魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ - ตอนที่ 23 Mindbreak
ตอนที่ 1-7 เพื่อน ①
มันน่าเกลียด มันเป็นสถานการณ์ที่น่าเกลียดมาก
ฉันกำลังทำอะไรกันคะ? ฉันเข้าไปกอดเด็กสาวที่อายุมากกว่าร้องไห้งอแง? ช่างเป็นอะไรที่ทั้งน่าละอายและน่าสมเพชค่ะ
แม้ว่าจะผ่านมาสามวันแล้ว แต่ฉันยังคงดิ้นทุรนทุรายด้วยความอับอาย
แต่ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เป็นความจริงที่ฉันกลัวการต่อสู้และถูกรบกวนจิตใจ และเป็นความจริงอีกที่ฉันไม่สังเกตเห็นว่าอารมณ์ของฉันกำลังไปในทิศทางไหน
ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็คงต้องยอมรับ ว่าในเวลานั้นมันจำเป็นต้องถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่นและหลั่งน้ำตาออกมาบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้มากพอที่จะรู้สึกละอายใจได้
ฉันไม่ได้ต่อสู้เลยสักครั้งในช่วงสามวันที่ผ่านมา แถมยังไม่ได้แปลงร่างเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เลยสักครั้งด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ว่าฉันหยุดรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับดิสหรอกค่ะ เสียงแจ้งเตือนอันไม่พึงประสงค์นั้นดังก้องอยู่หลายครั้งในช่วงสามวันที่ผ่านมา แต่ทุกครั้งที่มันดังฉันใส่หูฟังและเมินเฉยต่อมันค่ะ
ในท้ายที่สุด แม้ว่าฉันจะไม่ออกไปสู้ สาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นๆ ก็จะจัดการมันด้วยทางใดทางหนึ่งเอง เพราะเดิมทีแล้ว ฉันเองก็เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่เพิ่งมาใหม่ และที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้พวกเธอก็จัดการมันได้โดยไม่มีฉันค่ะ
คุณเอเลเฟ่นพูดถูกค่ะ ฉันสามารถหนีจากที่ฉันไม่ชอบได้ถ้าฉันไม่อยากทำมันค่ะ
ไม่อาจกลับเป็นแบบเดิมได้อีกแล้วค่ะ ฉันคงไม่สามารถกลับไปเป็น มิซึคามิ เรียวอิจิ ได้อีกแล้วตลอดกาลค่ะ
และมันคงจะเป็นการโกหกถ้าฉันบอกว่าฉันไม่เสียใจเลยแต่การเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับร่างกายที่เป็นแบบนี้ แต่แบบนั้นไม่ได้หมายถึงแค่เพื่อการใช้ชีวิตอยู่เท่านั้นแต่เป็นเพื่อกลับเป็นร่างเดิมของฉันด้วยค่ะ
ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ดีนักและฉันเองไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียวอีกด้วย แล้วฉันก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะคอยพูดหลอกตัวเองว่ามีความสุขดีอยู่แล้วหรอกนะ แต่ถึงจะเป็นคนอย่างนี้ก็ยังมีบางสิ่งที่มีอยู่บ้าง แล้วฉันก็ไม่อยากเสียมันไปด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตาม มันคงจะเป็นเรื่องโกหกแน่ถ้าฉันบอกว่าฉันจะเสี่ยงชีวิตเพื่อสิ่งนั้น
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเมื่อวันนั้นที่ฉันกลายมาเป็นสาวน้อยเวทมนตร์
ได้รับรู้ความน่ากลัวของการต่อสู้และเสี่ยงชีวิต
และไม่อาจดำเนินชีวิตตามปกติธรรมดาเหมือนแต่ก่อนได้
มันอาจเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก
ยังไงก็เทียบไม่ได้กับการสูญเสียชีวิตที่มีอยู่ไปค่ะ
แม้ว่าฉันจะสูญเสียศักดิ์ศรีเพราะต้องใช้ชีวิตอยู่อในร่างกายแบบนี้แต่ฉันก็ยังไม่อยากตาย
ฉันไม่อยากตายค่ะ
“..มาอีกแล้ว…”
มากิโฟน เปล่งแสงพร้อมเปล่งเสียงที่ดังลั่น
สามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องดูหน้าจอที่แสดง มันเป็นการแจ้งเตือนการปรากฏตัวขึ้นของ ดิส
ฉันไม่ต้องการสิ่งนี้อีกต่อไป ไม่เป็นปัญหาเลยถ้าจะโยนมันทิ้งไปและด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้ไม่รู้สึกแย่ทุกครั้งที่เสียงมันดังขึ้นแบบนี้อีก
ฉันรู้ค่ะ แต่สุดท้ายแล้วฉันยังทิ้งมันไปไม่ได้ เพราะฉันยังลืมวันนั้นได้ไม่ลง
เป็นเพื่อนกันแค่วันเดียว
กับสาวน้อยเวทมนตร์ที่ช่วยชีวิตของฉันเอาไว้
เด็กสาวที่มีรอยยิ้มพร่างพราวที่ทั้งใจดีและอบอุ่นคนนั้น
หลังจากตัดสินใจว่าจะไม่สู้อีก ฉันก็คิดที่จะทำลายมากิโฟนอยู่หลายครั้ง
แต่ทุกครั้งมันทำให้นึกถึงใบหน้าของเธอ เพราะการเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงฉันกับเธออยู่ แม้ว่าฉันได้รับข้อมูลการติดต่อมาแล้วแต่มันไม่ได้แค่เกี่ยวกับการติดต่อหรือเกี่ยวข้องกันแบบผิวเผินแบบนั้น เมื่อฉันปล่อยมือจาก มากิโฟน และกลายเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ และฉันก็รู้สึกว่าสายสัมพันธ์ที่เหมือนพรหมลิขิตซึ่งมองไม่เห็นจะหายไป และฉันไม่สามารถทิ้งมันไปได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
แม้ว่าฉันจะพยายามโน้มน้าวใจตัวเองอย่างมากถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็มีส่วนหนึ่งของฉันที่ไม่สามารถปล่อยมันไปได้
ฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเธอและฉันไม่ได้เปลี่ยนความคิดที่ไม่อยากเกี่ยวข้องกับสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่น
อย่างไรก็ตามขณะที่ฉันกำลังสั่นและหมอบลงบนพื้น เมื่อฉันคิดว่าเธออาจจะตายและหายไปจากโลกนี้ ฉันก็ไม่สามารถทิ้งมากิโฟนไปได้
ฉันอดไม่ได้ที่จะกลัวว่าเด็กสาวผู้อ่อนโยนคนนั้นจะหายไป
มันเป็นอะไรที่โง่ แม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อกันและไม่มีความตั้งใจที่จะไปต่อสู้ แต่ก็ไม่สามารถทิ้ง มากิโฟน ได้ราวกับว่ามันเป็นเครื่องรางบางอย่าง
ช่วยไม่ได้จริงๆ ฉันนี่มันงี่เง่าที่สุด
เพียงแค่ลืมมันไป
สถานที่ที่ฉันไปกับเธอในวันนั้น เวลาที่เราเล่นด้วยกัน และเวลาที่ฉันร้องไห้
หากแสร้งทำเป็นว่าทุกสิ่งไม่มีอยู่จริงก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วแท้ๆ
『――――! 』
ผ่านไปประมาณ 10 นาทีแล้วหลังจากที่ฉันใส่หูฟัง ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงของใครบางคนผ่านช่องว่างเล็กๆ
และด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันรู้สึกได้ว่าฉันต้องเสียใจอย่างแน่นอนถ้าไม่ได้ฟังมัน ฉันจึงถอดหูฟังออก
ไม่มีการแจ้งเตือนเสียงดังที่แสบแก้วหูอีกต่อไปแล้ว
“ไทแรนท์ ซิลฟ์! ทำอะไรอยู่น่ะรัน! ผมรู้ว่าเธอโกรธผม รัน! แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น รัน!”
มันคือแจ็ค เป็นเสียงของแจ็คที่ได้ยินผ่าน มากิโฟน
เมื่อฉันตื่นขึ้นในโรงพยาบาล ฉันตะโกนใส่เขาว่าฉันไม่อยากเจอเขาอีก และแจ็คก็ไม่เคยปรากฏตัวหรือติดต่อฉันเลย
ถึงไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เขาก็คงรู้ว่าฉันโกรธ
และฉันก็ไม่รู้ว่าเขากำลังรอให้ฉันใจเย็นลงหรือแค่เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับฉันอีกต่อไป
แต่ในตอนนี้มันคือเสียงที่ฟังดูร้อนรนของแจ็ค
“มาร์ควิสคลาสรัน! ไม่รีบเดี๋ยวไม่ทันนะ รัน!”
ราวกับว่าหัวใจของฉันถูกบีบรัด ทั้งแน่นหน้าอกและหายใจติดขัด
ไม่เป็นไรไม่เป็นไร
คลาส มาควิส เป็นคลาสที่ต้องการสาวน้อยเวทมนตร์เฟส 2 สองสามคนหรือแม่มดสักคนก็พอ
จริงอยู่ว่าสำหรับสาวน้อยเวทมนตร์แถวนี้มันจะเป็นภาระอันหนักหน่วง แต่เท่าที่รู้ถ้าดิสระดับมาควิส หรือสูงกว่าปรากฏขึ้น หากไม่มีสาวน้อยเวทมนตร์ในบริเวณใกล้เคียงที่สามารถเอาชนะได้ แม่มดจะถูกส่งไปโดยใช้อุปกรณ์เทเลพอร์ตระยะไกล เพราะงั้นถึงฉันไม่สู้สุดท้ายก็จะมีแม่มดมาโค่นมันให้อยู่ดี เพราะงั้นฉันจึงไม่ต้องต่อสู้
ฉันพยายามใส่หูฟังอีกครั้งเพื่อไม่สนใจคำพูดของแจ็ค แต่คำพูดต่อมาที่ฉันได้ยินทำให้ฉันหยุดมือโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เอเลเฟ่นกำลังต่อสู้เพื่อยื้อเวลาอยู่ รัน! เป็นแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ รัน! ถ้าเธอไม่รีบจะสายเกินไปได้นะ รัน! ไทแรนด์ซิลฟ์”
ฉันรู้สึกว่าเลือดในกายกำลังเดือดพล่าน
มันเป็นแบบนั้น จะว่าไปเมื่อตอนก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันต่อสู้กับคลาสมาควิส รูปร่างผึ้ง ก็จำได้ลางๆ สาวน้อยเวทมนตร์ในท้องถิ่นก็ต้องต่อสู้เพื่อยื้อเวลาไว้ ฉันเกือบลืมไปแล้วเพราะพวกเธอไม่ได้ปรากฏตัวในแนวหน้า แต่สาวน้อยเวทมนตร์พวกนั้นก็เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อซื้อเวลาเหมือนกัน
เรื่องของแจ็คน่าจะเป็นเรื่องจริง
คุณเอเลเฟ่นไม่สามารถต่อกรกับดิสระดับมาควิสคลาสได้ พวกเธอควรจะต้องต่อสู้ด้วยความตั้งใจที่จะพยายามซื้อเวลาให้มากที่สุด แต่ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหนกันล่ะ? ถ้าดิสล่วงรู้ถึงตัวตนแท้จริงของโลกปลอม พวกเธอคงจะไม่สามารถยื้อเวลาได้อีกต่อไปใช่ไหม? แล้วแม่มดจะมาเมื่อไหร่? เธอจะมาได้ทันเวลาหรือเปล่า?
“อุ…อูว…”
มันน่ากลัว น่ากลัว น่ากลัว!
ความเจ็บปวดในหน้าอกของฉันและจังหวะลมหายใจของฉันเริ่มรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
ฉันไม่ต้องการต่อสู้อีกต่อไป ฉันอยากจะหนีไปตลอดกาล
อยากหมอบลงเหมือนไม่ได้ยินอะไร
“ฉันทำไม่ได้…ทำไม่ได้จริงๆ…”
น้ำตาเอ่อคลอที่หางตาของฉัน และเสียงของฉันก็สั่น
คำพูดที่รั่วไหลออกมานั้นช่างอ่อนแอและเบาเกินกว่าที่แจ็คจะได้ยิน
ฉันรู้ ถ้าไม่ไปก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ทันการ แจ็คก็เลยติดต่อมา
ฉันรู้ดังนั้นฉันจึงกลัว ฉันแน่ใจว่าฉันน่าจะสามารถเอาชนะคลาสมาควิสได้อย่างง่ายดาย แค่เพียงแกว่งไม้เท้าแล้วใช้เวทมนตร์ แค่นั้น มันควรจะเป็นแบบนั้น แม้แต่แจ็ค ไม่สิ ฉันแน่ใจว่าแม้แต่สาวน้อยเวทมนต์คนอื่นๆ ก็จะต้องคิดแบบนั้นเหมือนกัน เมื่อไทแรนด์ ซิลฟ์มาถึง…!
แต่ไม่เด็ดขาด!
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ในการต่อสู้ที่ควรจะชนะอย่างง่ายดาย ฉันอาจตายได้!
ไม่มีทางรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างนอกนั่น!
ครั้งที่แล้วก็แพ้แบบไม่คาดฝัน!
จะบอกว่าครั้งนี้จะไม่แพ้ได้ยังไง!?
ไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง!
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปเลยตราบใดที่ไปต่อสู้ก็เท่ากับการไปเสี่ยงชีวิต!
ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วย แม้ว่าฉันอยากจะช่วยถ้าฉันทำได้
แต่ขาและร่างกายของฉันกลับสั่นไม่หยุด…! ฉันขยับไม่ได้!
ฉันกลัวที่จะต่อสู้และฉันกลัวที่จะตาย! และยังกลัวที่จะโดนขโมยหัวใจไป!
แต่! แต่ถ้ายังอยู่แบบนี้…!
“ไม่ต้องมา!!”
ภายในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังยิ่งกว่าของแจ็ค แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความใจดี
ฉันรู้จักเสียงนั้น ฉันรู้จักคนที่สอนให้ฉันวิ่งหนี
“ซิลฟ์จัง ไม่ต้องมาหรอก ปล่อยให้เราจัดการเอง”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดปลอบใจ ที่ราวกับว่าพวกเธอกำลังปลอบเด็กน้อย ฉันก็คิดอะไรไม่ออกอีก
ฉันพูดอะไรไม่ออก ไม่ได้ยินอะไรเลย ดวงตาของฉันเหม่อลอยราวกับว่าฉันกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง และฉันก็เหลือบไปเห็นตุ๊กตาช้างที่วางอยู่บนโต๊ะ
[ดังนั้นตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ!]
[น่าทึ่งมากเลย ซิลฟ์จัง! ซิลฟ์จังเป็นอัจฉริยะเลยล่ะ!]
[เน่ มันสนุกใช่ไหมล้า!]
[งั้นก็คิดว่าช้างตัวนี้คือฉันและดูแลมันให้ดีนะ!]
[แม้ว่าฉันจะไม่มีความกลัวหรือความกลัวของฉันจะหายไปก็ตาม แต่ฉันก็อยากช่วยซิลฟ์จังจริงๆอยู่ดี เพราะแบบนั้นความรู้สึกที่อยากจะช่วยซิลฟ์จังน่ะเป็นของจริงอย่างแน่นอน!]
มันอาจจะง่ายกว่าถ้าฉันลืมมันไป
แต่ฉันไม่มีทางลืม
เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่สนุกขนาดนั้น
แค่นึกถึงวันนั้น ความเจ็บในอก ลมหายใจติดขัด ร่างกายที่สั่น ทั้งหมดนี้ก็ไม่รบกวนจิตใจอีกต่อไป
ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่กลัวอีกต่อไป
ฉันกลัวที่จะต้องต่อสู้ ตาย หรือแม้แต่สูญเสียความกลัวนี้ไป
“จะเป่าทั้งสรวงสวรรค์และผืนปฐพี… “
แต่…แต่ถึงอย่างนั้น!
ก็ไม่เท่ากับเรื่องในตอนนี้!
ฉันกลัวว่าคุณเอเลเฟ่นจะตายมากกว่า!
ฉันกลัวอยู่แทบตลอดเวลา!!
“ให้แหลกสลาย!!”