ไหปีศาจ - บทที่ 97 ขัดขวางการลอบสังหาร
บทที่ 97
ขัดขวางการลอบสังหาร
“ตูมม!”
พลังวิญญาณเอ่อล้นออกมาจากรถม้าและเกิดการระเบิดในทันที
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหันไคเฉียงที่จะบรรลุเป้าหมายนี้
ลั่วอู๋และไร้หน้ากระโดดออกจากรถม้า
“จงตายเพื่อข้าซะ!”
ทันใดนั้นแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหันไคเฉียง ก็สว่างขึ้นเป็นกลุ่มแสงสองดวง จากนั้นกลุ่มแสงทั้งสองได้กลายเป็นสัตว์วิญญาณสองตัว
ตั๊กแตนวายุ
หมีคำราม
สัตว์วิญญาณทั้งสองวิ่งเข้าจู่โจมเพื่อหวังจะฆ่าพวกเขา ในเวลาเดียวกันตั๊กแตนวายุนั้นรวดเร็วมากเหมือนลมแรง ในขณะที่หมีคำรามนั้นเชื่องช้า แต่อุ้งเท้าหมีโบกสะบัดนั้นกลับทรงพลังอย่างมาก
ทั้งสองเป็นสัตว์วิญญาณ ระดับเงิน มิติที่ 7
ลั่วอู๋ใจดิ่งลงและตอนนี้มันก็มีปัญหาเล็กน้อย
“ออกมา ต้าหวง!”
ลั่วอู๋เรียกต้าหวงออกมา
คนหนึ่งคนและสัตว์วิญญาณอีกหนึ่งตัว หันเข้าหาตั๊กแตนวายุ
ร่างกายของตั๊กแตนวายุเกิดการสั่นไหว เปลี่ยนร่างกายของมันกลายเป็นเงาเสมือน และทักษะพิธีศพกางเขนคลั่งก็ได้ถูกสั่งใช้งาน
ในเวลาเดียวกัน ต้าหวงได้เริ่มการใช้ทักษะก้าวพริบตาและเปลี่ยนร่างกายมันเป็นเงาเสมือน สุนัขสีเหลืองอายุสิบกว่าปี มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและคำรามออกมา
พิธีศพกางเขนคลั่ง ปะทะพิธีศพกางเขนคลั่ง
หันไคเฉียงตกตะลึง นั่นมันสัตว์วิญญาณอะไรกัน? เจ้าสัตว์วิญญาณสุนัขตัวนั้นก็ใช้พิธีศพกางเขนคลั่งได้งั้นหรือ?
แต่เขารู้ดีว่าจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้ หลิวหูจะกลับมาได้ทุกเมื่อ เขาถึงต้องเรียกสัตว์วิญญาณอีกตัวออกมา “หมีคำราม ช่วยข้าที”
หมีคำรามกำลังส่งเสียงคำรามไปข้างหน้าของมัน แต่ก็มีร่างสีดำพุ่งเข้าไปหามัน
ไร้หน้านั่นเอง
เขาได้สำเร็จกระบวนท่าแรกของกระบวนท่าวิชาผีเสริมกระดูกแล้ว และเขาก็มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ก็ไม่น้อยไปกว่าผู้ใช้พลังวิญญาณ ระดับทองแดง มิติที่ 10
ผู้ใช้พลังวิญญาณ ระดับทองแดง มิติที่ 10 ปกติแล้วจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีสัตว์วิญญาณ
ถ้าเปรียบเทียบกับหมีคำราม ระดับเงิน มิติที่ 7 เขาไม่สามารถที่จะเทียบมันได้เลยและเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะมัน โชคยังดีที่หมีคำรามมีขนาดตัวที่ใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับเขา
ขุดคุ้ยกระดูก!
หมีคำรามคำรามออกมา
“โฮก!”
หมีคำรามร้องด้วยความเจ็บปวด
คนหนึ่งคนและหมีอีกหนึ่งตัว กำลังต่อสู้กัน เขาอาศัยทักษะที่ยืดหยุ่นและร่างกายของนักรบ จากที่เขาเคยเป็นผู้หลงผิดมาก่อน ตอนนี้เขากำลังเข้าไปต่อสู้กับหมีคำรามเพื่อช่วยผู้มีพระคุณ
หันไคเฉียงตกใจเล็กน้อย
เขาไม่คาดคิดว่า คนธรรมดาที่ไม่มีพลังวิญญาณจะสามารถต่อสู้กับหมีคำรามของเขาได้
อีกด้านหนึ่ง ลั่วอู๋และสัตว์วิญญาณของเขา ก็กำลังต่อสู้กับตั๊กแตนวายุอย่างยากลำบาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดเช่นกัน
แต่แล้วหันไคเฉียง ก็แสยะยิ้มอย่างน่ากลัว “ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องตาย”
หันไคเฉียงรวบรวมพลังวิญญาณไว้ระหว่างฝ่ามือของเขาและยิงมันไปทางลั่วอู๋ มันปกคลุมไปด้วยแรงดันอันผิดปกติ
“โฮ่ง!” ต้าหวง คำรามออกมา
ทักษะระดับ S [คลุ้มคลั่ง] ถูกใช้งาน
กล้ามเนื้อของต้าหวงปูดขึ้น เดิมทีมันเป็นเพียงสุนัขสีเหลืองแก่ตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง ทันใดนั้น ทั้งตัวของมันก็กลายเป็นสีแดง และร่างกายของมันก็มีความดุร้ายขึ้นอย่างมาก
เมื่อรู้สึกว่าเจ้านายของมันกำลังตกอยู่ในอันตราย ต้าหวงก็ตะครุบตั๊กแตนวายุอย่างบ้าคลั่ง ด้วยกรงเล็บแหลมคมและความที่มันมีความดุร้ายมาก ตั๊กแตนวายุจึงพ่ายแพ้และต้องถอยตัวกลับออกไป
ต้าหวงต้องการกำจัดตั๊กแตนวายุก่อน แต่มันก็สายเกินไป
พวกเขาได้ติดกับของหันไคเฉียงเสียแล้ว เขายกมือขึ้นเตรียมตบไปที่อกของลั่วอู๋
ลั่วอู๋รู้สึกแน่นร่างกายและเจ็บปวดที่หน้าอกของเขา
นี่มันแย่มาก เขาแอบกำมีดสั้นที่ซ่อนเอาไว้ที่เอวของเขาอย่างลับ ๆ แต่พลังฝ่ามือของอีกฝ่ายนั้นเร็วมาก จนเขาไม่สามารถตอบโต้ได้เลย
มันยากมากที่จะสร้างจุดเปลี่ยนในสถานการณ์เช่นนี้
“นายน้อย!”
มีเสียงแหบ ๆ ดังขึ้นมา
ไร้หน้ารีบตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่มีเวลาที่จะมองด้านหลัง เขาจึงถูกหมีคำรามตะปบ ผลที่ตามมาคือเขาถูกจู่โจมด้วยความพลังอันมหาศาล
“ปัง!”
ไร้หน้าล้มลงตรงหน้าลั่วอู๋
หันไคเฉียงตบฝ่ามือลงบนหน้าอกของไร้หน้าและผ้าพันคอของไร้หน้าก็เต็มไปด้วยเลือด อย่างไรก็ตาม เขาได้จับมือของหันไคเฉียงเอาไว้ และไม่คิดจะยอมปล่อยให้หลุดมือไป
“ไร้หน้า” ดวงตาของลั่วอู๋หดตัวลงและตะโกนออกมา “อึก!”
จังหวะนั้น เขาได้ขยับมืออย่างช้า ๆ และในที่สุด เขาก็ดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา และสับมันลงด้วยความบ้าคลั่งที่ออกมาจากสายตาของเขา
มีดสั้นนั้นตัดแขนของหันไคเฉียง
มีดสั้นเล่มนั้นถูกลงตราด้วยธาตุความมืด มันไม่ใช่ธาตุโลหะ ดังนั้นมันจึงไม่คมพอที่จะตัดแขนของหันไคเฉียงได้ แต่มันกลับติดค้างอยู่ระหว่างกระดูกมือของเขา
“อ๊าก!” หันไคเฉียงจับแขนของเขาด้วยความเจ็บปวดและเดินล่าถอยออกไป
แม้ว่ามันจะไม่คมมากพอ แต่ผลกัดกร่อนจากการตราคุณสมบัติแห่งความมืด ทำให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดไปจนถึงสุดหัวใจ เหมือนว่ามีมดและแมลงจำนวนมาก กำลังกัดแทะที่บาดแผล
“ไร้หน้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ลั่วอู๋พยุงไร้หน้าเพื่อไม่ให้เขาล้มลง เขาวิตกกังวลมาก
เขาไม่ได้คาดคิดว่า ไร้หน้าจะยอมรับการโจมตีที่ถึงตายแทนตัวเขาได้
แม้แต่ไร้หน้าที่สำเร็จกระบวนท่าการต่อสู้โบราณมา ก็ยังได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ถ้าฝ่ามือนั้นตบมาที่ลั่วอู๋ล่ะก็ เขาจะต้องตายแน่ ๆ
ทันใดนั้น ลมหายใจของไร้หน้าก็ค่อยๆผ่อนลงอย่างมาก แต่เขาก็ยกนิ้วขึ้นอย่างสั่น ๆ
“ท่านมอบชีวิตที่สองให้กับข้า”
ลั่วอู๋ได้รับฟังสิ่งที่ไร้หน้าพูดออกมา จมูกของเขาก็เริ่มแดง
“ใช่ และเจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อจ่ายให้ข้าคืนครึ่งหนึ่ง” ลั่วอู๋บังคับตัวเองให้พูดออกมา จากนั้นเขาก็รีบหยิบมีดสั้นที่ลงตราธาตุไม้ออกมา โดยใช้มีดสั้นนั้นชี้ไปที่ไร้หน้า
พลังรักษาอันอ่อนโยนหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของไร้หน้า เพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บของเขา
หันไคเฉียงเขาไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดที่แขนได้ เขาคิดว่ามีดสั้นนั้นถูกเคลือบด้วยพิษ เขาจึงกัดฟันแน่น และตัดแขนข้างหนึ่งของตัวเองทิ้ง
“เจ้าหนู ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย ตั๊กแตนวายุ หมีคำราม ไปเอาหัวมันมาให้ข้า” หันไคเฉียง อ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวดและคำรามออกมา
ทันใดนั้น
งูทมิฬปีกกระดูกก็บินเข้ามาอย่างรวดเร็วจากระยะไกล พร้อมกับชายคนหนึ่งที่กำลังห้อยอยู่บนหางของมัน
ในที่สุด หลิวหูก็กลับมา
“ไอ้เวรนี่ ข้าเข้าใจผิดไปงั้นหรือ” หลิวหูรู้สึกละอายใจ เขาตะโกนออกมาด้วยโกรธและไร้ปรานี “ไอ้ชาติชั่ว กลับไปหาพี่น้องของเจ้าซะ!”
หลิวหูพุ่งเข้ามาต่อย
หันไคเฉียงเป็นเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณ ระดับเงิน มิติที่ 7 และแขนของเขาก็เพิ่งจะขาดไป แต่เขาก็ไม่ละความพยายามที่จะป้องกันหมัดของหลิวหู
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว
จากนั้นเขาก็ถูกต่อยเขาที่ศีรษะทันที
สมองเลือดสีแดงและสีขาวกระจัดกระจายออกไป
ขณะเดียวกันงูทมิฬปีกกระดูกก็พ่นหมอกพิษออกมา ตั๊กแตนวายุและหมีคำรามถูกฆ่าตายในทันที พวกมันไม่มีทางต่อต้านได้
ความต่างชั้นมันมากเกินไป
“นายน้อยได้โปรดตำหนิข้าด้วย” หลิวหูคุกเข่าด้วยความละอายใจ
“ข้าจะไม่ตำหนิเจ้า เพราะเจ้ายังกังวลว่าข้าจะถูกลอบโจมตี” ลั่วอู๋ส่ายหัวมองไปยังทิศของเมืองไมมู่ แล้วพูดออกมา “ลูหยางพิงเจ้าได้ทำเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ลงไปแล้ว ถ้าข้าไม่ฆ่าเจ้าซะ ข้าก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอีก”
……
……
ณ เมืองไมมู่
“อะไรกัน ล้มเหลวงั้นเหรอ?” ใบหน้าของลูหยางพิง เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ช่างมันเสียเปล่า ทั้งที่เขาล่อหลิวหูออกไปได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถจัดการกับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองแดงได้งั้นเหรอ เสียเปล่าชะมัด!”
ต่อหน้าเขากลุ่มของโจรหวงชากำลังตัวสั่นและพูดอะไรไม่ออก
“ท่านเจ้าเมือง เราได้รับข่าวมาจากทีมสังเกตการณ์ขอรับ ท่านคงฉินได้เริ่มปลุกระดมคนขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่ากำลังจะเดินทางไปเป็นผู้นำคนต่อไป” ผู้ดูแลพูดด้วยเสียงต่ำ
คงฉินผู้นำของเมืองคูกู
ในแง่ของความแข็งแกร่ง เขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าลูหยางพิงเลยแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกัน เขายังเป็นผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังศาลาไป่เป่าอีกด้วย
ลูหยางพิงขมวดคิ้ว “อย่าลืมซะล่ะ พวกเราต้องกลับไปที่พรรคหวงชาเป็นอันดับแรก ทุกสิ่งทุกอย่างจะยังคงดำเนินต่อไปสำหรับพวกเราพันธมิตรพรรคหวงชา และข้าไม่ต้องการที่จะถูกเปรียบเทียบกับคงฉิน”
“ถ้างั้น ลั่วอู๋… ”
ลูหยางพิงพูดด้วยสายตาเย็นชา “แม้ว่าตอนนี้เขาจะปล้นธุรกิจเล็ก ๆ ไปเป็นจำนวนมาก แล้วมันสำคัญยิ่งกว่าตำแหน่งของผู้นำแห่งพรรคหวงชารึไง?”
ผู้ติดตามพยักหน้าและไม่กล้าพูดไปมากกว่านี้