魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ - ตอนที่ 18 สาวน้อยเวทมนตร์พบกับช้างสี่เหลี่ยม
ตอนที่ 1-5 จุดอ่อน 4
“งั้นพวกเราก็กลับกันก่อนนะ ส่วนเธอก็พักผ่อนจนกว่าการทดสอบพรุ่งนี้จะเสร็จนะ เข้าใจนะ?”
“บ๊ายบี~”
เบลดบ่นเอเลเฟ่นลุกขึ้นนั่งบนเตียงในชุดผู้ป่วยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไปอย่างเป็นกังวล ผิดกับเพลซหัวเราะร่าพลางโบกมือกลับมาให้ที่ตามออกไปทีหลัง
หลังจากที่เอเลเฟ่นเห็นพวกเขาออกไปแล้วเธอก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงผู้ป่วย
การต่อสู้กับดิสแกะสองหัวเป็นอะไรที่ดุเดือด และในที่สุดเอเลเฟ่นก็สามารถเอาชนะมันได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ความเสียหายที่เธอได้รับนั้นมากมายมหาศาล
เธอใช้เวลาสามวันในการฟื้นตัวจนหายดีอย่างสมบูรณ์ โดยใช้พลังทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นจากทั้งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ และถ้าบอกว่าระดับของเทคโนโลยีที่นี่นั่นสามารถรักษากระดูกที่หักได้ภายในหนึ่งวันก็จะสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเลยว่าบาดแผลของเอเลเฟ่นนั้นสาหัสขนาดไหน
โชคดีที่อาการบาดเจ็บภายนอกและความเสียหายภายในส่วนใหญ่ได้รับการรักษาในช่วงสามวันที่ผ่านมา ที่เหลือคือการทดสอบอีกไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ต้องทำเพื่อความแน่ใจว่าเธอหายดีแล้ว
ในช่วงแรกของการรักษาตัวในโรงพยาบาล เอเลเฟ่นรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทุกครั้งเพียงแค่เธอขยับตัวนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่มีความเจ็บปวดแล้ว และมันดีขึ้นมากจนถึงระดับที่มากพอจะทำให้แสดงสีหน้ากังวลใจออกมาได้
เหตุผลที่ทำให้เธอดูกังวลแม้ว่าการรักษาอาการบาดเจ็บของเธอใกล้จะหายดีแล้วเป็นเพราะเธอเป็นห่วงสาวน้อยเวทมนตร์ที่เธอช่วยไว้ ไทแรนท์ ซิลฟ์
(ซิลฟ์จัง ช่วยลืมตาตื่นขึ้นมาสักทีสิคะ)
เมื่อเอเลเฟ่นรู้สึกตัวเป็นครั้งแรก เบลดและเพลซ ก็มาเยี่ยมเธอในแทบจะทันที เพราะหลังจากแจ็คขอความช่วยเหลือไป และเอเลเฟ่นได้รับชัยชนะในการต่อสู้เพียงลำพัง จนเป็นเหตุให้เกิดข้อเท็จจริงที่ว่าเธอต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และพวกเธอที่เพิ่งรู้สถานการณ์ก็รีบตรงดิ่งมาที่โรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ
ในตอนนั้น ความเสียหายที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายของเธอนั้นรุนแรงมากจนไม่สามารถแม้กระทั่งสามารถพูดจาได้รู้เรื่องแต่เมื่อเข้ารับการรักษาจนเสร็จสิ้นดีแล้ว เธอก็ได้ยินมาว่า ไทแรนด์ ซิลฟ์ นั้นปลอดภัยดีแล้วในขณะที่ฟัง เบลดกับเพลซ พูดสั่งสอนเธอยกใหญ่ด้วยความเป็นห่วง
ในตอนแรกเอเลเฟ่น ไม่สามารถหยุดสีหน้าของเธอไม่ให้แสดงสีหน้าผ่อนคลายจากความสุขได้เลยเมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้จาก เบลด
เธอมีความสุขที่เบลดกับเพลซมาเยี่ยม และเธอก็มีความสุขที่สามารถเอาชนะคลาส บารอน ได้ด้วยตัวคนเดียวอีกด้วยแต่สิ่งที่ทำให้เอเลเฟ่นมีความสุขที่สุดในเวลานี้ก็คือความจริงที่ว่าเธอสามารถปกป้องไทแรนด์ ซิลฟ์ได้สำเร็จ
เอเลเฟ่นเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เพื่อปกป้องคนที่เธอรัก แต่การปกป้องเมืองและโลกนั้นยากที่จะมองเห็นผลลัพท์ได้ชัดเจน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการต่อสู้ของเอเลเฟ่นได้ช่วยปกป้องโลกนี้ไว้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เป็นรูปธรรมในแบบที่มองเห็นได้
ภายใต้สถานการณ์นี้เธอสามารถปกป้องเด็กสาวที่อยากเป็นเพื่อนด้วยได้ด้วยมือของตัวเธอเอง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะมีความสุขไปกับเรื่องนี้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเอเลเฟ่นก็คือเขาสามารถปกป้องคนที่เขาต้องการปกป้องได้ ดังนั้นเอเลเฟ่นจึงพอใจกับผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้
เธอไม่เคยคิดว่าสักครั้งที่จะใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือในการขอเป็นเพื่อนแม้ว่าเธอจะเป็นอยากขอเป็นเพื่อนกับเด็กสาวมากก็ตาม เธอคิดว่าจะบอกกับซิลฟ์ว่าตนเองอยากเป็นเพื่อนกับเธออีกครั้งเมื่อทุกอย่างสงบลง
แต่ความสุขนั้นกลับกลายเป็นความวิตกกังวลเมื่อแจ็คบอกเธอในวันถัดไปว่าไทแรนด์ ซิลฟ์ยังไม่ตื่นขึ้นมา
นอกจากนี้ในวันรุ่งขึ้น ไทแรนด์ ซิลฟ์ ก็ไม่ตื่นอีกเช่นกัน และเธออดคิดไม่ได้ว่าบางทีเด็กสาวอาจจะไม่ตื่นอีกเลยตลอดชีวิตของเธอก็ได้ซึ่งมันมีแต่จะเพิ่มความกังวลขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าการมาเยือนครั้งนี้เป็นอะไรที่ไม่ฝันมาสำหรับเอเลเฟ่น
เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น
“ซิลฟ์ค่ะ เข้าไปข้างในได้ไหมคะ?”
เป็นเสียงไพเราะดุจเสียงขับร้องของทูตสวรรค์ที่มิอาจลืมเลือน
เมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาวที่เธอกังวลมานาน เอเลเฟ่นก็ตื่นตระหนกอย่างมาก น้ำเสียงที่น่ารักแต่สง่างามของเธอสั่นเล็กน้อยไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่ได้เจอกัน
“เอ๊ะ! ซิลฟ์จัง!? อา ไม่เป็นไรเข้ามาได้เลย!”
“ขอรบกวนด้วยนะคะ”
(ดีจัง ในที่สุดเธอก็ตื่นแล้ว… อ๊าาโม่วว น่ารักจัง!)
เมื่อเห็นซิลฟ์ในชุดผู้ป่วยสีน้ำเงิน ดวงตาของเอเลเฟ่นก็เปล่งประกาย
จนถึงตอนนี้เธอเพิ่งเคยเห็นชุดอื่นนอกจากชุดหลังจากที่แปลงร่างแล้ว และมันน่ารักมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เธอรู้สึกกระชุ่มกระชวย จึงเป็นเหตุให้เอเลเฟ่นนั้นอยากจะเห็นเธอในขณะที่สวมเสื้อผ้าที่เน้นความน่ารักมากกว่านี้
ซิลฟ์จังจะดูดีไม่ว่าเธอจะสวมใส่อะไรก็ตาม ดังนั้นเอเลเฟ่นจึงล่องลอยด้วยปีกแห่งจินตนาการของเธอ แต่จู่ๆ เธอก็สังเกตเห็นว่าซิลฟ์กำลังทำตัวแปลกๆ และหยุดมัน
แทนที่จะเป็นบรรยากาศปกติที่กีดกันไม่ให้มีใครสามารถเข้าไปใกล้ได้ เอเลเฟ่นกลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ค่อนข้างตึงเครียดแผ่ออกมา เหมือนสัตว์ตัวเล็กๆที่พยายามข่มขู่เพื่อปกป้องตัวของตัวเอง
“ขอบคุณมากเลยค่ะที่ช่วยเหลือฉันไว้”
ซิลฟ์ซึ่งเดินมาถึงข้างเตียงโค้งตัวก้มศีรษะลงต่ำขอบคุณเธอก่อนที่เอเลเฟ่นจะทันได้เอ่ยถึงความรู้สึกไม่สบายแปลกๆที่เธอรู้สึกไดัออกมา
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกนะ! เท่านี้เราก็ได้ช่วยเหลือซึ่งกันแล้วกันแล้วนะ! แล้วก็อาการบาดเจ็บก็ไม่ได้แย่นักด้วยค่ะ!”
เอเลเฟ่นตอบด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา
แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้ใกล้ชิดกัน แม้ว่าพวกเธอจะไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่สาวน้อยเวทมนตร์ก็จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สำหรับเอเลเฟ่นแล้วเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่สาวน้อยเวทมนตร์ทุกคนที่มีทัศนคติที่ดีเช่นนี้เสมอไป อย่างไรก็ตาม ด้วยความบังเอิญทุกคนที่สาวน้อยเวทมนตร์เอเลเฟ่นได้พบเจอมาจนถึงตอนนี้ไม่ได้ห่างไกลไปจากวิธีคิดนั้นของเธอมากนัก แม้ว่าจะมีบางคนที่มีความแตกต่างในความเชื่อและหวังผลกำไรขาดทุนก็ตาม
เธอไม่เคยพบสาวน้อยเวทมนตร์ที่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ
สำหรับเอเลเฟ่นแล้ว นั่นคือสิ่งที่สาวน้อยเวทมนตร์เป็น
“ที่สำคัญกว่านั้นคือฉันดีใจนะที่ซิลฟ์จังตื่นแล้ว! ฉันเป็นกังวลจริงๆนะว่าเธอจะไม่ตื่นอีก!”
เอเลเฟ่นพองแก้มเพื่อแสดงออกว่าเธอกำลังโกรธ
แต่แน่นอนว่าเธอไม่ได้โกรธจริง ๆ แต่แท้จริงที่เธอแสดงว่าโกรธนั้นมาจากความกังวลเพราะไม่ต้องการให้เด็กสาวประหม่าเกินไป
“จริงเหรอคะ?…กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น คิดว่ามันเป็นของจริง จริงๆเหรอคะ…”
“เอ๊ะ?”
“อาไม่มีอะไรค่ะ นั่นเป็นปัญหาของทางนี้ค่ะ แล้วที่สำคัญไปกว่านั้น ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยค่ะ อย่างที่คุณทราบดีฉันชื่อไทแรนท์ ซิลฟ์ ค่ะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์แห่งสายลม”
“อื้ม! ในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์จากเมืองซากุระเหมือนกันขอฝากตัวด้วยนะ!”
เอเลเฟ่นยื่นมือออกมาในขณะที่ถูกกระตุ้นด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าในที่สุดเธอก็สามารถสื่อสารกับไทแรนท์ ซิลฟ์ได้อย่างเหมาะสมแล้ว
จากการที่ซิลฟ์ยอมเดินทางมาเยี่ยมเธอและแนะนำตัวเองอีกครั้ง เธอจึงคิดในแง่ดีว่าต่อจากนี้ไปเราจะได้ร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน
แต่ไทแรนด์ ซิลฟ์ไม่ได้จับมือของเธอไว้
“ฉันมาแสดงความขอบคุณที่ช่วยฉันไว้ด้วยตัวเองตามมารยาทพื้นฐานค่ะ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามฉันไม่ได้มีความคิดที่จะไปร่วมมือกับสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นค่ะ ฉันขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่สามารถจับมือกับคุณได้ค่ะ”
ไทแรนด์ ซิลฟ์ แสดงสีหน้าเรียบเฉยอันเย็นชาของเธอและโค้งคำนับเหมือนกับก่อนหน้านี้
เอเลเฟ่นได้ยินคำเหล่านั้นก็พยายามจะถอดใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอสงสัยว่ามันยังเร็วไปรึเปล่าที่จะยอมแพ้ แน่นอนเธอนั้นไม่มีความตั้งใจที่จะเลิกพยายามจะเป็นเพื่อนกับ ไทแรนด์ ซิลฟ์ แต่การบีบบังคับให้เด็กสาวให้ทำเช่นนั้นจะทำให้เกิดผลตรงกันข้าม อย่างไรก็ตาม เธอสังเกตเห็นว่าไหล่ของ ซิลฟ์ ซึ่งกำลังก้มศีรษะของเธอลงนั้นกำลังสั่นอยู่เล็กน้อย และก่อนที่้เธอจะรู้ตัว เธอก็เผลอเปล่งเสียงออกมา
“จะเจ็บ! เจ็บๆ! โอ้ยๆ!”
เอเลเฟ่นกุมมือไปที่ท้องของเธอในขณะที่ส่งเสียงร้องอย่างจงใจ ซึ่งถ้าเป็นเพื่อนของเธออย่างเบลดและเพรซ ที่รู้เรื่องทุกอย่างดีจะรู้ทันได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะงั้นนี่เป็นการแสดงที่แย่
แต่นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ซิลฟ์ไม่ทันสังเกตเห็นเธอไม่รู้ว่าเอเลเฟ่นที่เสี่ยงชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัสรักษาตัวจนเกือบจะหายดีแล้ว
“คุณเอเลเฟ่น!? เป็นอะไรไปคะ!? ตะ-ต้องรีบเรียกพยาบาลแล้ว!”
ใบหน้าของเธอซีดเผือดและแสดงท่าทางร้อนรนตื่นตระหนกออกมาสีหน้าของเด็กสาวไม่ได้เย็นชาอีกต่อไป และเอเลเฟ่นก็เข้าใจว่านี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของซิลฟ์
ต้องมีเหตุผลว่าทำไมเธอถึงได้พยายามกันคนอื่นออกห่างและไม่แสดงอารมณ์ของเธอออกมา แต่เมื่อเธอถูกต้อนจนมุมจนไม่สามารถแสดงตัวตนที่แข็งแกร่งแบบนั้นออกมาได้ ร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นเทา
(จะมาหยุดที่ตรงนี้คงไม่ได้สินะ)
ไม่มีเหตุผลที่ใช้ได้ง่ายๆเลยรึไงนะ
“เดี๋ยวก่อน ซิลฟ์จัง! ฉันอยากให้เธอมาช่วยลูบหลังฉันให้หน่อยนะ นั่นจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นน่ะ อ๊ะโอ้ยๆ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ซิลฟ์ทำตามคำพูดของเอเลเฟ่นโดยไม่ลังเลแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยพอใจก็ตาม
เอเลเฟ่นกุมท้องตัวเองโดยไม่ได้มีความเจ็บปวดแต่อย่างใด แต่ไทแรนด์ซิลฟ์ที่ลูบหลังของเธออย่างกระวนกระวาย
“ขอบคุณนะ ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดเริ่มน้อยลงเรื่อยๆแล้วล่ะ”
“จริงเหรอคะ? ฉันดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นค่ะ…ฮะแฮ่ม ถ้าอย่างนั้นฉันจะ-”
ซิลฟ์พยายามบอกลาโดยกระแอมเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่เอเลเฟ่นเข้ามาขัดจังหวะไว้เสียก่อน
“ซิลฟ์จัง!”
“อ-อะไรเหรอคะ?”
ไหล่ของซิลฟ์สั่นไหวด้วยความประหลาดใจกับเสียงที่ดังขึ้นมาอย่างกระทันหัน
“ฉันอยู่โรงพยาบาลมาสักพักใหญ่แล้ว ดังนั้นฉันมีแผนที่จะออกไปข้างนอกวันนี้เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ว่าฉันอาจจะลำบากถ้าฉันเกิดขยับตัวไม่ได้เพราะความเจ็บปวดเหมือนเมื่อกี้อีก ซิลฟ์จังช่วยไปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ? แค่เฉพาะวันนี้วันเดียวก็ได้”
“เอ๊ะ……”
แน่นอน ฉันไม่เคยมีแผนจะทำแบบนั้น และอาการปวดท้องของฉันก็เป็นเพียงเรื่องโกหก แต่การโกหกนั้นได้ผลดีมาก
ไทแรนด์ ซิลฟ์ถ้าเป็นตามปกติแล้วเธอจะไม่สนใจคำขอร้องแบบนี้แต่ในตอนนี้ ซิลฟ์ รู้สึกติดค้างและอยากที่จะรับผิดชอบที่ทำให้ เอเลเฟ่น ได้รับบาดเจ็บสาหัส
แม้ว่าเอเลเฟ่นจะไม่ได้ตำหนิซิลฟ์เลย แต่เธอรู้ดีว่าซิลฟ์รู้สึกติดหนี้บุญคุณอยู่
เธอไม่อยากใช้ประโยชน์จากความอ่อนโยนของ ซิลฟ์ แบบนี้จริงๆ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าเธอถามซิลฟ์ตามปกติเธอก็จะต้องถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน
เธอไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทวงบุญคุณจากจะการที่เธอไปช่วยซิลฟ์ตั้งแต่แรก แต่อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณของ เอเลเฟ่น กระซิบว่ากับเธอว่าไม่ควรทิ้ง ซิลฟ์ ไว้คนเดียวในตอนนี้ และไม่ควรปล่อยให้เธอกลับบ้าน
“……เข้าใจแล้วค่ะ”
“เย้! ขอบคุณนะซิลฟ์จัง! ในเมื่อเราจะไปเที่ยวด้วยกันแล้ว ดังนั้นตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ!”
“กะ-ก็แค่วันนี้เท่านั้นนะคะ”
ด้วยเหตุนี้เอง เอเลเฟ่นจึงสามารถหลอก ไทแรนด์ ซิลฟ์ และชวนเธอไปออกเดทได้สำเร็จ
[TL:ช้างอะไรทำไมเหลี่ยมจัง ยูริอยู่คู่สนวม.จริงๆตอนหน้าสวีทกันยาวๆหลายตอนเลย]