魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ - ตอนที่ 19 สาวน้อยเวทมนตร์ไปเดทร้านขายเสื้อผ้า
ตอนที่ 1-6 เดท ①
“จะว่าไปให้ออกไปข้างนอกทั้งชุดแบบนี้คงไม่ได้หรอกนะคะ ดังนั้นพวกเราเปลี่ยนชุดกันก่อนเถอะนะ”
เมื่อเอเลเฟ่นชี้ไปที่เสื้อผ้าของผู้ป่วยที่เธอสวมใส่ ซิลฟ์ก็พยักหน้าตอบอย่างเงียบ ๆ
สาวน้อยเวทมนตร์ส่วนใหญ่ที่มายังโลกเวทมนตร์นั้นจะสวมชุดประจำตัวของพวกเธอหลังจากการแปลงร่าง ซึ่งแน่นอนว่ามันให้ความรู้สึกที่ไม่ซ้ำจำสูตรไม่ได้กันเลยทีเดียว และแม้ว่าพวกเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าหน้าตาแปลกๆ ก็ตามทีแต่ก็ไม่มีพวกเธอคนไหนที่ดูแปลกตาโดดเด่นออกมาอย่างชัดเจนเลยเมื่อมาเดินปะปนกันอยู่ในโลกเวทมนตร์
“ออกมา”
เมื่อเอเลเฟ่นลงจากเตียงและใช้งาน มากิโฟน ชุดของเธอก็เปลี่ยนจากชุดผู้ป่วยสีน้ำเงินเป็นชุดเครื่องแบบสาวน้อยเวทมนตร์สีฟ้าในพริบตา
ตราบใดที่สาวน้อยเวทมนตร์อยู่ในสถานะแปลงร่าง เธอสามารถเรียกเครื่องแต่งกายของเธอออกมาได้ตลอดผ่านทาง มากิโฟน นั่นเอง
“จะเป่าทั้งสรวงสวรรค์และผืนปฐพีให้แหลกสลาย”
“เอ๊ะ!?”
ซิลฟ์ ซึ่งอยู่ในสถานะก่อนการแปลงร่าง ท่องคีย์เวิร์ดเพื่อทำให้การแปลงร่างเสร็จสมบูรณ์โดยต่างจากเอเลเฟ่นที่สวมเสื้อผ้าของผู้ป่วยทั้งๆที่เธอกำลังอยู่ในสภาวะที่แปลงร่างอยู่แล้ว
มันดูเหมือนชุดคลุมของนักบวช และแม้ว่ามันควรจะเป็นชุดที่เอเลเฟ่นเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็เปล่งเสียงออกมาอย่างประหลาดใจราวกับว่าเธอได้เห็นบางสิ่งที่ยากจะเชื่อได้ลง
“ซ-ซิลฟ์จัง ยังไม่ได้แปลงร่าง!?”
“…? ใช่แล้วค่ะ พอฉันตื่นขึ้นมาการแปลงร่างก็ถูกยกเลิกไปแล้ว และฉันก็ตรงมาที่นี่เลยค่ะ”
ซิลฟ์ตอบในขณะที่เอียงศีรษะราวกับว่าเธอไม่รู้ว่าเอเลเฟ่นกำลังตื่นเต้นกับอะไรอยู่
แม้แต่ท่าทางแบบนั้นก็ยังน่ารัก และในขณะที่ยกนิ้วขึ้นข้างนึง เอเลเฟ่นก็เริ่มอธิบายออกมา
“ตัวตนของเหล่าสาวน้อยเวทมนตร์อยู่ภายใต้เวทมนตร์ที่มีความสามารถยับยั้งการรับรู้ได้ ดังนั้นอย่างที่รู้กันคนธรรมดาจะไม่ตั้งคำถามหรือสงสัยถึงตัวตนที่แท้จริงของสาวน้อยเวทมนตร์ใช่ไหมล่ะคะ?
แต่มันไม่ใช่แค่คนธรรมดาหรอกนะที่ได้รับผลกระทบจากเวทมนตร์ยับยั้งการรับรู้ แม้แต่พวกเราเองที่เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ก็เช่นกัน ไม่ว่าสาวน้อยเวทมนตร์ก่อนและหลังการแปลงร่างจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันแค่ไหนแต่ก็จะไม่มีใครสังเกตเห็นมันค่ะ
นั่นเป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมผู้คนที่รู้ว่าเราเป็นใครในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็จะไม่มีทางรู้อยู่ดีว่าจริงๆแล้วเราเป็นใคร
แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้ตัวจริงก่อนการแปลงร่างเรื่องมันก็จะต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเลยล่ะ เพราะว่าถ้าหากรู้ว่าเธอหน้าตาเป็นยังไงก่อนการแปลงร่างแล้วล่ะก็จะทั้งสามารถสืบต่อได้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน รวมไปถึงชื่อจริง และอื่นๆ อีกมากมายเลยนะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซิลฟ์จัง ที่ทั้งตัวเล็กและน่ารักแบบนี้ด้วยแล้ว ดังนั้นต้องระวังตัวเอาไว้ให้มากๆเลยนะ แล้วก็ไม่ควรจะให้คนอื่นได้เห็นตัวจริงของเธอนอกจากคนที่้เธอไว้ใจได้จริงๆเท่านั้นนะ”
(แจ็คมัวทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย!?)
ขณะที่อธิบาย เอเลเฟ่นก็รู้สึกโกรธแจ็คที่มีหน้าที่ดูแลสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่
เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติพื้นฐานที่เขาควรจะบอกเธอก่อน เพราะไม่ว่าจะมีสาวน้อยเวทมนตร์ที่เป็นคนดีมากแค่ไหน แต่ก็ยังมีคนไม่ดีอยู่บ้างเหมือนกัน และถึงแม้ว่าเอเลเฟ่นเองจะไม่เคยเห็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่นิสัยไม่ดี แต่บางครั้งเธอก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาบ้างเหมือนกัน
โชคดีที่ท่ามกลางความโชคร้ายนี้ รูปร่างหน้าตาของ ซิลฟ์ แทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลยทั้งก่อนและหลังการแปลงร่าง ดังนั้นเมื่อมองแวบแรกก็จะไม่มีทางรู้ว่าเป็นร่างจริงของเธอก่อนการแปลงร่าง แม้แต่เอเลเฟ่นเองก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นมันจนซิลฟ์ได้แปลงร่างต่อหน้าเธอ ดังนั้นคนที่ไม่รู้เรื่องซิลฟ์มากนักก็จะไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นความแตกต่างในข้อนี้
(แต่เธอก็ยังคง…)
ยิ่งดูก็ยิ่งไม่เห็นความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังแปลงร่าง และเอเลเฟ่นก็ตกหลุมรักในความน่ารักที่สมบูรณ์แบบของเธอ
ตัวเอเลเฟ่นเองเปลี่ยนสีผมและสีตาเมื่อเธอกลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ ส่วนใบหน้าของเธอนั้นแทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่โดยปกติแล้วเมื่อแปลงกายไปเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ก็จะส่งผลให้มีความสวยทางความรู้สึกมากขึ้นในระดับที่ว่าจะมี 9 ใน 10 คนเหลียวหลังกลับมามองทั้งๆที่ยังคงรูปลักษณ์เดิมไว้อยู่ แล้วนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรนัก เพราะว่ากันว่าสาวน้อยเวทมนตร์ส่วนใหญ่จะสวยขึ้นหลังจากการแปลงร่าง
ในสถานการณ์นี้มันราวกับว่าเธอเกิดมาพร้อมกับความงดงามสมบูรณ์แบบที่ไม่อาจแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงมันได้ ไม่แปลกใจเลยที่เอเลเฟ่นจะตกหลุมรักมัน
“เป็นอย่างนั้นเหรอคะ แต่ว่าไม่เป็นไรหรอกค่ะเพราะว่าวันนี้ฉันยังไม่เจอใครเลยนอกจากคุณเอเลเฟ่น”.
“ง-งั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง…”
(หืม? เดี๋ยวก่อน!! นี่เธอพูดแบบอ้อมๆ ว่าเธอไว้ใจฉันอยู่เหรอคะ!?)
เอเลเฟ่นรู้สึกตื่นเต้นมากกับคำพูดที่ ซิลฟ์พูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร แต่เธอก็พยายามที่จะสนทนาต่อไปอย่างใจเย็นโดยที่พยายามไม่แสดงมันออกมา
“งั้นเราไปช้อปปิ้งกันเถอะ!”
เอเลเฟ่นนั้นประสบความสำเร็จในการรักษาน้ำเสียงตามปกติไว้ได้ แต่กลับควบคุมรอยยิ้มที่มุมปากบนใบหน้าของเธอเอาไว้ไม่ได้เลย
・
ไทแรนด์ ซิลฟ์ สวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ที่ยาวถึงเข่า เธอเขินอายจนหน้าแดงและพยายามดึงชายกระโปรงของเธอลง ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถซ่อนสีหน้าของเธอไว้ได้เหมือนทุกครั้งเพราะเธอนั้นไม่คุ้นเคยกับการสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้สักเท่าไหร่
“ค-คือว่า วันนี้คุณเอเลเฟ่นบอกว่าจะออกมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมฉันถึงต้องมาใส่ชุดนี้ด้วยล่ะคะ…”
ทั้งสองอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าในโลกเวทมนตร์ ที่นอกจากร้านขายเสื้อผ้ากว่า 10 ร้านแล้วก็ยังมีร้านค้าอื่นๆอีกมากมายในศูนย์การค้าแห่งนี้ ซึ่งมันถูกสร้างเลียนแบบจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในโลกจริงและเป็นที่นิยมมากในหมู่สาวน้อยเวทมนตร์
แม้ตอนแรกเอเลเฟ่นอ้างว่าเธอกำลังจะไปช้อปปิ้งก็ตาม แต่จริงๆ แล้วในหัวของเธอนั้นเต็มไปด้วยความตั้งใจมาตั้งแต่ต้นแล้วที่จะจับ ไทแรนด์ ซิลฟ์ มาเป็นตุ๊กตาเล่นแต่งตัว
ซิลฟ์ ที่เข้าใจจุดประสงค์ของการมาเยือนที่นี่เพียงครึ่งเดียวถูกลากพาเข้าไปในร้านและถูกยื่นเสื้อผ้าที่เอเลเฟ่นเป็นคนเลือกให้ และถึงแม้ว่าจนแล้วจนรอดเธอจะไม่อยากจะใส่เสื้อผ้าแบบนี้ก็ตามแต่เพราะเธอรู้สึกว่าถ้าเธอสวมเสื้อผ้าพวกนี้เอเลเฟ่นจะรู้สึกดีขึ้น ดังนั้นจากนั้นไม่นานเธอจึงไม่สามารถต้านทานแรงผลักดันของเด็กสาวที่คะยั้นคะยออยากให้เธอใส่มันได้
“แจ่มแมว! ซิลฟ์จังน่ารักสุดๆ เหมาะกับเธอมากเลยล่ะ!”
“อูววว~ ฉันจบสิ้นแล้วค่ะ!”
นอกเหนือจากความน่ารักของสาวน้อยอายุประมาณ 10 ปีที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและฟังดูอันตรายในแง่ของอายุแล้ว การที่มันผสานเข้ากับความอับอายที่มีที่มาจากสติปัญญาข้างในที่ไม่สมวัยของเธอก็ยิ่งทำให้เอเลเฟ่นปลื้มปริ่มถึงขนาดเอ่ยชมเชยเธอออกมาด้วยความตื่นเต้น แต่คำพูดพวกนั้นกลับทำให้ซิลฟ์อายยิ่งขึ้นไปอีก และพยายามปิดม่านของห้องลองชุดเพื่อซ่อนร่างของเธอด้วยความไม่พอใจ
แน่นอนว่าเจ้าตัวต้นเหตุไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด เธอคิดเพียงแค่แม้ท่าทางแบบนั้นก็ดูน่ารัก และเอเลเฟ่นก็เพลิดเพลินภาพปัจจุบันที่เธอได้เห็น ในช่วงเวลานี้เธอนั้นแทบอยากจะถ่ายภาพที่เห็นตรงหน้าด้วยจอประสาทตาและเก็บผนึกมันไว้ในความทรงจำอย่างถาวรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เธอตระหนักดีว่าถ้าเธอใช้เวลามากเกินไป ซิลฟ์ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วออกจากห้องลองเสื้อเสียก่อน ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนแผนการและเปิดฉากการโจมตีสุดพิเศษโดยพุ่งตรงเข้าไปในห้องลองเสื้อเลยเพื่อมอบเสื้อผ้าที่เธอเลือกมาให้ในขณะที่ ซิลฟ์ กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่
“ซิลฟ์จัง!”
“ว้ายย! อย่าเข้ามานะคะ!”
ซิลฟ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนเสื้อผ้าได้พยายามปกปิดร่างกายของเธอด้วยชุดที่เธอเพิ่งถอดออกไป
“ในเมื่อเราเป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกัน ไม่ต้องอายขนาดนั้นก็ได้นะ สบายๆจ้ะสบายๆ! ต่อไปลองนี่เลย!”
“ล-เลือกมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ แล้วนี่ยังจะให้ลองต่ออีกเหรอคะ…”
เมื่อมองไปที่กางเกงขารัดรูป ถุงเท้ายาวถึงเข่า และเสื้อยืดที่ตัวใหญ่กว่าตัวของเธอเล็กน้อย สีหน้าของ ซิลฟ์ ก็บิดเบี้ยวด้วยความขยะแขยง แต่เธอก็ไม่ได้คัดค้านอะไรแล้วรับมันอย่างสุภาพเพราะสายตาของเอเลเฟ่นที่ตอนนี้เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
“ผูกชายเสื้อยืดไปด้านข้างเพื่อให้สะดือโผล่ออกมาด้วยสิ!”
“เอ๊ะ… กำหนดแม้กระทั่งวิธีการสวมใส่ด้วยเหรอคะ…?”
ซิลฟ์ยอมทำตามในขณะที่บ่นออกมาเพราะในเมื่อวันนี้เธอยอมมากับเอเลเฟ่นเพื่อเป็นการขอบคุณที่เธอช่วยเอาไว้ดังนั้นถ้าเพื่อให้เด็กสาวได้พอใจกับมันแล้ว เธอจึงคิดจะยอมที่จะอดทนกับมันในวันนี้
“แบบนี้ได้ไหมคะ?”
ซิลฟ์ดูสงบลงกว่าเดิมมากหลังจากที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ
แม้ว่าซิลฟ์ ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการแต่งตัวในสไตล์ที่โชว์สะดือ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้รู้สึกเขินอายกับการโชว์หน้าท้องให้ใครเห็นมากนัก แล้วเธอก็มองกางเกงรัดรูปที่ใส่เป็นเพียงกางเกงธรรมดาและมองถุงเท้ายาวเป็นเพียงถุงเท้าที่ยาวมากหน่อยก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามคนที่สั่งให้เธอใส่กลับไม่เห็นเป็นเช่นนั้น
“น่าทึ่งมาก ซิลฟ์จัง! ซิลฟ์จังเป็นอัจฉริยะเลยล่ะ!”
(คอมโบของ หน้าท้องนุ่มนิ่ม ถุงเท้ายาวและกางเกงรัดรูป บนตัวของเธอนั้นเป็นอะไรที่สุดยอดเกินไปแล้ว! นอกจากนี้ประเด็นก็คือเธอไม่อายเลยสักนิดแม้ว่าเธอจะแต่งตัวแบบที่เปิดเผยมากขนาดนี้! ความรู้สึกคุ้นเคยกับอะไรแบบนี้ของเธอนั้นช่างเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาเลย!)
เอเลเฟ่นสาบานว่าจะผนึกคอมโบนี้เอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครได้มาเห็นร่างนี้นอกจากเธอคนเดียว
“อันนี้ขยับตัวได้สะดวกถือว่าค่อนข้างดีเลยนะคะ”
ในทางกลับกัน ซิลฟ์ ผู้ซึ่งเคยกังวลว่าเธอไม่มีเสื้อผ้าที่ดีพอสำหรับสวมใส่เมื่อเธอต้องการออกไปข้างนอกในฐานะเด็กสาวธรรมดาตอนที่ไม่ใช่ในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ เธอจึงเริ่มที่จะคิดว่าเธอควรจะต้องซื้อเสื้อผ้าที่ปกติแล้วเด็กผู้หญิงจริงๆ จะใส่อย่างเลี่ยงไม่ได้
ในอดีต เธอเคยเข้าใจเรื่องที่แจ็คบอกผิดดันคิดว่าสาวน้อยเวทมนตร์มีความสามารถในการยับยั้งการรับรู้โดยอัตโนมัติจึงเดินออกไปข้างนอก และจบลงด้วยการถูกตำรวจเรียกเนื่องจากตอนนั้นเธอสวมเพียงเสื้อยืดตัวใหญ่ออกไปเดินข้างนอกช่วงเวลาทำงานในวันธรรมดา
ซิลฟ์คิดว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ในซักวัน แต่สุดท้ายเธอก็ถอดใจและเลิกยุ่งกับการซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงไปในที่สุด
“ไม่ได้ ไม่ได้! เธอจะออกไปเดินข้างนอกด้วยชุดแบบนั้นไม่ได้นะ!”
“ไม่ได้เหรอคะ?”
“ไม่ได้แน่นอนอยู่แล้วสิ! ถ้าจะไปข้างนอกชุดวันพีชก่อนหน้านี้คงจะดีกว่านะ! เอ๊ะหรืออันนี้ดีล่ะ!”
ก่อนที่ใครจะรู้ตัวเอเลเฟ่นก็นำเสื้อผ้าชุดใหม่ยื่นมาให้ และก่อนที่ซิลฟ์จะทันได้อ้าปากบ่น เธอก็รีบดึงปิดม่านของห้องลองเสื้อ
“ฟู่ว เพราะเป็นวัตถุดิบดีมาก ดังนั้นมันจึงค่อนข้างต้องระวังในการใช้งานหน่อยล่ะนะ”
เอเลเฟ่นแม้ว่าจะไม่มีเหงื่อออก แต่เธอกำลังทำท่าปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและพึมพำด้วยใบหน้าที่ของคนที่รู้ทัน และการแสดงออกของเธอนั้นราวกับว่าเป็นความขมขื่นของช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่กำลังต่อสู้กับความยากลำบากการแปรรูปวัตถุดิบหายาก