魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ - ตอนที่ 6 สามคนกำลังปรึกษากันในร้านอาหาร
ตอนที่ 1-2 การเผชิญหน้า ①
ในมุมหนึ่งของร้านอาหารของครอบครัว มีเด็กสาวสามคนที่ดูเหมือนจะมารวมตัวเพื่อเล่นกับเพื่อนหลังเลิกเรียนกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างอยู่
เสียงของเด็กสาวไม่ได้เบาเลย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบข้างพวกเธอจะได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูดออกมา หากไม่พยายามที่จะเงี่ยหูตั้งใจฟังจริงๆ
สิ่งที่ถ้าอาจจะมีคนพอจะสนใจอยู่บ้างก็คือการที่สาวน้อยสองคนใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียนคนละแบบกันและเด็กสาวอีกคนนึงที่ใส่ชุดไปรเวทปกติ แต่ถ้ามองในทางกลับกัน บางทีพวกเธออาจจะเป็นเพื่อนต่างโรงเรียนกันก็เป็นได้
“ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็ไม่ได้ต่อสู้กับ ดิส มาพักหนึ่งแล้วสินะ”
เด็กสาวหน้าตาจริงจังที่มีผมสีดำยาวถึงเอวและสวมแว่นตา สึรุงิพึมพำออกมาด้วยสีหน้าสงสัย
หัวข้อสนทนาของกลุ่มสาวๆนั่นคือ “แต่ละคนต่อสู้กับ ดิส ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?” ใช่แล้วพวกเธอเหล่านี้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์
“ตั้งแต่ฉันเอาชนะมันตัวล่าสุดได้ก็น่าจะประมาณหนึ่งสัปดาห์ได้แล้วค่ะ เอ๋ จะว่าไปมันเคยมีช่วงเวลาที่ว่างแบบนี้ด้วยเหรอคะ?”
เด็กสาวผมสีฟ้าอ่อนดัดเป็นลอนหยักศกที่มีภาพลักษณ์ดูอ่อนโยน คิซายามะมองไปที่พื้นที่ว่างเปล่าและครุ่นคิดไตรตร่องความทรงจำของเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่มีความคิดดีๆเกี่ยวกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นในคราวนี้เลย
เด็กสาวเหล่านี้ มักจะมารวมทีมกันเพื่อต่อสู้กับ ดิส แต่ในบางครั้งบ้างที่พวกเธอก็ต้องต่อสู้เพียงลำพัง
คิซายามะนั้นคิดว่าที่ ดิส ไม่ปรากฏตัวเลยในสัปดาห์ที่ผ่านมามากกว่าจะคิดว่ามีคนอื่นเอาชนะมันได้ด้วยตัวคนเดียว แต่น่าเสียดายที่เธอคิดผิด
“อย่างนี้เขาเรียกกันว่าธุรกิจซบเซาลงสิน้าา ฮะฮาฮ่า☆”
เด็กสาวร่าเริงผมบลอนด์ในชุดนักเรียน อัตสึโอะเกาหัวด้วยความลำบากใจ
โดยการปราบ ดิส สาวน้อยเวทมนตร์จะได้รับคะแนนจำนวนหนึ่งจากโลกแห่งเวทมนตร์ และพวกเธอสามารถซื้อสินค้าต่างๆได้โดยตรงด้วยคะแนนหรือจะแลกเปลี่ยนมันเป็นเงินสดก็ได้
ในบรรดาสาวน้อยเวทมนตร์เองก็มีหลายคนที่อยากได้คะแนนที่ได้จากการล่า ดิส มากกว่าเพื่อการปกป้องโลก สำหรับสาวน้อยเวทมนตร์ประเภทนั้น อาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยก็ว่าได้หาก ดิส ไม่ปรากฏตัวออกมาให้เธอหาคะแนนไปแลกเงิน
“เรื่องแรงจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์ของคุณมันไม่ใช่ปัญหาของฉันซักหน่อยค่ะ”
“ไม่บริสุทธิ์ซะที่ไหนเล่า สมัยนี้เงินสำคัญสุดๆเลยนะ”
“ที่จะสื่อน่ะหมายถึงว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องคุยตอนนี้ค่ะ!”
“อะไรนะ? ไม่จำเป็นต้องตะโกนเลยนี่”
“โอเคๆ ใจเย็นๆนะ ทั้งสองคน”
คิซายามะหยุดสึรุงิและอัตสึโอะทันทีที่เห็นบรรยากาศระหว่างทั้งคู่เริ่มแย่ลงในขณะที่พวกเขาคุยกัน โดยเหตุการณ์นี้มีให้เห็นเป็นปกติอยู่แล้วเพราะทั้งสองคนนั้นค่อยไม่ถูกกัน ฝ่ายหนึ่งนั้นจริงจังและมีระเบียบแบบแผน และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนไม่ยับยั้งชั่งใจและเลินเล่อเป็นที่สุด มันชัดเจนเสียยิ่งกว่าการมองดูสะเก็ดไฟที่จะรอวันปะทุขึ้นเสียอีก เพราะอย่างนั้นคิซายามะจึงคุ้นเคยกับการไกล่เกลี่ยระหว่างคนทั้งสองก่อนที่พวกเขาจะเริ่มทะเลาะกันใหญ่โตเป็นอย่างดี
เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทะเลาะกันดังนั้นพวกเธอจึงมีสติมากพอที่จะรู้จักสงบสติอารมณ์เมื่อคิซายามะกล่าวตักเตือนพวกเธอตั้งแต่ครั้งแรก
“สึรุจัง อยากคุยเรื่องคนใหม่ใช่มั้ยคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ ประมาณสัปดาห์ที่แล้วน่ะ แจ็คซึ่งคอยสนับสนุนพวกเรามาตลอดก็หยุดปรากฏตัวมาหาเพราะว่าเขากำลังให้การสนับสนุนสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่อยู่ค่ะ บางทีฉันคิดว่าไม่ใช่ว่า ดิส ไม่ปรากฏตัวออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหรอกค่ะ แต่อาจจะเป็นเพราะสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่โค่นพวกมันไปแล้วต่างหากค่ะ”
“แต่มันไม่ยากเกินไปสำหรับมือใหม่หรอกเหรอ? ที่จะต้องต่อสู้คนเดียวเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์น่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะที่ดิสมันจะปรากฏตัวออกมาแค่ระดับ คอมมอน(ทั่วไป) อย่างเดียวน่ะน้า”
สิ่งที่อัตสึโอะพูดนั้นสมเหตุสมผล เฉพาะคลาส คอมมอน(ทั่วไป) เท่านั้นที่สาวน้อยเวทมนตร์ใหม่แกะกล่องนั้นควรจะสามารถเอาชนะในขณะต่อสู้ด้วยคนเดียวได้ แม้ว่าเธอจะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่เก่งกาจและมีพรสวรรค์สักแค่ไหน แต่ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อเธอเจอเข้ากับคลาส อัศวิน ก็จะต้องเกินขอบเขตที่จะรับมือได้ด้วยตัวคนเดียวแน่ๆ
สึรุงิเองก็คิดเหมือนกันกับคำถามของอัตสึโอะ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นข้อเท็จจริงและยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าดูมีความเป็นไปได้จริงๆมากเสียยิ่งกว่าการที่จู่ๆไม่มี ดิส ปรากฏตัวออกมาเลยตลอดสัปดาห์เสียอีก
“เป็นไปได้ไหมคะ ว่าพวกเธอสู้ด้วยกันสองคนเหมือนตอนของฉันกับสึรุจัง?”
คิซายามะและสึรุงินั้นกลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ในเวลาเดียวกัน พวกเธอไม่ได้เป็นทีมที่ดีและต่อสู้ด้วยกันมาตั้งแต่แรก แต่เมื่อพวกเธอได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาครั้งแล้วครั้งเล่าในการต่อสู้ พวกเธอจึงกลายเป็นทีมที่สนิทกันเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนอัตสึโอะที่กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ค่อนข้างช้ากว่าทั้งคู่ ดังนั้นเธอจึงแทบจะไม่มีช่วงเวลาที่ต่อสู้ด้วยคนเดียวเลย
“คิซะ ลองเช็คเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเพื่อให้แน่ใจหน่อยสิว่าเมืองเรามีสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่แค่คนเดียวรึเปล่า?”
ดูเหมือนว่าเธอเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว และเมื่อสึรุงิยื่น มากิโฟน (Magi Phone) ให้คิซายามะ หน้าเว็บแนะนำตัวสาวน้อยเวทมนตร์ก็เปิดขึ้น
สาวน้อยเวทมนตร์จะแนะนำทีละคนในหน้าเว็บที่สามารถค้นหาได้หลายวิธี เช่น ตามชื่อหรือภูมิภาค และปัจจุบันมีสาวน้อยเวทมนตร์ 4 คนในเมืองซากุระ สมมติว่ามีสามคนอยู่ที่นี่ คนที่เหลือคือสาวน้อยเวทมนตร์ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่
“ไทแรนท์ ซิลฟ์จัง หืม…”
เฉพาะชื่อพื้นที่ที่รับผิดชอบและคำแนะนำง่ายๆเท่านั้นที่เผยแพร่ในหน้าแนะนำและไม่มีการโพสต์ข้อมูลอื่น ๆ
ข้อมูลที่เผยแพร่ในหน้าแนะนำนี้สามารถตั้งค่าเป็นรายบุคคลสำหรับสาวน้อยเวทมนตร์แต่ละคน และในขณะที่ สาวน้อยเวทมนตร์บางคนเผยแพร่รูปถ่าย เวทมนตร์ และแม้แต่งานอดิเรกของตัวเอง แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่เหมือนในครั้งนี้ที่มีเพียงการเปิดเผยเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นขั้นต่ำเท่านั้น
“ไหนๆขอฉันดูด้วยคนสิ”
“ไม่มีวิดีโอของเด็กคนนี้เลย แถมเธอเองก็ไม่ได้ใช้ SNS ดังนั้นจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็ชัดเจนแล้วล่ะว่าเธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่มาใหม่เพียงคนเดียวในเมืองนี้”
อัตสึโอะซึ่งเซ็งกับการที่ไม่ได้ข้อมูลอะไรมายื่นคืนมากิโฟนอย่างรวดเร็ว ส่วนสึรุงิที่ีรับมากิโฟนกลับมาก็เริ่มพิมพ์ค้นหาข้อมูลของ ไทแรนด์ ซิลฟ์ แต่กลับไม่มีข้อมูลอะไรดีๆออกมาเลย อย่างมากที่สุดก็แค่ชื่อของเธอถูกพูดถึงที่นั่นและที่นี่ในหัวข้อเกี่ยวกับสาวน้อยเวทมนตร์หน้าใหม่บนกระดานข่าวที่ไม่ระบุตัวตน แม้ว่ามันจะเป็นการเขียน แต่ก็เป็นเพียงชุดของการคาดเดาต่างๆนาๆเกี่ยวกับสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่เท่านั้น
“อ่าา งั้นถ้าสาวน้อยคนนี้ทำมันได้ด้วยตัวคนเดียว การที่เรามารวมตัวคุยกันที่นี่มันจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ? สำหรับฉันนะรู้สึกเหมือนเสียเหยื่อของฉันไปนิดหน่อยอะน้า แต่จะว่าไปสึรุงิจจิต้องการจะทำอะไรงั้นเหรอ?”
“ไม่ไม่ ไม่ใช่ว่าฉันต้องการจะทำอะไรบางอย่างกับสถานการณ์นี้หรอกนะ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราอาจได้พบกับเด็กคนนี้ในโลกปลอม(กิมังเซไก)ในอนาคตดังนั้นจึงอยากจะดูแลเธอให้ดีน่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้เธออาจจะสามารถทำมันคนเดียวได้แต่มันก็ยากอยู่ดีนะถ้าหากต้องต่อสู้ตามลำพังน่ะ”
“อาฮ่าฮ่า สมกับเป็นสึรุจัง”
คิซายามะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเพื่อนสาวผู้แสนใจดีของเธอ เธอยังจำได้ดีว่าที่เธอมาอยู่ในทีมนี้จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะได้ความช่วยเหลือจากความใจดีนี้ช่วยเอาไว้
“น่าเบื่อจัง ฉันคิดว่าเธอจะไม่พอใจเพราะว่าโดนรุกล้ำอาณาเขตซะอีก”
“นั่นคือเหตุผลที่ฉันบอกว่าฉันไม่เหมือนคุณค่ะ ฉันไม่ได้ต่อสู้ด้วยแรงจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์แบบนั้น”
“เฮะ เฮะ ฉันขอโทษแล้วกัน ถ้าพูดเสร็จแล้วฉันจะกลับบ้านล่ะ คิซัจจิ สึรุงิจจิ บัยบายเจอกันอีกโลกนึงนะ”
“แล้วเจอกัน!”
“โอเค คิดว่าเร็วๆนี้แหละ”
ทั้งสองมองอัตสึโอะเดินออกจากร้านไปในขณะที่โบกมือให้กัน
อย่างที่ สึรุงิ ว่ามามันต้องมีสักวันนึงที่สาวน้อยผู้มาใหม่ไม่สามารถต่อสู้คนเดียวไหวได้อีกต่อไป และมันก็น่าจะอีกไม่นานนัก นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่าฉันควรจะได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการปรากฏตัวของ ดิส เร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นในตอนนี้
เทอร์มินัลการสื่อสารที่แจกจ่ายให้กับสาวน้อยเวทมนตร์ “มากิโฟน” ซึ่งแตกต่างจากสมาร์ทโฟนที่คุณใช้เป็นประจำ รูปร่างหน้าตาเกือบจะเหมือนกับสมาร์ทโฟน และฟังก์ชันต่างๆ ยังรองรับการใช้งานแบบสัมผัสอีกด้วย ดังนั้นมันจึงเกือบจะเหมือนกับสมาร์ทโฟน แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นเพียงแค่สมาร์ทโฟนเท่านั้น
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เทอร์มินัลนี้สามารถทำได้โดยที่สมาร์ทโฟนไม่สามารถทำได้ แต่ในหมู่พวกเธอนั้น มีเพียงสองฟังก์ชันการใช้งานที่ต้องใช้ ณ ตอนนี้
หนึ่งคือฟังก์ชั่นแจ้งเตือนว่ามี ดิส ปรากฏตัวขึ้น เสียงเตือนดังลั่นที่มีเพียงสาวน้อยเวทมนตร์เท่านั้นที่ได้ยินจะดังขึ้นเพื่อประกาศการมาถึงของ ดิส
“ซู่วววว!! ดิส!”
“ค่อนข้างน่าเบื่อเลยนะ ว่าไหม?”
คลาสของ ดิส ที่แสดงโขว์อยู่ใน มากิโฟน คือ บารอน เป็นระดับที่สามารถชนะได้หากทั้งแก๊งสามสาวของ คิซายามะ ร่วมมือกัน
การแจ้งเตือนของ ดิส จะถูกจัดเรียงตามระดับของสาวน้อยเวทมนตร์ เพื่อไม่ให้สาวน้อยเวทมนตร์ไปเสียชีวิตจากการต่อสู้กับ ดิส ที่แข็งแกร่งกว่าตนเองมากเกินไป อย่างไรก็ตาม การติดตามความสามารถของสาวน้อยเวทมนตร์ที่เติบโตขึ้นในแต่ละวันนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก และระดับที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลก็ผันผวนในระดับหนึ่ง
ดิส จัดอยู่ใน 8 ระดับโดยเรียงตามความแข็งแกร่งจากน้อยไปมาก คอมม่อน(ทั่วไป) อัศวิน บารอน ไวเคานต์ เอิร์ล มาร์ควิส ดยุก และ ราชัน ซึ่งในระดับที่อ่อนแอที่สุดอย่างทั่วไปนั้นสามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียวไม่ยาก และระดับที่สูงขึ้นมาหน่อยอย่าง อัศวิน นั้นก็อันตรายพอสมควรหากสู้ด้วยตัวคนเดียว ส่วนตั้งแต่ระดับบารอนขึ้นไปนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจำนวนสาวน้อยเวทมนตร์ที่มาร่วมกันสู้แล้วว่ามีจำนวนมากพอจะโค่นมันรึเปล่า?
“ตอนนี้คุณอัตสึโอะน่าจะไปรอแล้วค่ะ”
“ไปกันเถอะ สึรุจัง เคลื่อนย้าย”
“[พิกัดการเคลื่อนย้าย: โลกปลอม, เมืองซากุระ ส่วน B]”
หน้าที่อีกอย่างของ มากิโฟน คือเคลื่อนย้ายไปยังโลกปลอม
เกิดวงแหวนเวทมนตร์หลายวงทับซ้อนกันบนร่างของทั้งสองและเริ่มส่องแสง
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ลูกค้ารายอื่นๆ ก็ไม่ได้ออกอาการสงสัยอะไรเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะมีทั้งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นและแสงไฟสว่างจ้าก็ตาม
ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสาวน้อยเวทมนตร์ถูกสะกดจิตยับยั้งการจดจำ ไม่มีใครจำการเปลี่ยนแปลงของสาวน้อยเวทมนตร์ได้ และไม่มีใครอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสาวน้อยเวทมนตร์มากไปกว่านี้ แม้ว่าจะมีข้อสงสัยเล็กน้อยแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ข้อสงสัยพวกนั้นก็จะสลายหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ผู้คนก็ยังสามารถมีความปรารถนาดีและความสนใจต่อสาวน้อยเวทมนตร์ได้เหมือนเดิม แต่กลับกันพวกเขาไม่สามารถมีความคิดมุ่งร้ายหรือระแวงได้ต่อตัวตนที่เรียกว่าสาวน้อยเวทมนตร์ได้
แม้ว่าการมีอยู่ของสาวน้อยเวทมนตร์จะได้รับการยอมรับจากสังคมและคุ้นเคยกับพวกเธอ แต่สาเหตุที่พวกเธอไม่ต้องพบเจอกับความความคิดมุ่งร้ายของคนทั่วไปนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการปิดกั้นการรับรู้นี้
☆ ☆ ☆
“จะเตะให้กระเด็นเลย~”
ด้วยพลังของคีย์เวิร์ดการแปลงร่าง ช้างโปร่งแสงปรากฏขึ้นด้านหลังคิซายามะ และค่อยเข้ามาซ้อนกับตัวของเธอ ในขณะเดียวกัน เครื่องแบบนักเรียนก็แปรเปลี่ยนเป็นชุดยูนิฟอร์มสีฟ้าที่พริ้วไหว ผมสีฟ้าอ่อนของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใส และรองเท้าโลฟเฟอร์ของเธอเปลี่ยนเป็นรองเท้าบู๊ตโลหะหนาที่ทนทาน
“สาวน้อยเวทมนตร์ เอเลเฟ่น!”
[TL:จะพิมพ์ว่า สนวม.ช้างแล้วไม่ไหวขำเกิ๊น]
☆ ☆ ☆
“ตัดกระชาก..”
ดาบสองคมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าสึรุงิ ทันทีที่เธอเอื้อมมือเข้าไปจับด้าม ดาบก็เปล่งแสงออกมา และแสงสว่างก็กลืนกินส่วนหนึ่งของร่างกายของสึรุงิเข้าไป
หลังจากการแปลงร่างจากชุดไปรเวทธรรมดาก็กลายเป็นชุดน่ารักสีขาวบริสุทธิ์ แสงสว่างเองก็แปรเปลี่ยนรูปร่างไปและกลายเป็นชุดเกราะสีเงิน ซึ่งมันไม่ใช่ชุดเกราะแบบครอบคลุมทั้งตัวแต่เป็นแบบที่ปกปิดเฉพาะส่วนสำคัญของร่างกายเอาไว้
“สาวน้อยเวทมนตร์ เบลด”
☆ ☆ ☆
เด็กสาวทั้งสองที่เสร็จสิ้นการเคลื่อนย้ายในเวลาเดียวกันกับที่พวกเธอแปลงร่าง ก็พบนัตสึโอะซึ่งแปลงร่างแล้วเช่นกันและล่วงหน้ามาที่โลกปลอมก่อนพวกเธอกำลังต่อสู้อยู่ก่อนแล้ว
“ฝ่ามือบดขยี้! เพลซเดอะแฮน!”
สาวน้อยเวทมนตร์สไตล์โกธิค-โลลิต้าในชุดสีดำประดับด้วยไม้กางเขนสีทอง นั่นคือรูปลักษณ์ของสาวน้อยเวทมนตร์ เพลซ ของนัตสึโอะหลังจากที่เธอแปลงร่างแล้ว
เพลซได้เริ่มต่อสู้กับ ดิส ไปแล้ว เมื่อเธอชูมือขวาขึ้นและใช้เวทมนตร์กับยักษ์สีดำตัวสูง 3 เมตรที่วิ่งเข้าหาเธอ ยักษ์ตัวนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นเดินช้าๆ ราวกับว่ามันกำลังแบกน้ำหนักมหาศาลอยู่บนหลัง
“กระบี่ทะยานฟ้า! แอร์โรว์ซอร์ด! “
ดาบสามเล่มพุ่งไปที่ ดิส รูปร่างยักษ์ที่เคลื่อนไหวช้าลงซึ่งหากเป็นปกติแล้วเจ้ายักษ์ควรจะพยายามหลบดาบไปแล้วแต่เพราะแรงกดที่เกาะกุมอยู่บนร่างกายของมันทำให้ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ดาบที่เจาะเข้าที่ศีรษะ คอ และหัวใจ ตามลำดับ จากนั้นก็สลายหายไปในทันที และหมอกสีดำก็เริ่มไหลออกมาจากรอยแผลที่เปิดออก
“จงแข็งแกร่งขึ้นเหมือนคชสาร! พาวเวอร์ออฟเอเลเฟ่น! “
ดิส ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ดังนั้นการโจมตีส่วนที่เป็นจุดอ่อนของสิ่งมีชีวิตตามปกติไม่ได้ทำให้มันตายในทันที อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะมันเลียนแบบรูปลักษณ์ของสิ่งมีชีวิต ทำให้มันมักจะชะงักและกรีดร้องหากถูกโจมตีเข้า
ไม่มีใครรู้ว่า ดิส มีอวัยวะรับความรู้สึกเจ็บปวดหรือเปล่า แต่สาวน้อยเวทมนตร์รู้ว่าพวกมันไม่ได้ตอบโต้กลับเมื่อโดนการโจมตีเข้าไปในจุดที่ว่า
เอเลเฟ่นที่แสดงพละกำลังที่เหนือกว่ามนุษย์ เนื่องจากเวทมนตร์เสริมพลังทางกายภาพ ปล่อยลูกเตะด้วยพลังทั้งหมดที่มีใส่ ดิส ที่หยุดชะงักไปครู่หนึ่งหลังจากถูกโจมตี แม้ว่าเอเลเฟ่นอยู่ระหว่างเพลซและดิสทำให้เป็นเรื่องปกติที่เธอจะได้รับแรงกดที่ทับลงมาด้วยแต่เธอก็ได้ใช้มันเป็นเพื่อเพิ่มโมเมนตัมและแรงกดดันให้ลูกเตะของเธอ
สาวน้อยเวทมนตร์ทั้งสามมารวมตัวกันในขณะที่เฝ้าระวังการโต้กลับจาก ดิส ซึ่งถูกเตะกระเด็นจมเข้าไปในกำแพงของบ้านหลังนึงไปด้วย
“ขอโทษทีนะ ที่มาช้าไปหน่อย”
“จะมาช้าเร็วไม่ต่างกันหรอกน้า จะว่าไปหน้าใหม่คนนั้นไม่มาเหรอเนี่ย?”
“ตัวนี้เป็นระดับบารอน ฉันว่าเธอคงไม่ได้รับแจ้งเตือนหรอกค่ะ”
“อืมมม น่าเสียดายจัง”
“หยุดคุยกันก่อน มันกำลังมาแล้ว”
ยักษ์สีดำผลักเศษหินที่ทับร่างของตัวเองออกและวิ่งไปหาสาวน้อยเวทมนตร์อีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันกำลังโกรธจัด
“นี่มันเป็นเรื่องโง่ที่สุดที่ฉันเคยเห็นเลยล่ะเอานี่ไปซะ ☆ เพลซเดอะแฮน”
เพลซเปิดใช้งานเวทย์มนตร์แห่งแรงกดโดยวาดมือขวาไปในอากาศในลักษณะเดียวกับก่อนหน้านี้อีกครั้ง แต่ยักษ์ตัวนี้ที่ได้เห็นเวทมนตร์นั้นแล้วครั้งนึงจึงเกิดการเรียนรู้ ดังนั้นก่อนที่เวทมนตร์จะเปิดใช้งาน ยักษ์ก็กระโดดหลบขึ้นไปบนฟ้าและหนีจากระยะกดดันได้ทัน และกำลังจะทิ้งตัวลงมายังสถานที่ที่เหล่าสาวน้อยเวทมนตร์ยืนอยู่
“อะไรกัน!?”
ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะกระโดดได้ไกลหลายเมตรด้วยร่างกายใหญ่โตที่ดูเชื่องช้านั่น
เพลซ รีบหันฝ่ามือของเธอและพยายามไล่ตามยักษ์ แต่ เบลดหยุดการกระทำนั้นด้วยมือของเธอและบังคับให้ทั้งคู่ถอยไป
มันเป็นเวทย์มนตร์ที่ไม่ค่อยได้ใช้เพราะมันเปิดใช้งานช้าและหลบหลีกได้ง่าย แต่ในสถานการณ์นี้ เบลดมีเวทย์มนตร์บทนึงที่มีประสิทธิภาพมาก
“เคล็ดวิชาดาบ ซอร์ดออฟเกเซอร์”
เวทมนตร์ก่อตัวปรากฏขึ้นที่จุดที่ยักษ์กำลังจะลงมา และดาบก็โบยบินออกไปทีละเล่ม ไม่มีทางเลยที่ ดิส ซึ่งอยู่กลางอากาศสามารถจะหลบเลี่ยงพวกมันได้ และอีกไม่นานร่างกายของมันก็จะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ
เมื่อยักษ์ลงมาถึงพื้นด้วยเสียงคำรามลั่น วงเวทย์บนพื้นก็ถูกทำลายและดาบก็หยุดลง แต่ในขณะเดียวกัน ขาของยักษ์ซึ่งไม่สามารถรับน้ำหนักตัวมันได้ไหวก็ทรุดตัวลงเช่นกัน
“จบกันแค่นี้แหละ!”
เอเลเฟ่นได้กระโดดขึ้นเตะใส่ศีรษะของยักษ์ซึ่งล้มลง และการต่อสู้ก็จบลง ด้วยความเสียหายมากขนาดนั้น ดิส ก็หยุดที่จะสร้างร่างใหม่และสูญสลายหายไปโดยสิ้นเชิง