魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ - ตอนที่ 24 สาวน้อยเวทมนตร์รวมตัว
[ขอแก้จากดิส เป็น ดิสต์ และจากเพรซ เป็น เพรส]
ตอนที่ 1-7 เพื่อน ②
ดิสต์รูปร่างมนุษย์ขนาดมหึมาที่สูงกว่า 100 เมตร ก่อตัวขึ้นจากกลุ่มหมอกสีดำ
อาคารและถนนของโลกปลอมพังทลายลงทุกย่างก้าวเมื่อดิสต์รูปร่างมนุษย์ขนาดยักษ์ก้าวเดินอย่างช้าๆ
มันไม่ใช่ดิสต์สายพันธุ์ใหม่ และว่ากันว่ามันเป็นเรื่องค่อนข้างง่ายที่จะต่อกรกับดิสต์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อพูดถึงเรื่องคลาสของมันที่เป็นถึงมาควิสจึงไม่อาจประมาทมันได้
เพราะเพียงแค่ขนาดร่างกายของมันเพียงอย่างเดียวก็ถือว่าเป็นอาวุธทั้งและเกราะป้องกันอันร้ายกาจมากแล้ว
“กระบี่ทะยานฟ้า!”
“ฝ่ามือบดขยี้!”
สาวน้อยเวทมนตร์สองคนโจมตีจากด้านหลังเพื่อพยายามหยุดการเคลื่อนไหวของยักษ์
ดาบที่ถูกยิงออกมาด้วยความเร็วสูงแทงเข้าที่ข้อเท้าซึ่งเป็นบริเวณเอ็นร้อยหวายของยักษ์ และแรงกดจะผลักดันดาบให้ยิ่งแทงลึกเข้าไปอีก
อย่างไรก็ตามเท้าของยักษ์ไม่หยุดลงมันไม่แม้แต่จะสนใจการโจมตีของทั้งสอง และเดินไปรอบๆ เพื่อค้นหาบางอย่าง
“คุว์! เพียงลำพังแค่พลังของพวกเราคงไม่พอสินะ!”
“ไม่รู้ด้วยสิว่าจะมีสาวน้อยเวทมนตร์ประเภทธรรมชาติกำลังมาอยู่อีกหรือเปล่า..”
บนดาดฟ้าของอพาร์ทเมนต์ที่รอดจากการพังทลาย เบลด และ เพรส แลกเปลี่ยนคำพูดกัน
เมื่อพวกเธอได้ยินว่าหน้าที่ของพวกเธอคือการพยายามยื้อเวลาโดยต้องต่อกรกับดิสต์ระดับมาควิส พวกเธอคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากและต่อมาไม่นานความกังวลของพวกเธอก็กลายเป็นความจริง
เดิมทีแล้วสาวน้อยเวทมนตร์ในระดับพวกเธอนั้นไม่ควรได้รับการแจ้งถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีใครต้องเสียชีวิตจากการเข้าท้าทายในการต่อสู้ที่ต้องเสี่ยงแบบนี้โดยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามกับตัวตนในระดับ คลาสมาควิส และ คลาสดยุกนั้นมันเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเพราะในกรณีหากพวกมันสามารถหลุดจากโลกปลอมออกไปสู่โลกความเป็นจริงได้จะเกิดผลกระทบมากเกินไปจึงมีการแจ้งเตือนมาในกรณีสุดวิสัยน์
แน่นอนว่าจุดประสงค์ของการบอกให้เหล่าสาวน้อยเวทมนตร์ในเฟส 1 และ 2 ทราบถึงรอยแตกที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เพื่อให้พวกเธอเอาชนะมันแต่อย่างใด โดยหน้าที่ของพวกเธอก็คือการซื้อเวลาจนกว่าการมาถึงของสาวน้อยเวทมนตร์ผู้เปิดประตูบานที่สาม ซึ่งเป็นผู้ครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่แห่งโลกเวทมนตร์
ถึงกระนั้นดิสต์ระดับสูงก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดที่จะสามารถถ่วงเวลาได้ง่ายๆ หากการโจมตีไม่ได้ผลบ่อยครั้ง ดิสต์ก็จะเริ่มรู้ตัวถึงการมีอยู่ของโลกปลอมและลำดับความสำคัญไปที่การทำลายโลกปลอมทิ้งเพื่อบุกรุกไปสู่โลกความเป็นจริงแทนโดยไม่สนใจสาวน้อยเวทมนตร์
เพื่อจะสามารถต่อสู้ยื้อเวลากับดิสต์ระดับสูงได้พลังจำเป็นต้องมีพลังทำลายที่เพียงพอในการสร้างความเสียหายจำนวนหนึ่งแก่มันเพื่อดึงความสนใจได้
มีสาวน้อยเวทมนตร์บางคนในเฟส 1 ที่สามารถใช้เวทมนตร์พลังทำลายสูงได้ แต่โดยพื้นฐานแล้ว สาวน้อยเวทมนตร์ที่มีพลังโจมตีที่สูงนั้นจะเป็นประเภทธรรมชาติ โดยประเภทสร้างสรรค์และกฎเกณฑ์ อย่าง เบลด และ เพรส นั้นจะเชี่ยวชาญในการขัดขวางและก่อกวนมากกว่าการสร้างความเสียหาย
“จงแข็งแกร่งขึ้นเหมือนคชสาร!”
เอเลเฟ่นใช้เวทมนตร์ที่เสริมความสามารถทางกายภาพ ขว้างซากอาคารที่ถล่มใส่ดิสต์ยักษ์สีดำ
ซากอาคารนั้นพุ่งออกไปด้วยความเร็วกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมันประสบความสำเร็จในการสร้างรอยขีดข่วนต่อร่างของดิสต์เพียงเล็กน้อย เพราะถ้าคิดจากในมุมมองของดิสต์ที่มีความจุควันดำสำรองในการฟื้นฟูเปรียบเสมือนกับสระน้ำขนาดใหญ่ลึกกว่า 50 เมตรแล้วความเสียหายในครั้งนี้ก็ใกล้เคียงกับการที่ทำให้มันต้องตักน้ำ5เมตรออกมาสระเพื่อมาซ่อมร่างของมัน
สาวน้อยเวทมนตร์ประเภทชีวิตซึ่งมีเวทมนตร์ที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพมากมายมหาศาลนับว่ามีพลังทำลายที่เป็นรองเพียงประเภทธรรมชาติหากพูดถึงเฉพาะสาวน้อยเวทมนตร์เฟสที่ 1 เท่านั้น
แต่ทว่าแม้แต่เวทมนตร์ที่เป็นแบบนั้นของเอเลเฟ่นก็ไม่สามารถหยุดดิสต์ยักษ์ได้เลย
หลังจากที่ขว้างเศษซากอาคารเสร็จเอเลเฟ่นก็เข้ามาสบทบกับพวกเพรสที่ทำได้เพียงยักไหล่ให้กับผลลัพท์ที่ไม่ดีนัก
“เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างความเสียหายโดยที่ไม่เข้าใกล้มากกว่านี้”
“…ใช่ตั้งแต่แรกแล้วมันไม่มีทางเลยสำหรับพวกเราซึ่งถนัดโจมตีระยะประชิดที่จะสามารถสร้างความเสียหายได้โดยพยายามรักษาระยะห่างจากคู่ต่อสู้ที่มีระดับสูงกว่า”
“งั้นฉันจะไปเผชิญหน้ากับมันเองส่วนที่เหลือก็ฝากด้วยนะ”
เอเลเฟ่นซึ่งเคลื่อนไหวได้เร็วที่สุดด้วยเวทมนตร์เสริมกำลังทางร่างกายตัดสินใจที่จะเป็นตัวล่อ
อย่างไรก็ตามเมื่อเบลดกับเพรสไม่เห็นด้วยกับเธอ ข้อเสนอของเอเลเฟ่นจึงถูกปัดตกไป
“มันไม่เหมือนกับพวกดิสต์ที่ผ่านมาดังนั้นฉันคิดว่าเราทุกคนควรจะทำมันด้วยกันค่ะ”
“เห็นด้วยเลยจ้า~”
ผลของเวทมนตร์เสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาวน้อยเวทมนตร์ที่ใช้งานมัน
ไม่ใช่แค่ระยะเวลาของการเสริมพลังเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการเสริมพลังด้วย
ตัวอย่างเช่น เวทมนตร์ของเอเลเฟ่นตามชื่อที่ถูกนำเสนอออกมา มันเป็นเวทมนตร์เสริมความแข็งแกร่งของร่างกายโดยมีช้างเป็นพื้นฐาน
เวทย์เสริมพลังของเอเลเฟ่นจึงเหมาะกับการแท็งค์ (รับการโจมตี)
“เดี๋ยวก่อนนะ รัน!”
เอเลเฟ่นไม่อยากแต่ก็ยอมทำตามความคิดของทั้งคู่เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวโต้เถียงกัน
แต่ก่อนที่ทั้งสามจะกระโจนออกไปหา ดิสต์ วงแหวนเวทเทเลพอร์ตก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และแจ็คก็ปรากฏตัวออกมา
“ตอนนี้กำลังเกลี้ยกล่อม ไทแรนด์ ซิลฟ์ อยู่นะ รัน! การไปเผชิญหน้ากับมันก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายนะ รัน! ดังนั้นพวกเธอใจเย็นๆก่อนนะ รัน!”
ทั้งสามเห็นมากิโฟนลอยอยู่ใกล้ๆ แจ็ค
หน้าจออยู่ระหว่างการโทร และจากคำพูดที่เอ่ยมา พวกเธอก็เข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายที่อยู่ในสายก็คือ ไทแรนด์ ซิลฟ์
และทันทีที่เธอเข้าใจเรื่องนั้น เอเลเฟ่นก็เริ่มเคลื่อนไหว
วินาทีต่อมา เบลดและเพรสเองก็เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน
“ทะ!? ทำอะไรน่ะ รัน!?”
“ไม่ต้องมา!”
เอเลเฟ่นที่แย่งมากิโฟนมาจากมือของ แจ๊ค พูดด้วยเสียงที่ดังลั่น
แจ็คที่พยายามจะหยุดเธอถูกเบลดกับเพรสจับเอาไว้จนขยับตัวไม่ได้
“ไม่ต้องมาหรอก ซิลฟ์จัง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเอง”
หลังจากพูดอย่างนั้น เอเลเฟ่นก็บดขยี้มากิโฟนในมือของเธอ
“อาา!? มากิโฟนของผมพังหมดแล้ว รัน!?”
“ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ แจ็ค”
เอเลเฟ่นบอกเพื่อนของเธอและแจ็คว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสามวันก่อนไปแล้ว
และแน่นอนว่ามันเป็นเวอร์ชันที่ละเว้นส่วนที่เป็นเรื่องส่วนตัวของ ซิลฟ์ และส่วนที่เธอไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน ดังนั้น ไทแรนด์ ซิลฟ์ อาจไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ มีเพียงแจ็คเท่านั้นที่ถูกย้ำเรื่องนี้เป็นพิเศษ
เธอต้องการให้ปล่อย ซิลฟ์จัง ไว้ตามลำพังจนกว่าจะถึงเวลาที่เธอจะกลับมาเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยความต้องการของเธอเอง
ถ้าไม่ทำแบบนั้นหัวใจของเธอคงจะแตกสลายก่อนที่จะแพ้การต่อสู้เสียอีก
ในตอนนั้นแจ็คเองก็เห็นด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่เขายังไม่ได้ติดต่อซิลฟ์เลยแม้แต่ครั้งเดียวจนกระทั่งถึงตอนนี้
“สถานการณ์มันต่างออกไปแล้ว รัน! มีเพียงไทแรนด์ ซิลฟ์เท่านั้นที่สามารถเอาชนะดิสต์คลาสมาควิสได้ รัน! การส่งแม่มดมาช่วงที่นี่จะถูกเลื่อนให้ล่าช้ากว่าที่อื่น รัน! เพราะในความเป็นจริงแล้ว ที่นี่มีสาวน้อยเวทมนตร์ที่นี่ที่สามารถเอาชนะคลาส มาควิส ได้อยู่แล้ว รัน!”
อย่างแรกเลยทำไมแม่มดจึงถูกส่งไปช่วยเมื่อมีพวกระดับสูงเกิดขึ้นกันล่ะ?
แน่นอนว่าเป็นเพราะมันเป็นยากที่จะปราบพวกมันเว้นแต่พวกเธอจะเป็นแม่มด
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากมีสาวน้อยเวทมนตร์ในพื้นที่นั้นที่สามารถเอาชนะดิสต์ระดับสูงได้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องส่งแม่มดมา
ไม่มีประโยชน์ที่จะส่งแม่มดคนอื่นไปยังพื้นที่ที่แม่มดอาศัยอยู่
และไทแรนด์ ซิลฟ์เองก็เคยได้เอาชนะ ดิสต์ ระดับมาควิสมาแล้วครั้งหนึ่ง
กรมเวทมนตร์เข้าใจว่าส่วนใหญ่เป็นความสำเร็จของ ไทแรนด์ ซิลฟ์ แม้ว่าในตอนนั้นจะมีแม่มดอีกคนมากับเธอด้วยก็ตาม
ดังนั้นตามการคาดการณ์ของแจ็ค ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องใช้เวลาอีกพอสมควรเลยก่อนที่แม่มดคนอื่นๆ จะถูกส่งมาถึงจริงๆ
ณ เวลานี้ แม้กระทั่งการส่งคำร้องขอแม่มดก็ยังไม่ผ่านการอนุมัติ
“ถ้าอย่างนั้นก็แค่ถ่วงเอาไว้จนกว่าจะพวกเธอจะมาช่วยก็แค่นั้น มันทั้งง่ายและชัดเจนค่ะ”
“บังคับเด็กที่ไม่อยากสู้ให้สู้~ นี่อยู่ในยุคโชวะเหรอไง?”
“ฉันสัญญาเอาไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ซิลฟ์จังแบกรับภาระนี้อีกต่อไปแล้ว และพวกเราจะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นอีกอย่างแน่นอน”
เบลดและเพรสพูดกับแจ็คอย่างติดตลก
ราวกับจะบอกว่าเรื่องที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องง่ายๆ พวกเธอมองไปยังยักษ์โดยไม่แสดงความกระตือรือร้นใดๆ
ทั้งสามคนวิ่งออกไปพร้อมกันตามคำปฏิญาณของเอเลเฟ่น
“ทำไมกัน รัน? ทำไมไม่เลือกวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องโลกล่ะ รัน? ทั้งเรียวอิจิ แม้แต่โมจิซากิ และคนอื่นๆ ทำไมไม่ยอมเข้าใจเลย รัน”
แจ็คพึมพำในขณะที่มองไปยังร่างเหล่านั้นด้วยความรู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง
・
ไม่รู้แน่ชัดว่าหลักการคิดของดิสต์เกิดจากความเป็นจริงที่ว่ามันเริ่มรำคาญหลังจากที่พวกสาวน้อยเวทมนตร์เริ่มเปลี่ยนมาใช้การต่อสู้ระยะประชิดหรือว่ามันแค่เคยมองข้ามการโจมตีไปเพราะเรื่องระยะห่าง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเอเลเฟ่นเข้ามาใกล้และเริ่มโจมตี ดิสต์ก็ไม่ได้เมินเธออีกต่อไป
“”เคล็ดวิชาดาบเวทย์ ซอร์ดออฟเกเซอร์!”
ดาบจำนวนมากพุ่งโจมตีไปทางดิสต์ซึ่งหยุดลงและกำลังพยายามจะบดขยี้สาวน้อยเวทมนตร์ที่เข้ามาขวางทางด้วยกำปั้น
เบลดประยุกต์ใช้เวทมนตร์ โดยการวาดวงแหวนเวทมนตร์ที่ด้านข้างของอาคารและยิงดาบไปตรงหน้าแทนที่จะยิงขึ้นมาจากบริเวณเท้าเหมือนครั้งก่อนๆ
อย่างไรก็ตาม เวทมนตร์นั้นก็ถูกลบออกไปอย่างง่ายดายด้วยการกวาดแขนเพียงครั้งเดียวด้วยความไม่พอใจของดิสต์ยักษ์
“นิ้วเอ๋ยจงเจาะทะลวง เพรสฟิงเกอร์! ”
[TL: ดูนั่นสิ ทิศบูรพากำลังลุกไหม้เป็นสีแดงฉาน!]
ผลของเวทย์มนตร์ที่ปลดปล่อยออกไปไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามเมื่อบีบระยะให้มันแคบลง เวทมนตร์ที่เคยมีความสามารถแค่กดดันอีกฝ่ายให้ค้างเอาไว้กับที่เพื่อขัดขวางฝ่ายตรงข้ามก็แปรเปลี่ยนเป็นเวทมนตร์โจมตีด้วยพลังเจาะทะลุทะลวง
เพรส ในตอนนี้ได้ผ่อนแรงกดจากฝ่ามือแล้วมุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่นิ้วชี้แล้วปลดปล่อยท่าออกไป มันเหมือนกับกระสุนแรงดัน และแม้ว่ามันพลังมากพอที่จะครูดผ่านร่างของดิสไปได้แต่ก็ไม่สามารถทะลุร่างของมันได้อยู่ดี
“นี่มันยากเกินเบอร์ไปรึเปล่าเนี่ย?”
ขณะที่กำลังบ่นอยู่นั่นเองเพรสก็ค่อยๆ ยิงคว้านร่างกายอันใหญ่โตของดิสต์ออกไปเรื่อย
ไม่มีความจำเป็นที่จะใช้ฝ่ามือบดขยี้แต่อย่างใดเพราะมันจะทำให้สูญเสียความรุนแรงในการโจมตีไป
“จงแข็งแกร่งขึ้นเหมือนคชสาร! พาวเวอร์ออฟเอเลเฟ่น! ทู! ”
เอเลเฟ่นพุ่งเข้าเตะ ดิสต์โดยใช้เวทมนตร์เสริมความแข็งแกร่งที่เพิ่งเรียนรู้มาใหม่ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม
และด้วยแรงเหวี่ยงจากการเตะดิสต์ ทำให้เธอสามารถถอยออกมาได้ทันทีและกระโดดไต่ขึ้นไปบนตัวดิสต์อีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว
ดิสต์ยักษ์ไม่สามารถตามการเคลื่อนไหวของเอเลเฟ่นได้ทัน เนื่องจากร่างกายอันใหญ่โตของมัน จึงทำได้เพียงเหวี่ยงแขนไปรอบๆ ราวกับว่ามันกำลังหงุดหงิด
“ก่อนอื่น–“
เอเลเฟ่นเตะเข้าที่พื้นและดีดตัวกระโดดใส่ดิสต์อีกครั้ง และดิสต์เองก็เริ่มเหวี่ยงแขนไปรอบๆ ในเวลาเดียวกัน
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือวิถีของแขนที่แกว่งดันไปอยู่ในทิศทางเดียวกับเส้นทางที่ของเอเลเฟ่นกำลังดีดตัวกลับมาพอดี
เอเลเฟ่นรีบยกแขนขึ้นเพื่อป้องกันตัวอย่างรวดเร็ว
แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่จะได้ปะทะกัน สิ่งที่มองเห็นได้ผ่านช่องว่างระหว่างแขนที่ไขว้กันไม่ใช่แขนสีดำสนิทของดิสต์แต่อย่างใด
“หัตถ์ยักษา กิกันโตพันช์”
มันเป็นกำปั้นขนาดใหญ่ที่ทำจากสิ่งที่ดูเหมือนเปลวไฟสีส้ม
แขนสีดำเหวี่ยงเข้ามาของดิสต์ และกำปั้นสีส้มเข้าปะทะกัน แล้วทั้งคู่ก็กระเด็นออกไปคนละทาง
สาวน้อยเวทมนตร์ที่ปล่อยหมัดสีส้มใส่ ดิสต์ ซึ่งสูญเสียการทรงตัวหลังจากการปะทะพลิกตัวร่อนลงบนพื้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
“คุณนัคเคิล!!”
เอเลเฟ่นรอดพ้นจากระยะของแขน รีบถอยออกมาอย่างรวดเร็วหลังจากการโจมตี และเข้าไปหาสาวน้อยเวทมนตร์ในหมัดสีส้ม
เธอเป็นเด็กสาวที่ดูแก่กว่าเอเลเฟ่นสองถึงสามปีที่สวมชุดที่ดูเหมือนชุดต่อสู้ที่ใช้สีโทนหลักเป็นสีส้มและสีแดง และมีถุงมือขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสีส้มสลัวๆออกมาติดอยู่ที่แขนของเธอ
ชื่อของเธอคือสาวน้อยเวทมนตร์นัคเคิล
สาวน้อยเวทมนตร์จากเมืองจุนโคอิ ซึ่งอยู่ติดกับเมืองซากุระ และเป็นรุ่นพี่ที่เชื่อใจได้ของเอเลเฟ่นที่เคยต่อสู้ร่วมกันมาแล้วหลายครั้ง
เธอมักจะไปไหนมาไหนกับสาวน้อยเวทมนต์อีกสองคน และสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือพวกเธอทุกคนนั้นได้ก้าวไปถึงเฟส 2 แล้ว
“ว่าแล้วเชียวคลาสมาร์ควิสจริงๆสินะ โชคไม่ดีเลยนะที่มันมาเอาตอนนี้น่ะ”
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
“ไม่ได้โดนดาเมจเยอะขนาดนั้นหรอกนะ จะว่าไปแล้วแม่มดล่ะ?”
“ยังไม่ได้ค่ะ เพราะแจ็คบอกว่ามันต้องใช้เวลาอีกสักพัก ดังนั้นเราทุกคนก็เลยต้องยื้ออีกหน่อย”
“ต้องใช้เวลาเหรอ? เอ็กซ์จะมาหรือเปล่านะ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครมาก็น่ารำคาญทั้งนั้นล่ะนะ”
“ทั้งเอ็กซ์ซังกับพีชซังก็ต่อสู้ด้วยความคลั่งไคล้กันทั้งคู่เลยใช่ไหมคะ?”
“เอ็กซ์ก็คงเป็นแบบนั้นแหละ ก็ทางนั้นเองมาควิสออกมาเลยนะ ส่วนพีชก็–“
“อุเคียเคียเคียเคี๊ยะ!!”
“คุรุรุรุรุรู!”
“เคร๊งงงง!”
เสียงร้องของสัตว์ดังก้องมาจากที่ไหนสักแห่งขัดจังหวะการสนทนาของพวกเธอ
ทันใดนั้นแสงสีชมพูก็ถูกฉายขึ้นบนท้องฟ้า
“พีชเอ่ยจงฟาดฟันขจัดมาร ท่าฟันสะท้านลูกท้อ! ”
แสงสีชมพูที่พุ่งลงมาด้วยความเร็วสูงราวกับดาวตกใส่แขนของ ดิสต์ เข้าอย่างจังและเฉือนเปลี่ยนทิศทางของกำปั้นขนาดใหญ่ของมัน
แสงสีพีชที่ตกกระทบพื้นขณะก่อตัวเป็นกลุ่มควันตลบอบอวนและค่อยๆ กระจายตัวออกและหายไปอย่างสมบูรณ์ในที่สุด เหลือไว้เพียงเด็กสาวหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางจุดที่แสงนั้นหายไปในฝุ่นควัน
เด็กสาวสลัดไล่กลุ่มควันด้วยดาบในมือขวาและขับขานชื่อของเธอ
“สาวน้อยเวทมนตร์ ซามูไรพีช ปรากฏกาย!”
เด็กสาวไว้ผมทรงโพนี่เทลสีชมพูและสวมชุดที่เหมือนหลุดออกมาจากละครย้อนยุค
ลิง สุนัข และไก่ฟ้าที่ดูดุร้ายยืนอยู่เคียงข้างเธอ และพวกมันทุกตัวก็จับจ้องไปที่ดิสต์ด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ฉันคนนี้จะไม่มีวันให้อภัยแก่ผู้ที่ใช้ความรุนแรงต่อฉัน!”
ชื่อของเด็กสาวที่ประกาศกร้าวในขณะชี้ดาบไปยังดิสต์ก็คือ สาวน้อยเวทมนตร์ ซามูไรพีข
เธอเป็นทั้งเพื่อนของ นัคเคิล และเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของเอเลเฟ่นด้วย ตัวตนของเธอนั้นเป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนใครนิดหน่อย แต่ความสามารถของเธอนั้นเป็นที่รู้จักกันดีมันคือโอริกามิ โดยความแข็งแกร่งของมันก็พิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนจากการที่สามารถปัดกำปั้นของคลาสมาควิสได้แล้ว
“ดังโงะของคุณปู่ ยาโด๊ปโด่ไม่รู้ล้ม! ”
เมื่อพีชเริ่มใช้เวทมนตร์เสริมพลังหมู่ เหล่าสหายของเธอพุ่งไปที่ดิสต์อย่างรวดเร็ว
รอยข่วนของลิงบาดลึกเข้าไปข้างใน รอยกัดของสุนัขก็คว้านร่างของมันออกได้อย่างง่ายดาย และเมื่อไก่ฟ้าพุ่งตัวเข้าไปในร่างของดิสต์ด้วยแรงมหาศาล มันก็แทงทะลุผ่านร่างของดิสต์ไปจนเกิดช่องว่างเป็นรูโหว่ทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
การโจมตีด้วยดาบคาตานะของ พีช ไม่ด้อยไปกว่าเหล่าพ้องเพื่อนของเธอเลย รอยตัดถูกสร้างขึ้นในทุกครั้งที่เธอตวัดดาบออกไป
“-ม๊าา ก็คงเป็นอย่างนี้แหละ”
“ยะ อย่างนี้นี่เองค่ะ เอ๊ะ!? แล้วนี่ไม่ใช่ว่าคุณเอ็กซ์ก็กำลังต่อสู้กับดิสต์คนเดียวเหรอคะ!? นั่นมันไม่แย่เอาเหรอคะ!?”
เอ็กซ์เป็นหัวหน้าของกลุ่มสาวน้อยเวทมนตร์ของนัคเคิล และเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทั้งสามคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอสามารถเอาชนะดิสต์ระดับมาควิสได้ด้วยตัวคนเดียว แม้ว่าเอเลเฟ่นจะดีใจที่ทั้ง นัคเคิล และ ซามูไรพีช มาช่วยเธอ แต่นั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเธอถึงเริ่มคิดว่าทั้งหมดนี่มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าเอ็กซ์จะต้องตกอยู่ในอันตรายแทนด้วยการกระทำแบบนี้
“เอเลฟจังเนี่ยเป็นเด็กที่ใจดีจริงๆเลยนะ แต่ว่านะตอนนี้ความแข็งแกร่งของเอ็กซ์ที่เธอรู้กับความแข็งแร่งของเอ็กซ์ในตอนนี้น่ะต่างออกไปแล้วล่ะ พวกเราก็เลยมานี่แทนน่ะ”
“ค่ะ!”
แม้ว่าเธอจะกังวลแต่ถ้านัคเคิลซึ่งรู้จักเอ็กซ์มากกว่าเธอพูดอย่างนั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เอเลเฟ่นเลือกที่จะเชื่อแบบนั้นและเลิกสนใจ
ด้วยการมาถึงของสาวน้อยเวทมนตร์เฟส 2 ทั้งสองคนทำให้สถานการณ์การต่อสู้ในตอนนี้ดีขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้น พวกเธอก็ยังไม่สามารถโค่นดิสต์ลงได้ด้วยตัวของพวกเธอเองอยู่ดี
เป็นความจริงที่ว่าการโจมตีจากดิสต์ระดับมาควิสเป็นอันตรายต่อเอเลเฟ่นและคนอื่นๆ แล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าไม่มีใครในหมู่พวกเธอที่สามารถโจมตีแรงพอที่จะโค่นล้มมันได้
แถมยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าแม่มดจะมาช่วย
(แต่ถึงอย่างนั้นฉันจะก็จะมีชีวิตรอดกลับไป ฉันจะมีชีวิตอยู่และต่อสู้ต่อไปเพื่อพิสูจน์ว่าซิลฟ์จังไม่จำเป็นต้องต่อสู้แล้ว)
เอเลเฟ่นมองตรงไป และก้าวไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น
ตอนนั้นเอง ณ เบื้องหน้าของพวกเธอปรากฏแสงสว่างที่ถ้าไม่เพ่งสายตามองดูดีๆก็จะไม่เห็น และนั่นคือแสงสว่างจากวงเวทเทเลพอร์ต
“เอ็กซ์จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
นัคเคิลที่สังเกตเห็นมันเช่นกันและเพราะเธอได้ยินมาว่าแม่มดจะมาช้าดังนั้นเธอเลยคิดว่าแสงสว่างนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหัวหน้าของพวกเธอ แล้วนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเริ่มสงสัยว่ามันเร็วเกินไปหรือเปล่า
ในทางกลับกันเอเลเฟ่นที่ไม่รู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเอ็กซ์ดังนั้นเธอจึงมองมันด้วยความชื่นชม และคิดว่ามันน่าทึ่งมากที่เธอสามารถเอาชนะดิสต์ระดับสูงได้อย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครคาดคิด
ตัวตนที่ปรากฏขึ้นจากภายในความสว่างนั้นก็คือ
“ใครอะ……?”
“นั่นเป็นใครกันน่ะ……?”
พวกเธอทั้งคู่ไม่รู้ว่า สาวน้อยเวทมนตร์คนนั้นคือใคร?
“อาฮ่าฮ่า ให้มันได้อย่างนี้ซี่☆”
“เตรียมตัวจนพร้อมแล้วสินะคะ”
“อะไรกัน…ทำไมล่ะ…”
แต่อีกสามคนคิดไปแล้วว่าเธอคนนั้นจะต้องไม่มา เพราะพวกเธอรู้ว่าสาวน้อยเวทมนตร์คนนั้นคงต่อสู้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
เสื้อคลุมของนักบวชพลิ้วไหวในสายลมพร้อมกันกับผมทวิลเทลสีเขียวมรกตของเธอ
ในมือของเธอนั้นมีไม้เท้าที่สูงพอๆ กับขนาดตัวของเธออยู่ และจากใบหน้าที่ก้มลงอย่างมืดมนของเธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเด็กสาวคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่หรือกำลังมองมาด้วยสีหน้าแบบไหนอยู่
สาวน้อยเวทมนตร์ ไทแรนด์ ซิลฟ์
เจ้าแห่งพายุปรากฏตัว