魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ - ตอนที่ 4 สาวน้อยเวทมนตร์แปลงร่าง
[TL:สนวม.=สาวน้อยเวทมนตร์ รัน เนื่องจากขี้เกียจพิมพ์จากนี้ไปจะเซ็ตย่อบ้างแล้วนะ รัน]
ตอนที่ 1-1 การแปลงร่าง ④
“เป็นการตัดสินใจที่ดีแล้วล่ะ รัน ผมมั่นใจนะว่าการเลือกในครั้งนี้จะนำพาเรียวอิจิไปในทิศทางที่ถูกที่ควรแล้วล่ะ รัน!”
ทัศนคติทางบวกที่แจ็คแสดงออกมาก่อนหน้านี้หายไปไหนแล้วล่ะ?
แจ็คมันอาจรู้สึกมีความสุขนะตอนนี้ แต่เป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะรู้สึกไม่พอใจ ไอ้เจ้านี่มันไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนที่เป็นมนุษย์เลยเหรอไงกัน?
“ได้โปรดเข้าเรื่องสักทีเถอะค่ะ กรุณาบอกกับฉันด้วยค่ะว่าการที่จะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์นั้น ฉันต้องทำอย่างไรบ้างคะ?”
ถึงฉันจะไม่อยากเป็น สนวม. แต่ฉันต้องทำมันอยู่ดีดังนั้นก็เลยอยากให้จบเรื่องนี้ให้ไวที่สุด
ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสาวน้อยเวทมนตร์ของฉันค่อนข้างล้าสมัย ฉันนึกได้แต่พวกภาพเช่นแกว่งไม้เท้าพลาสติกเหมือนพวกของเล่นเด็กหรือพูดการร่ายมนตร์ด้วยประโยคแปลกๆ แล้วแปลงร่าง
มันก็นานมาแล้วที่ฉันได้มีโอกาสนั่งดูอนิเมะสาวน้อยเวทมนตร์กับน้องสาวของฉัน มาคิดดูตอนนั้นเธอเองก็บอกว่าอยากเป็นสาวน้อยเวทมนตร์นี่นะ ฉันคิดว่าบางทีเธอคงคาดไม่ถึงเลยล่ะว่าพี่ชายของเธอคนนี้จะได้กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ซะเองในตอนนี้
“ก่อนอื่น รัน ไปที่ห้องสมุดกัน รัน เธอต้องเลือกเวทมนตร์ที่นั่นน่ะ รัน!”
“ห้องสมุดเหรอคะ? มันอยู่ที่ไหนเหรอคะ?”
“ไม่ได้อยู่บนพื้นโลกนี้หรอก รัน! อยู่ในพื้นที่อื่นที่ถูกตัดขาดจากโลกด้วยเวทมนตร์น่ะ รัน! พวกผมเรียกพื้นที่นี้ว่าโลกเวทมนตร์ รัน! ตอนนี้จะไปโลกแห่งเวทมนตร์แล้วนะ รัน! เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม? รัน !?”
“ที่คุณพูดมาหมายความว่าฉันต้องเตรียมอะไรไปด้วยรึเปล่าคะ?”
“เปล่าหรอก รัน ผมแค่ถามไปงั้นๆแหละ รัน!”
“คุณฟักทอง!”
ฉันพ่ายแพ้ต่อความโกรธและพยายามต่อยแจ็คที่ลอยอยู่บนอากาศ
ฉันเพิ่งถูกบังคับให้ต้องอยู่ในสภาพนี้แล้วมันยังจะมาแกล้งกันแบบนี้หลังจากที่ฉันตกลงที่จะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์อย่างไม่เต็มใจอีก
อย่างไรก็ตามกำปั้นที่ควรจะไปถึงตัวแจ็คกลับผ่านตัวมันไปโดยที่ฉันไม่รู้สึกเลยว่าสัมผัสถูกอะไรเลย และหากลองมองดูดีๆ ก็พบว่ามือเล็กๆ ที่กำแน่นของฉันทะลุผ่านร่างของแจ็คไป
“อย่ามัวแต่เล่นสิเราจะไปกันแล้วนะ รัน!”
“……ก็ไปสิคะ!”
ในขณะที่จ้องไปที่แจ็คซึ่งมองมาที่ฉันด้วยสายตาเหมือนต้องการจะตำหนิ ฉันก็บอกกับมันว่าให้พาไปได้เลย
เจ้านี่ดูเหมือนจะไม่มีร่างกายที่แท้จริง ดังนั้นการพยายามโจมตีทางกายภาพจึงไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ช่างน่าหงุดหงิด แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องจมอยู่กับสิ่งที่ทำผิดพลาดไปอย่างไร้ความหมาย ตอนนี้คงทำได้เพียงปล่อยวางมันไปก่อน
“พิกัดเทเลพอร์ต: โลกเวทมนตร์ / ห้องสมุดเวทมนตร์”
“เอ๊ะ เฮ้ โฮ่!?”
ในจังหวะที่แจ็คเริ่มร่ายเวทมนต์บางอย่าง วงแหวนเวทย์มนตร์หลายวงก็ปรากฏขึ้นและเข้าซ้อนทับกันบนร่างของฉันและตัวฉันก็เริ่มลอยขึ้นบนอากาศราวกับว่ากำลังว่ายน้ำอยู่
ไม่ว่าจะพยายามทรงตัวมากสักเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือการที่ตัวพลิกคว่ำกลางอากาศอย่างดูไม่ได้ ความกลัวที่ร่างกายไม่แตะพื้นดินทำให้ฉันเริ่มรู้สึกจุกแน่นที่หน้าอก
ไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านไปกี่วินาทีแล้วที่ฉันเผลอหลับตาลงเพราะความกลัว แต่เมื่อฉันพยายามรวบรวมความกล้าเปิดตาขึ้นอีกครั้ง ฉันก็พบว่าตัวเองถูกรายล้อมไปด้วยชั้นหนังสือมากมายแล้ว และในเวลาเดียวกันนั้นเอง วงเวทย์ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และร่างของฉันก็ค่อยๆ ร่วงลงบนพื้น
“ที่นี่คือห้องสมุด?”
มีชั้นหนังสือเรียงรายอยู่เต็มไปหมดมันมีมากมายจนสามารถมองเห็นพวกมันไปได้ไกลสายตา หนังสือเล่มหนาถูกเก็บไว้แน่นชั้นโดยไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าที่แห่งนี้ไม่ใช่ห้องสมุดมันก็คงจะต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ
“…มันกว้างจังเลยค่ะ”
มันยากที่จะอธิบายว่ามันใหญ่แค่ไหน แต่ดูใหญ่กว่าห้องสมุดท้องถิ่นที่ฉันไปตอนเด็กๆ ที่นั่นน่ะมันเป็นห้องสมุดเล็กๆ ที่แสนอบอุ่น แต่ก็ยังใหญ่กว่าห้องสมุดของโรงเรียนมาก และสำหรับฉันตอนที่ยังเด็กนั้นหอสมุดท้องถิ่นมันก็ใหญ่มากจนให้ความรู้สึกเหมือนเขาวงกตแล้วล่ะ
เมื่อฉันลองเดินดูไปรอบ ๆ ห้องสมุด ฉันพบว่าจริงๆแล้วมีหนังสือที่หายไปบ้างเป็นบางเล่มที่ตรงนั้นบ้างและที่ตรงนี่บ้าง ดูเหมือนว่าจริงๆแล้วชั้นวางหนังสือจะไม่เต็มสักเท่าไหร่
“ในที่แห่งนี้มีเพียงเวทมนต์เดียวเท่านั้นที่สามารถมอบให้กับสาวน้อยเวทมนตร์ได้ รัน! เวทมนตร์ที่ถูกใครบางคนเลือกแล้วคนอื่นไม่สามารถเลือกซ้ำได้ รัน!”
“ว้าววว!?”
แปลกใจจังที่ได้ยินเสียงของแจ็ค ฉันมองไปรอบๆเพื่อหามัน แต่ก็ไม่เห็นตัวของแจ็คเลย
” ผมส่งไปหาเธอแค่เสียงน่ะ รัน! ผมเข้าไปในห้องสมุดไม่ได้ รัน! แต่ก็สามารถมองเห็นตัวของเรียวอิจิได้อยู่นะ รัน! ดังนั้นผมจึงอาจจะพอให้คำแนะนำเธอได้อยู่นะ รัน!”
“เอ๋… เป็นแบบนั้นเหรอคะ?”
ฉันอยากจะบอกว่าเรื่องนั้นไม่เป็นไรอยู่หรอก แต่ถ้าไม่มีคำอธิบายมาช่วยก็คงจะแย่เพราะฉันไม่รู้จักสถานที่นี้ดีพอดังนั้นถ้าหากว่ากันตามความเป็นจริงแล้วฉันก็ไม่อาจรู้ได้ว่าหนังสือที่หายไปมันเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไรและเหลือหนังสืออะไรอยู่บ้าง
จริงอยู่ที่ฉันโกรธมากเกี่ยวกับสิ่งที่แจ็คทำและท่าทีของมันที่ดูจะไม่สำนึกเลย แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับความช่วยเหลือจากมันจนกว่าทุกอย่างจะจบลง มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหาตอนนี้ฉันนำอารมณ์มาใช้ในการตัดสินใจดังนั้นคงต้องปล่อยวางเรื่องแจ็คไปก่อน
มันก็เหมือนกับสิ่งที่ฉันทำมาทั้งชีวิตนั้นแหละ เพราะว่าช่วยไม่ได้ก็เลยยอมแพ้และยอมรับมัน
“แล้วฉันควรทำอะไรต่อไปที่นี่ดีคะ?”
“เชื่อในสัญชาตญาณแล้วหยิบหนังสือเลย รัน! หนังสือทุกเล่มถูกเขียนด้วยอักขระเวทมนตร์ทั้งหมดดังนั้นเธออ่านไม่ได้หรอกนะ รัน! เลือกหนังสือเล่มที่เธอคิดว่าดีที่สุด รัน! นั่นแหละสิ่งที่ทำให้มันคือเวทมนตร์ รัน!”
“สุ่มสินะคะ…”
จริงอยู่ที่ฉันยอมกลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์แบบไม่เต็มในแต่เป็นไปได้ไหมที่จะเปลี่ยนไอ้ตัวสนับสนุนนี่?
อักขระเวทมนตร์สินะ…
“จริงด้วยค่ะ ฉันอ่านไม่ออกเลยสักนิดค่ะ”
เพื่อทดสอบฉันหยิบหนังสือใกล้ตัวที่สุดขึ้นมาเปิดดู แต่หน้ากระดาษเต็มไปด้วยตัวอักษรที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน และฉันก็อ่านมันไม่ออกเลย แม้ว่าฉันจะปิดหนังสือและดูที่ปก มันก็เขียนด้วยตัวอักษรที่คล้ายกัน และฉันก็ไม่รู้ว่ามันคือตัวอักษรอะไร
“อย่างน้อยก็บอกใบ้ให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ ว่าหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร?”
“อคติคือศัตรูตามธรรมชาติของเวทมนตร์ รัน! เลือกโดยสัญชาตญาณ รัน! เชื่อมั่นในตัวเองสิ รัน!”
แม่งพูดเหมือนเดิมเป๊ะๆ ฉันคิดไม่สามารถขอคำอธิบายเพิ่มเติมได้มากกว่านี้แล้ว
แต่ไอ้นั่นน่ะไม่ใช่เป็นสิ่งที่แกพูดเพื่อหนีความรับผิดชอบหรอกเหรอ? ไอ้ฟักทอง?
“งั้นก็เอาไงเอากันค่ะ”
ฉันใช้เวลาหลายนาทีในการหยิบหนังสือและตรวจดูสองสามเล่ม แต่พูดตามตรง ฉันไม่ได้สังเกตเห็นความแตกต่างของมันมากนัก ในที่สุด ด้วยสัญชาตญาณ ฉันก็เลือกหนังสือปกสีเขียวเหลืองที่หนาและเบากว่าเล่มอื่นๆ เพราะฉันรู้สึกว่าสีและเนื้อกระดาษของมันนั้นค่อนข้างดี
“!?”
จู่ๆ หนังสือที่ฉันเลือกก็ส่องแสงสว่างขึ้น และเปิดออกเอง หน้าต่างๆของหนังสือถูกเปิดและปิดลงอย่างรวดเร็วไล่มาจนถึงหน้าสุดท้ายมันก็ปิดลงแล้วส่องแสงสว่างจ้าออกมา จนฉันต้องรีบหลับตาลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อแสงจางลงและฉันลืมตาขึ้น และหนังสือในมือก็หายไป น่าแปลกที่ความหนักของสิ่งที่ถืออยู่ในมือที่ฉันควรจะรับรู้กลับหายไปก่อนที่ฉันจะรู้ตัวเสียอีก
“ยินดีด้วย รัน! ได้กุญแจเปิดประตูห้องสมบัติแล้ว รัน! ตอนนี้เรียวอิจิเป็นสาวน้อยเวทมนตร์แล้วนะ รัน!”
“อา ต่อจากห้องสมุดก็เป็นห้องเก็บสมบัติเหรอคะ?…แล้วคราวนี้จะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะคะ?”
แม้ว่าจะใช้เวลาไม่นานแต่การที่ไม่รู้ว่ากำลังจะถูกขอให้ทำอะไรต่อไปอีกทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างน่าประหลาด ยิ่งมีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างการที่มีแสงส่องออกมาจากหนังสือหรือจู่ๆ มันก็หายไปอย่างกระทันหัน
เมื่อฉันคิดว่าจะต้องเจอกับอะไรที่คล้ายกับเมื่อกี้อีกครั้ง ฉันถอนหายใจออกมา
“จะยังไม่ไปที่ห้องเก็บสมบัติ รัน! เรียวอิจิในตอนนี้มีกุญแจสำคัญที่จะใช้แปลงร่างเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เรียบร้อยแล้ว รัน! ตอนที่คิดว่าอยากจะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ท่องคีย์เวิร์ดออกมาเลย รัน! คีย์เวิร์ดก็คือ――”
“จะเป่าทั้งสรวงสวรรค์และผืนปฐพีให้แหลกสลาย”
คำพูดพวกนั้นมาถูกส่งเข้ามาในหัวของฉันก่อนที่แจ็คจะบอก ในตอนที่ฉันคิดว่าฉันอยากจะแปลงร่างเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ ฉันรับรู้ได้ในทันทีว่าต้องร่ายคาถาอะไรยังไง
ในขณะที่ฉันร่ายคาถา ลมพายุอันรุนแรงก็โหมกระหน่ำโอบล้อมร่างของฉันเอาไว้และพัดเข้ามาหาร่างเล็กๆ ของฉัน มันไล่ตามเกาะติดราวกับเด็กทารกที่กำลังอาละวาดและพยายามที่จะปีนขึ้นมาเกาะบนตัวของฉัน และฉันต้องทำให้เขาพวกมันยอมศิโรราบ ใช่แล้วฉันต้องทำให้พวกมันได้เข้าใจที่ต่ำที่สูง
จงเชื่อฟังฉันซะ
ฉันคือราชาของพวกแก
เจ้าแห่งวายุทั้งมวล
ฉันน่ะ–, (Ore no–,)
ชื่อของฉันน่ะ— (Watashi no namae wa)
“สาวน้อยเวทมนตร์ ผู้บงการวายุ ไทแรนท์ ซิลฟ์ ค่ะ”
[TL : เกร็ดความรู้ ประโยคแรกเรียวอิจิใช้คำนำหน้าผู้ชาย (Ore) แต่ประโยคหลังใช้ของผู้หญิง (Watashi) หลังแปลงร่างแล้วเรียวอิจิจะใช้วาตาชิทั้งหมดทั้งที่คิดในหัวและที่พูดออกมาดังนั้นต่อจากนี้จะออกสาวมากๆ]
・
ฉันกลับมาจากห้องสมุดถึงที่บ้านของฉันก่อนที่ฉันจะรู้ตัวว่าฉันแปลงร่างเสร็จเรียบร้อยแล้วเสียอีกค่ะ และฉันรู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นว่าตัวเองเป็นยังไงหลังจากที่ได้แปลงร่างแล้วมากเลยค่ะ
ฉันสวมชุดสีขาวหลวมๆ ที่ดูคล้ายกับพวกชุดเสื้อคลุมค่ะ แล้วก็มีเส้นสีเหลืองเขียวบางๆ ตกแต่งตามแขนเสื้อ และชายเสื้อ สุดท้ายก็คือในมือขวาของฉันมีไม้เท้าที่ขนาดใหญ่เท่าความสูงของฉันอยู่ด้วยค่ะ
ดูเหมือนว่าชุดของฉันที่เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ จะค่อนข้างดีเลยทีเดียวค่ะ
สิ่งที่ฉันกังวลที่สุดคือชุดของฉันจะเปิดเผยแค่ไหนหลังจากที่แปลงร่างแล้วค่ะ เพราะว่าพวกอนิเมะสาวน้อยเวทมนตร์ที่ฉันเคยดูกับน้องสาวนั้นมุ่งเป้าหมายไปที่การฉายให้กับเด็กๆได้ดู ดังนั้นโดยปกติแล้วชุดของพวกเธอจึงค่อนข้างมิดชิดค่ะ
อย่างไรก็ตาม พวกสาวน้อยเวทมนตร์สำหรับผู้ใหญ่ที่ฉันเห็นใน SNS และเว็บไซต์สรุปเป็นบางครั้งบางคราว พวกเธอเหล่านั้นใส่ชุดที่ค่อนข้างเปิดเผยอย่างผิดปกติและเป็นระดับที่ไม่อาจหาอะไรมาช่วยสามารถอธิบายได้เลยค่ะ ว่าชุดพวกนั้นถูกทำขึ้นมาให้ใช้ในจุดประสงค์ที่มันควรจะเป็น
บางทีฉันคิดว่าฉันคงไม่ชอบแน่ค่ะ ถ้าหากฉันดูเหมือนพวกผู้หญิงที่ดูลามกแบบนั้นขึ้นมาหลังจากแปลงร่างเรียบร้อยแล้ว
ฉันเดาว่านี่คือความหมายของคำพูดที่ว่าการให้กำเนิดมันง่ายกว่าการเป็นกังวลค่ะ? ตอนนี้ฉันบอกได้เต็มปากเลยว่าตัวฉันนั้นเปิดเผยผิวน้อยมากค่ะ
และมันก็ช่วยทำให้ฉันไม่รู้สึกอายค่ะ
โอยะ และถ้าจะพูดถึงเรื่องความอาย ช่างเป็นเรื่องวิเศษจริงๆค่ะ ที่ฉันไม่ต้องดูเหมือนกำลังแก้ผ้าจนเปลือยเปล่าทั้งตัวในตอนที่กำลังอยู่ในระหว่างการแปลงร่างค่ะ
สาวน้อยเวทมนตร์ที่ฉันรู้จักปกติแล้วจะเปลือยล่อนจ้อนตอนกำลังแปลงร่างค่ะ แม้ว่าในตอนนั้นพวกเธอจะถูกแสงลึกลับห่อหุ้มก็ตามแต่ก็ยังล่อนจ้อนค่ะ
หากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นออกมา ฉันก็บอกได้เลยว่านั่นคือทรงผมที่เปลี่ยนไปเป็นทรงทวินเทล ตอนที่ฉันกำลังแปลงร่างอยู่ค่ะ ฉันไม่คิดหรอกนะคะว่ามันเป็นทรงผมแบบเด็กๆ เพราะถ้ามามัวแต่กังวลกับมันและต้องมาปล่อยให้ผมยาวทุกครั้งที่แปลงร่าง มันก็เหมือนกับว่าฉันเป็นเด็กที่พยายามจะทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่รึไงคะ ดังนั้นฉันจะปล่อยทรงผมไว้อย่างนี้แหละค่ะ.
“อย่างที่คิดไว้เลย รัน! เรียวอิจิมีพรสวรรค์ รัน! ผมคิดไม่ผิดจริงๆ รัน!”
“ฉันไม่ดีใจที่คุณชมฉันหรอกนะคะ ยิ่งไปกว่านั้นคุณชมฉันทำไมกันคะ? ไม่ใช่สิ..ฉันหมายถึงทำไมคุณต้องชมฉันมากขนาดนี้คะ? การแปลงร่างเป็นสาวน้อยเวทมนตร์นี่มันยากขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
ถ้าหากแมวมองอย่างแจ็คเลือกเด็กสาวปกติที่มีพรสวรรค์ให้กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ การที่เธอจะสามารถแปลงร่างเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ได้นั้นก็ควรเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ?
“เด็กสาวทุกคนที่เข้าตาผมนั้น รัน! แน่นอนว่าต้องสามารถแปลงเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ได้อยู่แล้ว รัน! แต่สิ่งที่สุดยอดของเรียวอิจิไม่ใช่เพราะเธอแปลงเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ได้หรอกนะ รัน! แต่ที่จริงนั่นน่ะเป็นเฟส 3 รัน! และนั่นก็เป็นการแปลงร่างครั้งแรกของเธอด้วย รัน! ซึ่งมันเจ๋งมากๆเลย รัน!”
“ฟ..เฟส 3 อะไรเหรอคะ?”
มันทำให้แจ็คดูตื่นเต้นมากกว่าที่ผ่านๆมามากเลยค่ะ ฉันสงสัยจังว่ามันคืออะไรกันแน่นะ?
แปลว่าต้องมีเฟส 1 กับ 2 ด้วยหรือเปล่าคะ? อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นอะไรให้กับสิ่งที่เรียกว่าเฟส 3 จริงๆค่ะ
ตอนที่ฉันแปลงร่างฉันก็แค่พูดตามคีย์เวิร์ดเข้ามาในหัวของฉันเองค่ะ ไม่ได้มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้นค่ะ
“พูดง่ายๆ มันร่างที่แข็งแกร่งขึ้นน่ะ รัน! เรียวอิจิข้ามร่างเริ่มต้นอย่างซิลฟิด แล้วก็แปลงเป็นร่างที่แข็งแกร่งกว่าอย่างไทแรนด์ ซิลฟ์ได้ในทันทีเลย รัน! นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยนะ รัน!!”