหน?” หลี่หวู่หยวน ถาม
นารุพูดตอบง่าย ๆ ว่า “มันถูกสร้างขึ้นสำหรับข้า โดยเหล่าลุงของข้า ด้วยกำลังของทั้งครอบครัว”
หลี่หวู่หยวน รู้สึกประหลาดใจ
เขาคิดว่าดาบเล่มนี้เป็นอาวุธมนตราที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณจนสูญเสียจิตวิญญาณแห่งดาบไปนานแล้วเสียอีก
เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าดาบเล่มนี้นั้นเพิ่งถูกหลอมขึ้นมาเพิ่งไม่นานมานี้เอง
ตอนนี้มีตระกูลของนารุมีวิชาในการหลอมระดับนี้อยู่งั้นเหรอ?
“เจ้ามาจากที่ไหนกัน?” หลี่หวู่หยวน ถาม
นารุ ส่ายหัว “เรื่องนี้คงบอกไม่ได้”
แน่นอนว่าในเมื่อเขาตอบเช่นนี้หลี่หวู่หยวนจึงทำได้แค่ไม่สนใจมันอีก เขาทำได้เพียงประเมินเด็กที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น
มันคงยากที่นารุจะหาคู่ต่อสู้ในรุ่นเดียวกัน เนื่องจากแก่นแท้ของวิชาดาบที่เขามีนั้นอยู่ไกลเกินขอบเขตมิติวิญญาณของเขาไปมาก อย่างไรก็ตามดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องยากที่จะต้องฝึกเด็กที่มีความสามารถ เลือดเย็นและหยิ่งผยอง ขนาดนี้ตั้งแต่อายุได้เพียงเก้าขวบ
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีสัตว์วิญญาณใช่ไหม?” หลี่หวู่หยวน หรี่ตาของเขา
นารุ พยักหน้า “ข้ามีแค่ดาบเท่านั้น”
ด้วยการฝึกฝนวิชาดาบ เขาจึงสามารถเข้าถึงสถานะดังกล่าวได้ตั้งแต่อายุเก้าขวบ เส้นวงจรพลังวิญญาณของเขานั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาจึงไม่สามารถทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณได้
ขอบเขตมิติวิญญาณของเขาแสดงออกในแง่ของวิชาดาบมากกว่าในแง่ของพลังวิญญาณหลายเท่า
“ข้าไม่คาดคิดว่าหลังจากนั้นหลายปีจะมี บุคคลเช่น หลินเจิ้งโผล่ออกมาอีก” หลี่หวู่หยวน ค่อนข้างหวั่นไหว
ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจ
เพราะทุกคนนั้นรู้ดีว่าหลินเจิ้งคือใคร
นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
แม้ว่าเขาจะสูญเสียทะเลแก่นวิญญาณไปแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของโลกอยู่ดี
ไม่มีใครคาดคิดว่ารองเจ้าสำนักจะประเมินเด็กวัยรุ่นหน้าตาบูดบึ้งคนนี้ไว้สูงถึงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็มีจุดที่เหมือนกันอยู่จริง ๆ เมื่อลองคิดอย่างรอบคอบ ในช่วงแรกหลินเจิ้งเพียงแค่ฝึกฝนดาบของเขา แม้ว่าเขาจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่เคยมีใครทำลายรั้วดาบวิญญาณของเขาได้
“มาเริ่มกันต่อดีกว่า” หลี่หวู่หยวน โบกแขนเสื้อของเขา
และแล้วการประชุมนักเรียนใหม่ของสำนักเฉียนหลงจึงได้ดำเนินต่อไป
หลังจากกล่าวสุนทรพจน์ การประชุมนักเรียนใหม่ก็ได้สิ้นสุดลง
ภายใต้การแนะนำของอาจารย์ผู้สอนต่าง ๆ นักเรียนก็ได้เลือกที่อยู่อาศัยที่ตนเองต้องการ แต่นารุกลับเดินไปมาอย่างไร้จุดหมายในสำนักเฉียนหลง
ทันใดนั้นเอง หลี่หวู่หยวน ก็ปรากฏตัวที่ด้านข้างของเขาอีกครั้ง
ทว่านารุกลับดูไม่แปลกใจเท่าไหร่
“เจ้ากำลังมองหาอะไรงั้นเหรอ?” หลี่หวู่หยวน ถาม
“ข้ากำลังมองหาคฤหาสน์”
“หากเจ้าต้องการคฤหาสน์ ที่นี่มีพวกมันอยู่เป็นจำนวนมากมาย เจ้าหาหลังที่ถูกใจไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”
“ข้ากำลังมองหาถิ่นที่อยู่ของชายคนหนึ่ง”
“ ถิ่นที่อยู่ของชายคนหนึ่ง?”
“ บ้านพักของลั่วอู๋”
หลี่หวู่หยวน ตะลึง เขามองไปที่ นารุ ด้วยสายตาอันเย็นชา “เจ้าต้องการทำอะไรกับบ้านพักของ ลั่วอู๋?”
นารุกะพริบตา “ ข้าได้ยินมาว่าลั่วอู๋เป็นอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นข้าจึงคิดว่าสถานที่ที่เขาเคยอยู่ต้องดีมากแน่ ๆ ”
หลี่หวู่หยวน มองไปที่ นารุ อย่างสงสัย ดวงตาภายใต้หน้ากากผีเผยให้เห็นจิตวิญญาณและความจริงใจโดยไม่มีความมุ่งร้าย
“ มันไม่ดีเท่าไหร่หรอก ลั่วอู๋ไม่เคยออกจากสำนัก เฉียนหลง ดังนั้นที่อยู่อาศัยของเขาจะได้รับการรักษาเอาไว้ตลอดเวลา ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า” หลี่หวู่หยวนปฏิเสธ
กลับกันแล้ว นารุ รู้สึกยินดีด้วยซ้ำที่ได้ยินสิ่งนี้ “เจ้าช่วยบอกข้าได้ไหมว่าบ้านพักของเขาอยู่ที่ไหนข้าจะไม่เข้าไปแน่ไม่ต้องห่วง”
หลี่หวู่หยวน รู้สึกว่ามันไม่สำคัญเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงนำทางไปให้กับนารุ
นารุเดินไปข้างหน้าตามทางอย่างสบายใจ
จู่ ๆ หลี่หวู่หยวนก็ถามขึ้นมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะฆ่าคนบ่อย ๆ ใช่ไหม?”
“ใช่” นารุ พยักหน้า
“เจ้าไม่รู้สึกกดดันทางจิตใจเลยเหรอ?”
“ทำไมล่ะ?” นารุ ไม่เข้าใจ
มีความสงสัยในดวงตาของเขา ราวกับว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องปกติ ๆ
หลี่หวู่หยวน เต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน
แม้แต่ตัวตนต่าง ๆ ในอดีตผู้เต็มไปด้วยความชั่วร้ายที่เคยสังหารผู้คนนับไม่ถ้วน มันก็ยังยากสำหรับเขาที่จะไม่แยแสชีวิตของผู้อื่นเช่นนี้ พวกเขาล้วนอยู่ภายใต้แรงกดดันทางจิตใจไม่มากก็น้อย
แต่หนุ่มคนนี้ไม่เลย มันเป็นเรื่องแปลกมากที่เขายังคงรักษาความไร้เดียงสาในใจเอาไว้ได้ทั้ง ๆ ที่ลงมือฆ่าคนไปแล้ว
เด็กคนนี้เติบโตขึ้นเขาจึงไม่รู้จริงๆว่ามันจะกลายเป็นพรหรือคำสาป
เขาเพียงมีอายุได้เพียงเก้าขวบเท่านั้นเอง
“ เจ้าเริ่มฆ่าคนตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่หวู่หยวน ถาม
“ประมาณสามปีที่แล้ว” นารุ คิดอยู่ครู่หนึ่ง “มีลุงแปลก ๆ มาจับตัวข้าพยายามที่จะขายข้า”
หลี่หวู่หยวน ขมวดคิ้ว
พ่อค้าเร่?
“หัวหน้าเผ่าสอนข้าให้ปกป้องตัวเอง ดังนั้นข้าจึงฆ่าเขา ด้วยการลอบโจมตีเขา เนื่องจากเขามีพลังมากจนข้าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ในการสู้ตัวต่อตัว” นารุกล่าว
หลี่หวู่หยวน ถอนหายใจ
สามปีที่แล้ว? ตอนนั้นเด็กคนนี้เพิ่งมีอายุแค่หกขวบด้วยซ้ำ
“ มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก” หลี่หวู่หยวนตบไหล่นารุเบา ๆ
นารุนั้นไม่ได้สูงและร่างกายของเขาเองก็ผอมมาก เขาแสดงสีหน้างงงวยและดูงี่เง่าเล็กน้อย
ทำไมเขาจะต้องโทษตัวเองด้วยล่ะ? นารุสงสัย
“แล้วทำไมเจ้าถึงสวมหน้ากากที่น่ากลัวเช่นนี้กัน?” หลี่หวู่หยวน ถาม
นารุแตะใบหน้าของเขา “ข้าไม่รู้ทั้งเผ่าของข้าเป็นแบบนี้ ข้าชินแล้ว และข้าก็ไม่สามารถถอดมันออกมาได้ด้วยตนเอง”
หลี่หวู่หยวนนึกไม่ออก แต่ก็พอจำได้ว่ามีชนเผ่าในสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีประเพณีเช่นนี้
มันอยู่ที่ไหนกันนะ?
เขาอายุมากแล้ว จึงจำสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ไม่ได้
“ ข้าจะถอดมันให้เอง” “สำนักเฉียนหลงนั้นปลอดภัยมาก เจ้าไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากเพื่อป้องกันตัวเองที่นี่” หลี่กล่าว
หลังจากนั้น หลี่หวู่หยวนก็ปล่อยพลังวิญญาณของเขาแล่นไปบนใบหน้าของ นารุ
พลังวิญญาณอันละเอียดอ่อนเกาะติดกับร่างกายของ นารุจากนั้นก็เริ่มรวมตัวกันที่ใบหน้าของเขา หน้ากากและใบหน้าเริ่มแยกและหลุดออกจากกัน
ท้ายที่สุดมันก็เป็นเพียงแค่วิธีการเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการปกปิดใบหน้า ย่อมไม่สามารถต้านทานพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร ให้สลายไปได้
เมื่อหน้ากากของเขาถูกถอดออกไป มันก็เผยให้เห็นใบหน้าอันดูสะอาดสวยงามอันอ่อนวัย
*************************