ไหปีศาจ - บทที่ 792 ปกป้องความเจริญรุ่งเรืองของเจ้า
บทที่ 792 ปกป้องความเจริญรุ่งเรืองของเจ้า
บทที่ 792
ปกป้องความเจริญรุ่งเรืองของเจ้า
สถานการณ์ของตระกูลลั่วนั้นเลวร้ายมาก
นับตั้งแต่การตายของลั่วไป่เหาตระกูลลั่วดูเหมือนจะสูญเสียกระดูกสันหลังและตกต่ำลงอย่างสิ้นเชิง
การเจริญแล้วตกต่ำลงมันช่างโหดร้าย
หากปราศจากการสนับสนุนจากผู้แข็งแกร่งระดับสูง การตกต่ำลงย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ท้ายที่สุดแม้ว่าจะมีข้อตกลงที่ชัดเจนระหว่างตระกูลลั่วและเผ่าพันธุ์ลิงเผือกแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องความเป็นความตาย
ความตกต่ำด้านธุรกิจไม่สามารถแก้ไขโดยปีศาจลิงเผือกได้
จากนั้นจักรพรรดิก็ยื่นมือและสนับสนุนลั่วฮันเชียงให้เป็นเจ้าของตระกูลซึ่งทำให้ศาลาไป่หยู่และตระกูลลั่วกลายเป็นข้ารับใช้ของราชวงศ์
คู่แข่งก็จึงถูกกวาดล้าง
แม้ว่าลั่ว ฮันเชียงจะตายไปด้วยน้ำมือของราชินีฝันร้ายแต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นเพราะลั่วฉิงลูกชายของลั่วฮันเชียงกลายเป็นหัวหน้าตระกูลคนใหม่
แม้จะสูญเสียอิสระ แต่ตระกูลก็ไม่ได้ตกต่ำลง แต่กลับมีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ
เรื่องนี้ได้รับการยอมรับจากสมาชิกในตระกูลลั่วหลายคน
บางทีมันอาจจะไม่ยากเท่าไหร่ที่จะยอมรับฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของราชวงศ์
แต่ตอนนี้มีปัญหาแล้ว
ลั่วฉิงหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันก็ตายแล้วเช่นกัน จักรพรรดิผู้ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนตระกูลลั่วตอนนี้ตกอยู่ในอาการสาหัส ผู้ร้ายก็คือลั่วอู๋
เรื่องนี้ทำให้ตระกูลลั่วรู้สึกสับสน
หลังจากการตายของลั่วไป่เหาหลายคนไม่พอใจกับลั่วอู๋เป็นอย่างมาก (แน่นอนว่าการปลุกปั่นจากจักรพรรดิเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้)
ถ้าไม่ใช่เพื่อปกป้องลั่วอู๋ ลั่วไป่เหาจะตายได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะลั่วอู๋ ตระกูลลั่วจะไม่ตกเป็นเป้าของจักรพรรดิ
และอย่างที่รู้กันดีว่าลั่วอู๋ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อตระกูลลั่ว
แต่ตอนนี้ชื่อเสียงของลั่วอู๋อยู่ในระดับสุดยอดแล้ว ดังนั้นตระกูลลั่วจึงกลัวว่าลั่วอู๋กลายมาเป็นตัวปัญหา
อย่างไรก็ตามลั่วอู๋ไม่ได้เกลียดตระกูลของลั่วหลังจากที่เขาส่งคนไปที่คฤหาสน์ของเขา
ดังนั้นเมื่อประตูเปิดออกและลั่วอู๋ปรากฏตัวขึ้น หัวใจของคนในตระกูลลั่วทั้งหมดก็เต้นรัว
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ลั่วซงตกใจกลัว
ลั่วอู๋เหลือบมองเขาและไม่คิดจะตอบกลับไป
มียามอยู่ข้างหลังลั่วซง แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะก้าวเข้ามา พวกเขาถึงกับสั่นสะท้านเมื่อเขาเข้าใกล้ด้วยซ้ำ
อีกฝ่ายเป็นคนที่โหดเหี้ยมถึงขนาดสังหารจักรพรรดิวิญญาณได้สองคน ในกลุ่มทหารยาม คนที่มิติวิญญาณสูงที่สุดก็อยู่แค่ระดับทอง จะเอาอะไรไปหยุดเขาได้?
ลั่วอู๋เดินตรงไปที่ห้องรับแขกของตระกูลลั่ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปล่อยปราณออกมา แต่คนอื่น ๆ ก็ได้แต่ถอยออกไปอย่างช่วยไม่ได้
ตระกูลลั่วมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่
มาแก้แค้นรึเปล่า?
ลั่วอู๋มาที่ห้องรับแขก ในขณะนี้ตระกูลลั่วกำลังอยู่ในภาวะแตกตื่นเต็มที่ ผู้จัดการระดับอาวุโสทั้งหมดมารวมตัวกันที่ห้องรับแขกรอการมาถึงของลั่วอู๋
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” ลั่วซงยืนขึ้น เบิกตากว้างและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น “แค่กลับมาดูน่ะ”
“ไม่มีอะไรให้ดูหรอก” มีคนตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าไม่ใช่คนของตระกูลลั่ว ออกไปจากที่นี่ซะ!”
เวลาที่ยาวนานเช่นนี้บวกไปกับการตายของปู่ของเขาก็เพียงพอแล้วที่ตระกูลลั่วจะเปลี่ยนทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อลั่วอู๋
ลั่วอู๋มองชายที่ตะโกนอย่างมีอารมณ์ “เจ้ากำลังพูดกับข้าอยู่เหรอ?”
ทันใดนั้นชายคนนั้นก็เหงื่อออกและใบหน้าของเขาซีดด้วยความกลัว “ข้า ข้า…”
“ข้าไม่อยากฆ่าเจ้าหรอก” ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น
ชายคนนั้นรู้สึกโล่งใจ
ตอนนี้ไม่มีจักรพรรดิวิญญาณในตระกูลลั่ว ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของลั่วอู๋ดูเหมือนว่าการกวาดล้างตระกูลลั่วคงไม่ใช่ปัญหา
“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะฆ่าไม่ได้” คำพูดต่อไปของลั่วอู๋ทำให้ขาของชายคนนั้นอ่อนลง เขาไม่กล้าพูดอะไร
ตระกูลลั่ว มีอาวุโสระดับสูงที่ต้องการจะตะโกนด่าและพูดอะไรสักอย่าง แต่พวกเขาไม่สามารถพูดออกไปได้
เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งทุกอย่างก็เปล่าประโยชน์
ด้วยภาพพจน์ที่ลั่วไป่เหาทิ้งไว้ให้ ตระกูลลั่วก็เลยสามารถเชิญผู้มีพลังระดับจักรพรรดิวิญญาณมาได้หลายคน แต่เพื่อนเก่าของลั่วไป่เหาเหล่านั้นอาจไม่สามารถต่อสู้กับลั่วอู๋ได้
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทุกคนรู้ดีว่าลั่วอู๋เป็นหลานคนสำคัญที่สุดของลั่วไป่เหา
ในห้องรับแขกเงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มได้
เมื่อมองไปที่ลั่วซงลั่วอู๋ก็ถามว่า “ตอนนี้เจ้าเป็นดูแลตระกูลลั่วใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ให้เกียรติของลั่วอู๋ ผู้คนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็ยังไม่เร็วเกินไป
เฒ่าซงพยักหน้า “หัวหน้าตระกูลคนใหม่ยังไม่ได้คัดเลือก ข้าจะเป็นคนดูแลสถานการณ์โดยรวมในตอนนี้”
ลั่วอู๋พูดช้าๆ “ข้าจำเจ้าได้ เจ้าเคยพูดช่วยข้าในตอนแรก ควรจะมีผู้อาวุโสที่น่าเคารพอย่างเจ้าสักเจ็ดคนในตระกูลลั่วนะ”
ในตอนแรกลั่วอู๋พาเสี่ยวกงออกไปและก่อกวนตระกูลลั่ว ผู้อาวุโสเจ็ดคนถึงกับออกหน้ามา แต่พวกเขาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ลั่วอู๋
ความห่วงใยนี้ลั่วอู๋ก็ยังจำได้
“อา” ลั่วซงคนนี้ถอนหายใจ “หลายปีมานี้มีความวุ่นวายในตระกูลไม่หยุดหย่อน ไม่ยอมรับผู้อาวุโส ตอนนี้ก็เลยเหลือแค่ข้าคนเดียว”
ลั่วอู๋เงียบไป
มีเพียงหนึ่งในเจ็ดผู้อาวุโสที่เหลืออยู่
“มีเรื่องอะไรกับศาลาไป่หยู่รึ?” ลั่วอู๋ถาม
คนในตระกูลลั่วบางคนพูดไม่ออก ได้แต่มองมาที่เขา
มันไม่ดีที่จะพูดอะไรออกไป
หลังจากการล่มสลายของหลีซวนซงและการกลับมาอย่างแข็งแกร่งของสำนักโล่พิทักษ์ ใครจะกล้าเข้าใกล้ศาลาไป่หยู่หากไม่เดือดร้อนจริง ๆ แม้ว่าศาลาไป่หยู่จะเป็นที่นิยมก็ตาม
เมื่อมองไปที่การแสดงออกบนใบหน้าของพวกเขาลั่วอู๋ดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่าง “ไม่ต้องกังวล วันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อสร้างปัญหา ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าว่าในอนาคตข้าจะตัดบุญคุณและความแค้นระหว่างตระกูลลั่ว และข้าจะปกป้องความรุ่งเรืองของตระกูลลั่วของเจ้าไปอีกร้อยปี”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาของตระกูลลั่วทุกคนก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น
พลังอำนาจของลั่วอู๋ตอนนี้ใคร ๆ ก็รู้กันดี
มีคำสัญญาจากลั่วอู๋แบบนี้
อย่างน้อยกองกำลังอื่น ๆ ก็ไม่มีวันกล้าที่จะเล็งเป้ามาที่ตระกูลลั่วแน่นอน
“สำหรับสิ่งต่าง ๆ หลังจากผ่านไปร้อยปีมันจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้าแล้ว ข้าไม่ใช่คนตระกูลลั่วของเจ้า ข้าเป็นแค่คนรู้จักเท่านั้น” นั่นคือสิ่งที่ลั่วอู๋พูด
กลับตระกูล?
ลั่วอู๋ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย
แต่ลั่วอู๋ต้องตอบแทนบุญคุณของท่านบรรพบุรุษ
ในอีกร้อยปีข้างหน้าลั่วอู๋จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ตระกูลลั่วประสบความสำเร็จ หากเขาสามารถฝึกจักรพรรดิวิญญาณให้ได้ก็ถือว่าตระกูลลั่วโชคดีมาก
ถ้าทำไม่ได้ก็บอกได้แค่ว่ามันถึงเวลาแล้ว และมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับลั่วอู๋
ตระกูลของลั่วมองหน้ากันด้วยความซับซ้อน
แน่นอนพวกเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องดี แต่ก็ยังยากสำหรับพวกเขาที่จะเห็นว่าลั่วอู๋เป็นคนใจร้ายมาก
ถ้าลั่วอู๋เต็มใจที่จะกลับมาสู่ตระกูล อย่าว่าแต่ความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลลั่วร้อยปีเลย มันจะคงอยู่ไปอีกเป็นพันปีด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่เรื่องนั้นไม่มีความเป็นไปได้เลย
เฒ่าซงถอนหายใจ
ถ้าตระกูลลั่วอยู่เคียงข้างลั่วอู๋อย่างมั่นคง บางทีทุกอย่างอาจจะแตกต่างออกไป เมื่อจักรพรรดิเข้ามาแทรกแซงกิจการของตระกูลลั่ว หากพวกเขาเข้มแข็งและสู้ตายได้ จักรพรรดิก็จะไม่อาจแทรกแซงตระกูลลั่วได้
น่าเสียดายที่ไม่เป็นแบบนั้น
ท่านบรรพบุรุษเอ๋ย ภูมิปัญญาและการมองการณ์ไกลของคนรุ่นใหม่ของเราไม่ดีเท่าพวกท่านเลย
ลั่วอู๋คิดเรื่องนี้และพูดว่า “ยังไงก็ตามข้าอยากเจอลิงเผือกพวกนั้น”
ความมั่งคั่งที่มีค่าที่สุดของตระกูลลั่วคือปีศาจลิงเผือก แม้ว่าตระกูลลั่วจะไม่ยินดีมากนัก แต่พวกเขาก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธ
จึงมีคนพาลั่วอู๋ไปยังสถานที่ลับของตระกูล