ไหปีศาจ - บทที่ 85 การปลดปล่อยเป็นอิสระ
บทที่ 85
การปลดปล่อยเป็นอิสระ
ณ เมืองพสุธา
ในตอนกลางคืนมีร่างที่กำลังเดินส่ายออกมาจากโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ ชื่อของเขาคือหันเชียว เขาเป็นหัวหน้าที่ดีของทีมหวงชาและเขามักจะดื่มหนัก
“ท่านหันเชียวค่อย ๆ ก้าวและเดินช้า ๆ นะขอรับ” ชายที่ตามมาพูด
หันเชียวโบกมือของเขา “ไม่ต้องห่วง ข้ารู้น่าว่าจะเดินกลับได้อย่างไร”
เมื่อเดินเข้าไปในตรอกว่าง หันเชียวก็รู้สึกเสียวสันหลัง เขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกจ้องมองโดยบางสิ่งบางอย่างอยู่
“ใครกัน!”
หันเชียวมีความรู้สึกเย็นวาบ
ทันใดนั้นร่างที่น่ากลัวก็ปรากฏตัวขึ้น
หันเชียวหันศีรษะของเขาไปและเห็นใบหน้าที่แท้จริงของร่างปริศนา ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป” หลิวหู เป็นไปไม่ได้ เจ้าฟื้นฟูกลับมาในสภาพนี้ได้อย่างไร”
ชายข้างหลังเขาคือหลิวหูไม่ผิดแน่
หลิวหูยิ้ม “ทำไมกันนะ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เจ้าต้องการอะไรล่ะ?” หันเชียวตั้งสติความคิดของเขาไว้และพูดอย่างใจเย็น “เจ้ามาหยุดข้าทำไมในตอนกลางคืนเช่นนี้? ข้าไม่ได้ทำให้เจ้าขุ่นเคืองซะหน่อย”
“เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าขุ่นเคืองงั้นหรือ” หลิวหู นำรายชื่อออกมา
“หันเชียว, จางหงยี่,เจาเจียนา, จือเหวิน … “
หลิวหูอ่านรายชื่อเจ็ดหรือแปดชื่อในหนึ่งลมหายใจ ทุกครั้งที่เขาอ่านชื่อใบหน้าของหันเชียวก็ซีดลงเพราะคนเหล่านี้เป็นคนที่ทำงานร่วมกันกับเขาเพื่อซุ่มโจมตีหลิวหู
ใบหน้าของหันเชียวช่างดูหม่นหมอง “ทำไมเจ้าถึงรู้ว่าพวกเราเป็นคนทำได้?
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้” หลิวหูเอารายชื่อกลับไปเก็บดังเดิม
หันเชียวดูสั่นกลัวแต่ยังปนความมั่นใจ จากนั้นเขาก็เยาะเย้ยว่า “เจ้าคนเดียวจะทำอะไรได้ เจ้าหยิ่งยโสเกินไปแล้ว แม้ว่าเจ้าจะมีงูทมิฬปีกกระดูกระดับทอง แต่ก็ไม่อาจสู้กับข้าได้”
“ใช่” หลิวหูค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออก
ตาของหันเชียวเปล่งประกายด้วยความกลัว
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง
มันจะเป็นไปได้อย่างไร เขาบาดเจ็บสาหัสและเส้นเลือดของเขาก็ถูกทำลาย แม้ว่าเขาสามารถรักษาตัวกลับมาได้เขาก็ไม่น่าจะสามารถเลื่อนขั้นมิติวิญญาณได้ มันเป็นไปไม่ได้.
“อ๊าากกกก”
ในตรอกซอกอันมืดมิมีเสียงกรีดร้องของความกลัวและความเจ็บปวด
เวลาผ่านไปสักพัก
ก็มีศพถูกทิ้งไว้ข้างถนนเหมือนขยะ
……
ฉากนี้ปรากฏในสถานที่ต่าง ๆ ใน 23 เมืองของเขตหวงชา
หลิวหูไม่ปล่อยให้คนที่เข้ามาซุ่มโจมตีเขา ลอยนวลและฆ่าพวกเขาทีละคน
พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง แต่เมื่อหลิวหูกลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง พวกเขาสามารถต่อต้านการโจมตีของหลิวหูได้เพียงสองถึงสามครั้งเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้นสมาชิกแปดคนของทีมคมมีดเองก็ออกไปพร้อมกัน เพื่อจัดการผู้คนที่ใส่ร้ายพวกเขาและหักขาของพวกเขา พวกเขาต่างก็ถูกจัดการและทิ้งศพไว้ที่ริมถนน
……
……
ขุดคุ้ยกระดูก
วิญญาณเทพลงทัณฑ์
ผีแห่งเซินโล
ห่าฝนวิญญาณ
ไร้หน้ากลายเป็นเงาเสมือนจริงนับไม่ถ้วนเคลื่อนย้ายผ่านเงาป่า เงาซ้อนทับกันซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้ผู้คนไม่สามารถบอกได้ว่าร่างกายที่แท้จริงของเขาอยู่ที่ไหน
จากนั้นมีหมอกสีดำออกมา
ลำต้นของต้นไม้ใหญ่ที่หนาพังลงในทันทีและต้นไม้ทั้งหมดก็ล้มลง
แล้วไร้หน้าแล้วค่อย ๆ ปรากฏขึ้นข้างต้นไม้ด้วยร่างกายที่แท้จริง
“ มันยอดเยี่ยมมาก สมกับที่เป็นทักษะศิลปะการต่อสู้โบราณอันดับต้น ๆ ” ลั่วอู๋ปรบมือแล้วเดินออกมาจากด้านข้าง “ตอนนี้เจ้าน่าจะแข็งแกร่งกว่าผู้ใช้วิญญาณระดับทองแดงมิติ 10”
“ต้องขอบคุณการฝึกฝนของนายท่าน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าถ่อมตัวไปเลย พวกเขาน่าจะกลับมากันแล้ว พวกเราไปประชุมกันเถอะ” ลั่วอู๋กล่าว
……
……
ในห้องเล็ก ๆ ที่เป็นสถานที่ลับในศาลาไป่หยู่
นี่คือเหล่าผู้คนที่เปรียบได้กับกระดูกสันหลังและแกนหลักของ ศาลาไป่หยู่
เจ้าของร้านคนเก่า มู่เถา หลิวหู ไร้หน้า หลี่หยินและแน่นอนว่าลั่วอู๋
ลั่วอู๋ถามว่า “เจ้าของร้านคนเก่า ท่านเตรียมการสำหรับการขยายตัวของร้านไว้อย่างไรบ้าง”
“น่าจะใช้เวลาประมาณสามวัน ในการทำให้โครงการเสร็จสมบูรณ์และเปิดใช้งาน จากนั้นเราก็จะสรรหาผู้คนจำนวนมากให้มาทำงานกับเรา” เจ้าของร้านคนเก่ากล่าว
“แล้วพวกนักเล่นแร่แปรธาตุล่ะว่ายังไง ?” ลั่วอู๋ถาม
มู่เถาตอบ “ข้าได้ติดต่อนักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดระดับ 2 สามคน และนักเล่นแร่แปรธาตุระดับ 3 หนึ่งคน ส่วนระดับ 4 หาไม่ได้จริง ๆ ขอรับ “
เนื่องจากมู่เถาได้รับการยืนยันว่ามีความสามารถด้านการเล่นแร่แปรธาตุ เขาจึงได้ฝึกฝนการเล่นแร่แปรธาตุในห้องเล่นแร่แปรธาตุตลอดทั้งวัน และตอนนี้เขาก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับ 3
เนื่องจากความเชื่อใจ เขาจึงกลายเป็นหัวหน้านักเล่นแร่แปรธาตุของศาลาไป่หยู่
“ก็ดี ใช้เวลาของเจ้าค่อย ๆ ฝึก ค่อย ๆ หาไป พยายามเน้นที่ยาวิญญาณเพื่อที่เราจะได้เพิ่มยาที่จะขายในศาลาไป่หยู่” ลั่วอู๋กล่าว
มู่เถาพยักหน้า
ลั่วอู๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วหยิบกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งออกมา “หลี่หยินนี่เป็นของเจ้า”
หลี่หยินอยากรู้อยากเห็นและหยิบกระดาษเก่าขึ้นมาดู ทันใดนั้นการแสดงออกของนางก็ซับซ้อนมาก หลังจากเงียบไปนานนางก็ร้องไห้และพูดอย่างเข้าใจผิดว่า “นายน้อย ท่านไม่ต้องการข้าแล้วเหรอเจ้าคะ?”
ปรากฏว่ากระดาษชิ้นนี้ถูกซื้อโดยลั่วอู๋ในราคาสูง
มันเป็นสัญญาซื้อขายของหลี่หยิน
ปฏิกิริยาแรกที่หลี่หยินคิด คือลั่วอู๋ ไม่ชอบนางและพร้อมที่จะปล่อยนางไป
ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ เขาลูบหัวของหลี่หยินแล้วพูดว่า “เด็กผู้หญิงงี่เง่า ทำไมข้าถึงจะไม่ต้องการเจ้า”
“แล้วทำไมท่านถึง … ” หลี่หยินฝังศีรษะของนางไว้ในอ้อมแขนของลั่วอู๋และถามอย่างน่าสงสาร
“มันไม่ใช่เรื่องที่จะให้เจ้าอยู่ในสถานะทาสต่อไป หากเจ้าฉีกสัญญานี้ทิ้ง เจ้าก็จะเป็นอิสระและไม่ต้องเป็นหญิงรับใช้ของตระกูลลั่วอีกต่อไป”
หลี่หยินกะพริบตา
“ข้าจะยังติดตามท่านต่อไปอีกในอนาคตได้ไหมเจ้าคะ?” หลี่หยินพูดอย่างเขินอาย
ลั่วอู๋ไม่เพียงแต่หัวเราะ เขาชี้หน้าผากของหลี่หยิน “แน่นอนถ้าเจ้าไม่ติดตามข้าต่อ ข้าคงจะไม่ชินแน่”
หลี่หยินหลั่งน้ำตาและหัวเราะ
“เจ้าของร้านคนเก่า ท่านช่วยคิดหาวิธีถ่ายโอนโฉนดส่วนที่ขยายร้าน ยกเว้นส่วนที่เคยเป็นศาลาไป่หยู่เดิมไปที่ชื่อของ หลี่หยินที” ลั่วอู๋กล่าวว่า
ทุกคนต่างตกตะลึง
โอนโฉนดไปที่ชื่อของหลี่หยิน ทำไม
ความหมายของสิ่งนี้คืออะไรกัน?
หากสาวใช้ของลั่วอู๋ทรยศ มันก็จะกลายเป็นมรดกของนางในทันที
โดยปกติลั่วอู๋ควรวางโฉนดไว้ในชื่อของเขาเอง
นายท่านกำลังทำอะไรอยู่ หลี่หยินสับสน
ลั่วอู๋ส่ายหัวของเขาโดยไม่ได้อธิบาย “เรื่องนี้ท่านเพียงแค่ลงมือทำมัน ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังในภายหลัง เจ้าของร้านคนเก่าไม่มีปัญหาอะไรต้องกังวล”
“มันง่ายมาก มันก็แค่เรื่องของการส่งผ่านโฉนดบ้าน แต่ … ” เจ้าของร้านคนเก่าลังเล ดูเหมือนเขาจะเดาได้ว่าลั่วอู๋ต้องการทำอะไร
“นายท่าน ท่านแน่ใจหรือว่าต้องการทำแบบนี้?” เจ้าของร้านคนเก่าดูจริงจังมาก
ลั่วอู๋ลังเลสักครู่แล้วก็พยักหน้า
เจ้าของร้านเก่าดูหดหู่เล็กน้อย
ลั่วอู๋ถามทันทีว่า “ถ้าวันหนึ่งข้าออกจากตระกูลลั่ว เจ้าของร้านคนเก่าท่านอยากลาออกจาก ศาลาไป่หยู่แล้วไปทำงานกับข้าไหม”
หลิวหู หลี่หยิน ไร้หน้าและแม้แต่มู่เถาต่างก็ลาออกเพื่อติดตามลั่วอู๋ได้
แต่ความไม่แน่นอนเพียงอย่างเดียวคงจะเป็นเจ้าของร้านคนเก่า
เพราะเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลในเครือของตระกูลลั่ว เขาจึงถูกปลูกฝังแนวคิดการทำงานให้กับตระกูลลั่ว มาตลอดชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น ศาลาไป่หยู่ บริหารงานโดยเจ้าของร้านคนเก่ามาหลายปี
เจ้าของร้านคนเก่าเงียบไปนานการแสดงออกของเขานั้นซับซ้อนและรอยย่นรอบดวงตาของเขาดูเหมือนจะชัดเจนขึ้น
“แน่นอนสิ”
ลั่วอู๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาต้องการใครสักคนที่เป็นเจ้าของร้านใหญ่เพื่อช่วยดูแลธุรกิจของเขา