魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ - ตอนที่ 12 สาวน้อยเวทมนตร์ไปโลกเวทมนตร์ครั้งแรก
ตอนที่ 1-4 แม่มด ①
ฉันลูบมือซ้ายที่ถูกจับ มันไม่ได้เจ็บหรอกค่ะ แต่ว่าฉันก็ยังรู้สึกว่ามันยังรู้สึกได้ถึงความร้อนอยู่แม้ว่าตอนนี้ฉันจะยกเลิกการแปลงร่างไปแล้วก็ตามค่ะ
เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่มีคนบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับฉัน
“อย่าเกลียด เอเลเฟ่นเลยนะ รัน! เด็กคนนั้นไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรอกนะ รัน!”
“ฉันไม่ได้เกลียดหรือว่าชอบเธอหรอกค่ะ ฉันก็แค่…ไม่สนใจค่ะ”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอเป็นคนนิสัยดีค่ะ มันก็เป็นเวลาที่นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้เจอกับใครที่จ้องมองฉันด้วยสายตาที่ตรงไปตรงมาแบบนี้ค่ะ
ฉันคิดว่าที่การจากไปโดยไม่พูดอะไรเหมือนครั้งที่แล้วจะทำให้เธอหวาดระแวงได้ค่ะ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจพูดคุยกับเธอสักพัก… แต่ก็เป็นไปตามคาดค่ะ ฉันไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลยจริงๆค่ะ
“ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วค่ะที่ฉันต้องลองไปโลกเวทมนตร์บ้างแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ค่ะ”
โลกเวทมนตร์มันคือศูนย์กลางอันเป็นที่ตั้งของหน่วยงานเวทมนตร์ที่ดูแลเหล่าสาวน้อยเวทมนตร์ทั้งหลายค่ะ โดยเป็นดินแดนขนาดเท่าโตเกียวที่ถูกแยกออกไปจากโลกแห่งความเป็นจริงโดยสิ้นเชิงซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายเข้าไปได้จากทุกที่ในทันทีต่างจากโลกปลอมที่ถูกสร้างทับซ้อนกับโลกความเป็นจริงเพื่อตบตาพวกดิสค่ะ
ในทางตรงกันข้ามเมื่อต้องการกลับจากโลกแห่งเวทมนตร์มายังโลกความเป็นจริงนั้นสามารถกลับได้จากสถานที่ที่เข้ามาเท่านั้นค่ะ แต่เนื่องจากฉันไม่ค่อยเข้าใจหลักการทำงานโดยละเอียดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ฉันจึงคิดว่านั่นคือสิ่งที่มันเป็นเหมือนกับเป็นการเดินออกที่ทางเข้าในตอนแรกที่เข้ามาค่ะ
นอกจากหน่วยงานเวทมนตร์แล้วยังมีสถานบันเทิงและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมายในโลกเวทมนตร์ค่ะ เช่น สถานที่ที่คล้ายกับห้างสรรพสินค้าและสถานที่สำหรับพักผ่อนที่คล้ายสถานที่จริงๆในโลกแห่งความจริง รวมไปถึงสิ่งที่สร้างมาจากเวทมนตร์ซึ่งมีเฉพาะแห่งนี้เท่านั้นด้วยค่ะ และแน่นอนอย่างที่ สาวน้อยเวทมนตร์ เอเลเฟ่น ได้บอกไว้ที่นี่มีร้านที่ขายอาหารด้วยค่ะ
“โดนล่อเพราะการที่คุยเรื่องอาหารสินะ รัน!”
“ฉันแค่เบื่อกับบริการส่งถึงบ้านแล้วค่ะ”
เมื่อเทียบกับบริการส่งถึงบ้านในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วการจัดส่งมีหลายประเภทและใช้เวลาจัดส่งไม่นานจึงสะดวกกว่ามากค่ะ แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่เช่นเดียวกันค่ะและเหนือสิ่งอื่นใดบริการส่งถึงบ้านใช้คะแนนค่อนข้างมากค่ะ
ที่ผ่านมาฉันก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับสถานการณ์การเคลื่อนย้ายของโลกเวทมนตร์มานิดหน่อยค่ะ เพราะเมื่อสาวน้อยเวทมนตร์กลับมาจากโลกเวทมนตร์สู่โลกแห่งความจริง มันเป็นเรื่องทั่วไปที่จะกลับไปยังสถานที่เดิมได้เท่านั้น แต่ก็ยังพอมีข้อยกเว้นอยู่ค่ะ
ข้อยกเว้นก็คือการเทเลพอร์ตโดยใช้อุปกรณ์วิเศษที่เรียกว่าอุปกรณ์เทเลพอร์ตระยะไกลค่ะ และมีสองเงื่อนไขในการใช้อุปกรณ์เวทมนตร์นี้ค่ะ หนึ่งคือ ผู้ใช้จะต้องเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เฟส 3 หรือก็คือแม่มดค่ะ และอีกข้อนึงคือสามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีการปรากฏตัวของดิส คลาสมาควิส ขึ้นไปเท่านั้นค่ะ
ดิสคลาสมาควิสนั้นอยู่ในระดับที่สาวเวทย์มนตร์เฟส 2 หลายคนสามารถต่อสู้และชนะได้แต่เป็นเรื่องปกติที่จะมีสาวเวทย์มนตร์เฟส 2 ไม่มากนักในพื้นที่ที่พวกมันปรากฏตัวออกมาค่ะ ดังนั้นจึงยอมผ่อนปรนในช่วงเวลาพวกนี้ให้สามารถใช้อุปกรณ์วิเศษนี้ได้เพื่อส่งแม่มดไปช่วยเหลือได้ค่ะ
เหตุผลหลักๆที่อุปกรณ์วิเศษชิ้นนี้มีข้อจำกัดในการใช้งานเกิดจากมันกินพลังเวทย์จำนวนมากในการสั่งให้มันทำงานค่ะ จึงไม่ใช่สิ่งที่ใช้กับดิสทั่วๆไปได้ค่ะ แต่ต้องเป็นดิสตัวเป้งๆที่สาวน้อยเวทมนตร์คนเดียวไม่สามารถรับมือกับมันไหวเท่านั้นค่ะ
กลับมาที่หัวข้อการส่งอาหารถึงบ้านค่ะ ค่าใช้จ่ายในการเทเลพอร์ตไปยังสถานที่ที่ต้องการนั้นสูงกว่ามาก แต่นี่เป็นคนละเรื่องกันระหว่างสาวน้อยเวทมนตร์กับสิ่งของอื่นๆ
ฉันไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับขนาดของสิ่งของหรือการที่มันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะคะ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้พลังเวทย์จำนวนมากหากต้องการแค่เทเลพอร์ตวัตถุขนาดเล็กแบบอาหารไปยังตำแหน่งที่ต้องการค่ะ แต่ก็ไม่ได้ใช้พลังงานน้อยขนาดที่ว่าสามารถให้แบบฟรีๆได้เช่นกันค่ะ ดังนั้นบริการจัดส่งสิ่งของจากโลกเวทมนตร์ไม่ว่าใครก็สามารถใช้บริการได้ค่ะ แต่ค่าใช้จ่ายของมันก็คะแนนเป็นจำนวนมากเหมือนกันค่ะสำหรับสาวน้อยเวทมนตร์ที่หาคะแนนได้น้อยแล้ว
“นอกจากนี้ ฉันยังรู้สึกสนใจในหลายๆอย่างด้วยค่ะ”
เดิมทีฉันเองก็สนใจในโลกเวทมนตร์ค่ะ แต่เพราะการออกไปข้างนอกมันยุ่งยากสุดท้ายฉันก็เลยเลิกที่จะสนใจมันไปค่ะ
ข้อเท็จจริงที่ว่าฉันอยากจะลองทานอาหารของโลกเวทมนตร์นั้นเป็นเพียงหนึ่งในเหตุผลมากมายที่อยากไปที่นั่นค่ะ
เหตุผลที่แท้จริงที่ฉันอยากไปโลกเวทมนตร์คือการหาทางกลับคืนสู่ร่างเดิมค่ะ
แจ็คบอกว่าให้เอาชนะ ดิสและสะสมคะแนนแล้วจะทำให้ได้รับยาชะลอวัยและยาเปลี่ยนเพศค่ะ และเนื่องจากฉันไม่ต่อต้านได้ ฉันจึงยินยอมที่จะต่อสู้ในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ และฉันก็ต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ระหว่างฉันในตอนนั้นกับตอนนี้แตกต่างกันค่ะ ฉันเคยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกเวทมนตร์ค่ะ แต่ตอนนี้ฉันเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เต็มตัวแล้ว และแทนที่จะเอาแต่เชื่อสิ่งที่แจ็คพูดมาเพียงฝ่ายเดียว ในตอนนี้ฉันมีโอกาสค้นพบความจริงด้วยตัวเองแล้วค่ะว่าที่เขาพูดมามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่าค่ะ
นอกจากนี้ฉันอาจสามารถรายงานการกระทำของ แจ็คต่อเจ้าหน้าที่ที่เหมาะสมได้ด้วยค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามีองค์กรแบบนี้ที่เหมือนกับตำรวจหรือเปล่า แต่แจ็คเคยพูดไว้ค่ะ ว่าถ้าไม่ถูกจับได้ก็ไม่มีปัญหา และตรงกันข้ามหากเรื่องแดงขึ้นมาเขาก็ต้องมีปัญหาอย่างแน่นนอนค่ะ ต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ค่ะ
“ฉันต้องการสำรวจโลกเวทมนตร์เพียงลำพังค่ะ ดังนั้นได้โปรดอย่าตามมานะคะ”
“ผมแปลกใจจังที่เรียวอิจิยังคงมีบางส่วนในจิตใจที่ยังมีความเป็นเด็กหลงเหลืออยู่ด้วย รัน! นึกว่าตรงส่วนนี้ของเธอตายไปนานแล้วเสียอีก รัน! แต่ก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ รัน! จะไปเมื่อไหร่ล่ะ รัน!”
แจ็คดูเหมือนจะไม่สงสัยเลยค่ะเมื่อฉันบอกว่าฉันอยากไปคนเดียวดูเหมือนว่าฉันจะสามารถหลอกเขาได้สำเร็จอย่างงดงามค่ะ
“วันนี้ก็ดึกแล้วค่ะ บางทีอาจจะพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ”
“เข้าใจแล้ว รัน! กลับมาที่นี่ในทันทีที่ดิสออกมานะ รัน! ผมจะไปทำงานต่อจากที่ทำไว้ครั้งแรกนะ รัน! เพราะช่วงนี้เรียวอิจิยุ่งเกินไปงานของผมกับขั้นตอนต่างๆก็เลยไม่ได้คืบหน้าสักเท่าไหร่เลย รัน!”
“ขั้นตอนอะไรเหรอคะ?”
“เธอไม่ต้องสนใจเรื่องนี้หรอก รัน!”
ฉันรู้สึกเหมือนถูกเมินเลยค่ะ แต่ฉันเดาว่างานของแจ็คไม่ใช่แค่คอยมาติดหนึบกับฉันหรอกค่ะ
มันสะดวกสำหรับฉันมากที่ได้รู้ว่าเขาจะทำงานอื่นในวันนั้นค่ะ ดังนั้นฉันจึงไม่เซ้าซี้ถามถึงมันมากแล้วกันค่ะและจะยอมจบการสนทนาแต่เพียงเท่านี้ค่ะ
วันต่อมา ในขณะที่ฉันหลับสบายและมีความสุขจนถึงช่วงบ่าย แจ็คก็จากไปแล้วค่ะ
และฉันก็เตรียมตัวพร้อมแล้วที่จะเคลื่อนย้ายไปยังโลกเวทมนตร์ค่ะ
“จะเป่าทั้งสรวงสรรค์และผืนปฐพีให้แหลกสลาย”
ในโลกเวทมนตร์ ดูเหมือนว่ามีหลายคนที่ใช้ร่างสาวน้อยเวทมนตร์ที่นั่นค่ะ ดังนั้นจึงแน่นอนว่าฉันเองก็แปลงร่างก่อนที่จะไปเช่นเดียวกันค่ะ
“พิกัดการเคลื่อนย้าย : โลกเวทมนตร์ ย่านการค้า”
ท้องฟ้าเปิดสีฟ้าครามสดใส พระอาทิตย์ส่องแสงร้อนแรง และสายลมเอื่อยๆที่พัดผ่านไป ฉันได้ยินมาว่ามันเป็นคนละโลกค่ะ แต่บอกตามตรง ฉันไม่เข้าใจว่าที่นี่นั้นแตกต่างจากญี่ปุ่นตรงไหนค่ะ
ฉันก็ไม่น่าคาดหวังตั้งแต่แรกค่ะในเมื่อขึ้นชื่อว่าโลกที่สร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์ ดังนั้นมันคงจะเป็นเรื่องธรรมดาที่สภาพแวดล้อมจะคล้ายกับโลกจริงๆ
ย่านการค้าเป็นถนนที่เรียงรายไปด้วยร้านอาหารตามทางเดิน ซึ่งฉันได้ยินมาจาก แจ็ค มาก่อนที่จะมาที่นี้ว่าร้านอาหารต่างๆ ถูกจัดวางอย่างสะเปะสะปะผสมปนเปกันไปตั้งแต่แผงลอยขายอาหาร ร้านกาแฟ ร้านอาหารระดับไฮเอนด์ไปจนถึงร้านอาหารครอบครัว จะกล่าวว่าพวกคนที่คิดจะเปิดร้านที่นี่นั้นเปิดร้านต่างๆตามใจตนเองอย่างไม่มีเหตุผลก็คงได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องการจัดตำแหน่งมั่วซั่วนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับความอร่อยของอาหารค่ะ และเนื่องจากเป็นโอกาสที่ดี ฉันจึงตัดสินใจเดินไปดูรอบๆ เพื่อที่จะได้ลองกินอาหารในร้านอาหารที่ฉันไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนค่ะ
เมื่อก่อนเพราะฉันไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมชั้นเห็นฉันไปเดินงานเทศกาลแถวบ้านอย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง ดังนั้นโดยปกติแล้วฉันจึงไม่ไปค่ะ และเพราะแบบนั้น ยาไต(แผงลอยขายอาหาร)จึงเป็นสิ่งที่ฉันรู้จักผ่านแค่ในอนิเมะและมังงะเท่านั้นค่ะ แต่เท่าที่เห็นนี่ก็ดูไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้ค่ะ
ยังดีที่ถนนไม่ค่อยมีคน จำนวนสาวน้อยเวทมนตร์ในญี่ปุ่นค่อนข้างน้อย และวันนี้เป็นวันธรรมดา ถ้าเป็นสาวน้อยเวทมนต์ธรรมดาก็คงจะมีเวลาที่จะต้องไปเรียน ไม่แปลกใจเลยที่จะมีคนน้อยในช่วงเวลานี้ค่ะ
ในทางกลับกัน สาวน้อยเวทมนตร์ที่นี่และตอนนี้อาจไม่ใช่นักเรียนด้วยเหตุผลบางอย่างค่ะ
ขณะที่ฉันมองไปรอบ ๆ แผงลอยอย่างกระวนกระวายเพราะกลิ่นอันหอมหวานที่ลอยอยู่ในอากาศ และสุดท้ายฉันก็เดินตามกลิ่นไปราวกับแมลงที่ถูกล่อด้วยแสงไฟค่ะ ก่อนที่จะรู้ตัวก็มีแผงอาหารเสียบไม้ย่างอยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ
มันดูน่าอร่อยมากเลยค่ะ ซืดดดดด…
“โย่ว! สาวน้อย ว่าไงสนใจสักไม้ไหม?”
“อะ อา..อึก”
แม้ว่าฉันจะเป็นคนที่ไม่เหมาะจะเป็นสมาชิกของสังคมแค่ไหนแต่ฉันคนนี้ก็มีสามัญสำนึกพื้นฐานและความสามารถเพียงพอที่จะบังคับตัวเองให้ทำตัวเหมือนเป็นคนปกติสามัญของสังคมอยู่ค่ะ
มันคงเป็นเรื่องที่ไม่คิดฝันสำหรับฉันเลยค่ะที่ดันมาแสดงท่าทางหวาดกลัวเพียงเพราะแค่ได้รับคำทักทายจากพนักงานของร้านค่ะ (ยกเว้นร้านเสื้อผ้าแฟชั่น) แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาเล็กน้อยเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมองภาพที่น่ากลัวตรงหน้าค่ะ
ใบหน้าที่ดุร้าย ร่างกายกำยำ ขนเป็นพวง และเขี้ยวที่แหลมคม
เสือ..เสือที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์กำลังขู่ฉันด้วยแปรงสำหรับทาซอสค่ะ
“อะไรกันน่ะสาวน้อย เธอเพิ่งมาใหม่เหรอ? ไม่ต้องกังวลไปหรอกฉันจะไม่กินเธอหรอกนะ แล้วที่เธอแสดงท่าทางกลัวฉันมากขนาดนั้นมันทำให้ฉันปวดใจมากเลยนะ”
ฉันไม่สามารถบอกสีหน้าของเสือได้หรอกค่ะ แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเสือตัวผู้ที่พูดแบบนั้นออกมากำลังมีสีหน้าลำบากใจอยู่ค่ะ
พอมาคิดดูอีกที บางทีเมื่อกี้เขาก็น่าจะไม่ได้ขู่ฉันแต่ที่แยกเขี้ยวออกมาก็เพราะเขายิ้มให้ฉัน….
“ฉ-ฉันไม่ได้กลัวสักหน่อยค่ะ รบกวนขอแบบซอสหนึ่งอันกับแบบเกลือหนึ่งอันด้วยค่ะ!”
“ไอโย ไมโดะ! จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่สาวน้อยเห็นภูติเหรอ? แล้วแฟรี่สนับสนุนไปอยู่ไหนล่ะ?”
[TL : เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไมโดะเป็นคำที่ใช้ได้หลากหลายทั้งทักทายและอำลาแต่พบเห็นได้บ่อยๆจากร้านอาหารแผงลอยเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณลูกค้าที่ซื้อสินค้าโดยเมื่อก่อนจะพูดโดยผู้ชายเท่านั้นแต่ในสมัยนี้ผู้หญิงที่พูดคำนี้ก็มี]
[TL:เสือพูดถึงภูติในคำแรกคือโยเซ(Yōsei) ส่วนคำว่าแฟรี่นั้นพูดทับศัพท์ภาษาอังกฤษนะ]
เสือตัวนั้นใช้กรงเล็บหยิบของเสียบไม้สองอันจุ่มลงในภาชนะพลาสติกอย่างช่ำชองแล้วถามออกมา
ฉันไม่คิดว่าที่เห็นนี่เป็นอะไรที่ดูแล้วเหมือนคำว่าภูติที่เขาใช้เรียกตัวเองเลยนะ…
“แฟรี่สนับสนุน…คุณกำลังพูดถึงคุณผีฟักทองงั้นเหรอคะ? วันนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ”
“นั่นแหละๆ ทุกคนที่ทำธุรกิจในโลกเวทมนตร์ก็เป็นสหายของผีฟักทองนั่นทั้งนั้นแหละ และแน่นอน ฉันก็ด้วย เพราะงั้นอย่ายิงเวทมนตร์ใส่เพียงเพราะใครดูน่ากลัวนะ เข้าใจไหม?”
“ฉันไม่กลัวสักหน่อยค่ะ! ไม่เคยกลัวเลยสักนิดค่ะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรดีแล้วล่ะ ที่นี้ก็มาแตะ มากิโฟนของเธอตรงนี้เพื่อจ่ายเงินนะ”
เป็นเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือไงกันคะ? ในขณะที่ฉันยกมากิโฟนขึ้นฉันก็แอบคิดแบบนั้นในใจและตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงเบาๆดังขึ้น พิโรริง!
ดูเหมือนว่าการชำระเงินของฉันจะเสร็จสมบูรณ์แล้วค่ะ
“รีบกินก่อนที่มันจะเย็นนะ!”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ”
ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาเป็นหรือดูเหมือนจะเป็น? อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วฉันคิดว่าเขาเป็นเสือที่ทั้งร่าเริงและใจดีค่ะ
ของเสียบไม้เองก็อร่อยค่ะ และบางทีโลกเวทมนตร์อาจจะเป็นที่ที่ดีกว่าที่ฉันคิดไว้ก็ได้ค่ะ