魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ - ตอนที่ 8 สาวน้อยเวทมนตร์เป็นเด็กดื้อต่อต้านสังคม
ตอนที่ 1-2 การเผชิญหน้า ③ ☆
“การเอาชนะ ดิส ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะได้รับคะแนนนะ รัน!”
“จะว่าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นมาก่อนเหมือนกันค่ะ”
มันเป็นช่วงก่อนที่ฉันจะกลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ไม่นานนักค่ะ ที่ฉันมีความสนใจนิดหน่อยเกี่ยวกับในการมีอยู่ของสาวน้อยเวทมนตร์และไปดูที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ที่นั่นมีบริการพิเศษสำหรับสมาชิกแบบชำระเงินและระบบสนับสนุนด้วยคะแนนแบบชำระเงินค่ะ แม้ว่าฉันไม่รู้กระแสการไหลของเงินที่แน่นอน แต่คิดว่ามันต้องส่งกลับไปยังสาวน้อยเวทมนตร์อย่างแน่นอนค่ะ
“มันมีประมาณสามวิธีใหญ่ๆ ที่สาวน้อยเวทมนตร์จะได้รับคะแนนนะ รัน! วิธีแรกคือพื้นฐานที่สุด และเป็นหน้าที่ของทุกคน รัน! ซึ่งก็คือจัดการดิสนั่นเอง รัน!”
ดูเหมือนว่าสาวน้อยเวทมนต์ส่วนใหญ่จะใช้วิธีนี้เพื่อหาเงินและสะสมแต้มเพื่อแลกของที่ต้องการด้วยค่ะ
ซึ่งแหล่งรายได้ปัจจุบันของฉันคือการกำจัด ดิส เช่นเดียวกันค่ะ
“อย่างที่สองคือการชนะการแข่งขันเวทมนตร์ที่จัดขึ้นในโลกเวทมนตร์ รัน! เจ้านี่น่ะเหมือนกับเป็นกีฬาที่สาวน้อยเวทมนตร์ต้องต่อสู้กับสาวน้อยเวทมนตร์นะ รัน! จัดขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการฝึกฝนสาวน้อยเวทมนตร์ให้เก่งขึ้นด้วยการต่อสู้กันด้วยเวทมนตร์ รัน!”
ถึงจะอธิบายมาแบบนั้นฉันก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีค่ะ แล้วเมื่อฉันถามหารายละเอียดเพิ่มเติมก็ดูเหมือนว่าพวกสาวน้อยเวทมนตร์จะถูกแบ่งออกเป็นสี่ฝ่ายและจะต่อสู้กันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มีค่ะ
มีสนามพิเศษที่สร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์สำหรับการแข่งขันนี้ และแม้ว่าจะตายในสนามนั้น คุณก็จะฟื้นขึ้นมาหลังจากเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งค่ะ มันฟังดูเหมือนกับการเกิดใหม่ในเกมเลยค่ะ ไม่แน่นะคะมันอาจจะสร้างโดยอ้างอิงจากเกมของสมาร์ทโฟนหรือพีซีสักเกมก็ได้
“และข้อสุดท้ายก็คือการเป็นที่นิยมของคนทั่วไปล่ะ รัน! พวกเราในโลกเวทมนตร์ไม่ได้เสกเงินขึ้นมาจากความว่างเปล่านะ รัน! ถ้าสาวน้อยเวทมนตร์กลายเป็นที่นิยมและสามารถรีดไถเงินจากแฟนๆ ของเธอได้ เงินส่วนหนึ่งก็จะถูกแบ่งจ่ายเป็นรางวัลให้พวกเธอด้วยนะ รัน!”
พอได้ฟังดูแล้วฉันก็ไม่คิดว่านั่นเป็นแหล่งเงินทุนเพียงแหล่งเดียวสำหรับโลกเวทมนตร์ค่ะ แต่ถ้าธุรกิจประเภทไอดอลไปได้ด้วยดีก็ดูเหมือนว่าการที่เป็นผู้ดำเนินการจะทำกำไรได้มากทีเดียวค่ะ และมันก็เหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวค่ะ การที่สาวน้อยเวทมนตร์เป็นที่นิยมก็เป็นเสมือนเหยื่อล่อเด็กสาวที่ต้องการจะมาเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยค่ะ
ในการระดมทุนจากแฟนๆโดยตรงมีข้อได้เปรียบตรงที่คะแนนสามารถแลกเป็นเงินสดได้ง่ายๆ และนอกจากนี้ เด็กสาวที่แต่เดิมอยากจะเป็นไอดอลอยู่แล้วก็สามารถใช้ความหายากของการเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เป็นอาวุธในการต่อสู้บนเวทีของพวกเธอได้ด้วยค่ะ
“ฟุมุ พอมาคิดๆดูแล้วจะว่าไปก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นไอดอลสาวน้อยเวทมนตร์ที่มีอยู่จริงในเน็ตด้วยนี่คะ นั่นเองก็เป็นกลยุทธของโลกเวทมนตร์ด้วยเหรอคะ”
“นั่นเป็นสิ่งที่เด็กๆพวกนั้นทำมันด้วยตัวเอง รัน! จุดประสงค์ดั้งเดิมของเราคือเอาชนะ ดิส และปกป้องโลกนี้เอาไว้ รัน! จริงอยู่ที่ตอนนี้เรากำลังทำสิ่งต่างๆ มากมาย รัน! แต่สิ่งเดียวที่พวกเราบอกกับสาวน้อยเวทมนตร์ตรงๆคือให้จัดการ ดิส รัน!”
ดูเหมือนจะเป็นนโยบายที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสินะคะ แต่มันก็คงจะมีปัญหาแน่ถ้ามีคนบอกให้ฉันกลายเป็นไอดอลในทันที หรือให้ไปต่อสู้กับสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นค่ะ ดังนั้นในเมื่อที่ได้ยินแบบนั้นมันจึงสบายใจกว่าสำหรับฉันค่ะ
“เพื่อเพิ่มความนิยมสาวน้อยเวทมนตร์ยังสามารถโพสต์วิดีโอการต่อสู้ของพวกเธอได้ด้วยนะ รัน! พวกมันมีผลต่อคะแนนจัดอันดับความนิยม รัน! ถ้าเรียวอิจิต้องการโพสต์ก็ไปตั้งค่าในมากิโฟนนะ รัน!”
“ฉันจะคิดดูแล้วกันค่ะ”
ฉันหันหลังให้กับแจ็ค ฉันไม่ชอบให้ใครมาคาดหวังค่ะ ความคาดหวังพวกนั้นเป็นเพียงเรื่องเห็นแก่ตัวแม้ว่าในบางครั้งจะมีการแสดงความปรารถนาดีเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าไม่ได้เป็นไปอย่างที่พวกเขาคิด สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะพลิกฝ่ามือแล้วตบเข้าที่ใบหน้าของคุณค่ะ ชาวเน็ตมันก็เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ แทนที่จะมานั่งประจบสอพลอเพื่อเงิน ฉันอยากทำงานเงียบๆ และกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมโดยไม่ต้องมีใครสนใจฉันค่ะ
“อูว มันมีข่าวลือเยอะแยะเลยทำอะไรสักอย่างกับมันไม่ได้เลยเหรอคะ”
เมื่อเสียงสนทนากับแจ็คสิ้นสุดลง เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นราวกับว่ามันกำลังรอจังหวะอยู่ค่ะ และมันไม่ดีต่อหัวใจเลยเมื่อคุณต้องมาได้ยินเสียงดังบ้าๆนี่ ฉันตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ฉันจะพยายามหาดูว่าฉันสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าแจ้งเตือนบนมากิโฟนได้ไหม? แต่ก็ไม่ได้ผลค่ะ ดูเหมือนว่าการแจ้งเตือนเรื่องดิสจะเป็นเรื่องที่เร่งด่วน และฉันถูกบังคับที่จะต้องตระหนักถึงและมอบความสนใจให้กับมันอยู่ตลอดค่ะ
“มีสาวน้อยเวทมนตร์อีกคนนำหน้าไปก่อนแล้ว รัน! เป็นคลาสบารอน รัน! จะเอายังไงดี รัน!”
“นั่นสินะคะ……”
แจ็คพาหยุดข้างทางเพื่อถามแบบนี้หมายความว่าสาวน้อยเวทมนตร์ข้างหน้าเราที่นำไปก่อนคนเดียวมีโอกาสชนะสูง และไม่บังคับให้ฉันต้องไป แต่ถ้าอยากได้แต้มก็ไปได้สินะคะ
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องลำบากที่ไม่อาจจะถูกมองข้ามไปได้ง่ายๆเหมือนพวกเกมออนไลน์บางทีฉันอาจจะเข้าไปเกะกะก็ได้ค่ะไหนจะเรื่องการแบ่งคะแนนกันอีกล่ะคะ และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันต้องการมีส่วนร่วมกับสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นๆ ให้น้อยที่สุดค่ะ
“ครั้งนี้หยุดกันเถอะค่ะ”
“จะมองข้ามเรื่องนี้ไปเหรอ รัน…”
“ไม่ใช่ว่าแจ็คเคยพูดเกี่ยวกับเรื่องอาณาเขตที่รับผิดชอบเหรอ?”
สาวน้อยเวทมนตร์มีอาณาเขต อาณาเขตโดยทั่วไปหมายถึงทั้งเขตที่สาวน้อยเวทมนตร์อาศัยอยู่ ในกรณีของฉัน เมืองซากุระเป็นอาณาเขตของฉันค่ะ
สิ่งนี้ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากโลกแห่งเวทย์มนตร์ แต่เป็นกฎท้องถิ่นที่เหล่าสาวน้อยเวทย์มนตร์ตัดสินใจด้วยตัวเองค่ะ แต่เนื่องจากไม่มีการแทรกแซงจากฝั่งโลกเวทย์มนตร์ มันจึงเป็นเหมือนเรื่องที่เข้าใจร่วมกันไปโดยปริยายค่ะ
มีสาวน้อยเวทมนตร์มากมายที่ไม่อนุญาตให้สาวน้อยเวทมนตร์จากเขตอื่นออกล่าดิสในอาณาเขตของตนเอง เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่คะแนนของคุณจะลดลงหากเหยื่อของคุณถูกขโมยไปค่ะ
ในทำนองเดียวกันนี้ ดูเหมือนว่าจะมีบางครั้งที่ไม่ต้อนรับสาวน้อยเวทมนตร์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในอาณาเขตด้วยค่ะ และมันคงจะดีถ้าคุณสามารถทักทายรุ่นพี่และทำความคุ้นเคยกับอาณาเขตของพวกเขาได้ค่ะ แต่ก็มีบางครั้งที่คุณอาจจะโดนเกลียดและจบลงด้วยการต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวค่ะ
ดูเหมือนว่ามีสาวน้อยเวทย์มนตร์บางคนที่ไม่ใส่ใจเรื่องแบบนั้น แต่มันก็ไม่สำคัญสำหรับฉันหรอกค่ะเพราะจริงๆแล้วฉันวางแผนที่จะต่อสู้ด้วยคนเดียวมาตั้งแต่แรกแล้วค่ะ
ฉันรู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ความเป็นจริงของการมีอยู่ของตัวตนที่เรียกว่าสาวน้อยเวทมนตร์นั้นมีความรุนแรงได้มากขนาดนี้ค่ะ
“คิดว่าไม่เป็นไรหรอก รัน! เด็กที่นี่เป็นเด็กดีนะ รัน!”
“ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันจะสู้คนเดียวค่ะ”
“เรียวอิจิเป็นเด็กดื้อ รัน! ผมคิดว่าเรียวอิจิควรหาเพื่อนสักคนสองคนนะ รัน!”
“ไม่จำเป็นค่ะ”
ไม่มีทางที่ฉันซึ่งแต่เดิมเป็นคนสันโดษจะหาเพื่อนได้อยู่แล้วค่ะ และมันก็ไม่มีความจำเป็นด้วยค่ะ
“คนเราอ่อนแอลงเมื่อมีใครบางคนที่สำคัญสำหรับพวกเขาหรือคนที่พวกเขาต้องการปกป้องค่ะ เป็นเรื่องธรรมดาที่ความอ่อนแอของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นจากการมีเพื่อน คนรัก หรือครอบครัวค่ะ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระค่ะ การอยู่คนเดียวเป็นวิธีเดียวที่จะป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด และเป็นวิธีที่จะมีชีวิตอยู่ได้ค่ะ”
“มองโลกในแง่ลบมากเกินไปแล้ว รัน!”
“เพราะมันเป็นธรรมชาติของฉันค่ะ”
ฉันระบายมันออกไปโดยไม่ปิดบังความไม่พอใจและเริ่มเล่นเกมที่หยุดไปใหม่ บางครั้งฉันรู้สึกอึดอัดเมื่อคุยกับแจ็ค และคิดว่ามันจะช่วยได้มากเลยถ้าเขาทิ้งฉันไว้ให้อยู่คนเดียวค่ะ
แจ็คไม่พูดอะไรอีกและหายไปก่อนที่ฉันจะรู้ตัว
・
ดิสที่ปรากฏในวันนี้เป็นระดับบารอน และมีรูปลักษณ์เหมือนเสือที่สร้างจากหมอกทึบสีดำ
ในตอนแรกเริ่มนั้น เอเลเฟ่น เบลด และ เพลซ ตกอยู่ในความเสียเปรียบในทันทีจากความรวดเร็วและการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของมัน แต่ไม่นานนักเมื่อพวกเธอเริ่มคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวของมันในระหว่างการต่อสู้ ก็ค่อยๆ เริ่มเห็นโอกาสในการชนะ
“หนักดั่งคชสาร! เฮวีออฟเอเลเฟ่น!”
เมื่อเปิดใช้เวทมนตร์ในจังหวะที่ ดิส โจมตีเข้ามา เอเลเฟ่นซึ่งเพิ่งพ่ายแพ้และปลิวไปอย่างง่ายดายในการโจมตีครั้งก่อน ก็จับขาหน้าของมันไว้ได้โดยไม่ขยับตัวเคลื่อนออกจากที่แม้แต่ก้าวเดียว
“ฝ่ามือบดขยี้! เพลซเดอะแฮน!”
การเคลื่อนไหวของดิสประเภทเสือหยุดเพียงครู่เดียวแต่นั่นก็เพียงพอแล้ว
ด้วยการที่เชื่อใจว่าเอเลเฟ่นจะสามารถสกัดกั้นการโจมตีของดิสได้ เพลซจึงเรียกใช้งานเวทมนตร์ของเธอในทันที และดิสก็ถูกผลักด้วยแรงกดดันจนถูกกระแทกเข้ากับผนังบ้านหลังหนึ่ง
“เคล็ดวิชาดาบเวทย์ ซอร์ดออฟเกเซอร์”
ก่อนที่ดิสจะรู้ตัววงเวทย์ได้ถูกสร้างขึ้นอยู่ใต้เท้าของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมันเป็นการโจมตีต่อเนื่องที่ไม่สามารถหลีกหนีได้ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเจ้านี่ต้องได้รับบาดแผลอย่างหนักแน่นอน แต่แล้วเมื่อสาวน้อยเวทมนตร์ทั้งสามหลงไปกับคิดชั่ววูบนั้น อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
“กรี้ดดดดดดดดด!”
ด้วยเสียงคำรามที่น่าขนลุก ร่างของดิส ประเภทเสือก็พองตัวขึ้น เดิมทีร่างกายของมันนั้นใหญ่พอๆ กับเสือโคร่งอยู่แล้ว แต่ในครั้งนี้มันขยายใหญ่ขึ้นอีกเรื่อยๆ และสุดท้ายก็กลายเป็นขนาดของรถบรรทุกขนาดใหญ่และบดขยี้พื้นดินจนแตกละเอียด วงแหวนเวทมนตร์ที่ปรากฏอยู่บนพื้นถูกทำลายจนสลายหายไปและเวทมนตร์ของเบลดก็จบลงด้วยความล้มเหลว นอกจากนี้ แม้จะมีแรงกดดันจากเพลซ แต่มันก็เริ่มเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
“อี๊…!”
“เฮ้!?”
ทันทีที่มันเริ่มเคลื่อนที่ ดิส ก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุดและเข้าหาเพลซอย่างรวดเร็วและพุ่งตัวกระแทกเข้าใส่เธอ
“เฮวีออฟเอเลเฟ่น—!!”
เอเลเฟ่นที่วิ่งเข้ามาขวางระหว่างเพรสและดิส พยายามใช้เวทมนตร์ของหยุดมันแต่เธอถูกชนกระเด็นจมหายเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งพร้อมกับเพรสก่อนที่เธอจะใช้มันออกมาได้ทัน
ดิสไล่ตามพวกเธอสองคนที่ทะลุเข้าไปในกำแพงบ้านเดี่ยวและกระแทกกดพวกเธอลงกับพื้น
ก่อนที่ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง และแรงกระแทกจะเข้ามาบดอวัยวะภายในร่างกายของพวกเธอให้แหลกสลาย ด้วยความตกใจสุดขีดทำให้ทั้งคู่หมดสติไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะทันได้เปล่งเสียงกรีดร้องออกมา
“ถอยออกมาจากพวกเขานะคะ! กระบี่ทะยานฟ้า! แอร์โรว์ซอร์ด!”
ดาบทั้งสามเล่มพุ่งเข้าใส่ ดิสด้วยความเร็วสูงเหมือนลูกธนู และ ตัวของเบลดเองก็ไล่ตามมาได้ทันและวาดดาบโจมตีเข้าที่ดิสด้วยเช่นกันแต่หางของมันเหวี่ยงเหมือนแส้ฟาดเข้าที่ตัวของเธอเพื่อหวังเขี่ยอุปสรรคไปให้ไกลจากสายตา
ดิสซึ่งกำลังกด เอเลเฟ่น และเพลซด้วยอุ้งเท้าหน้าขยับสายตาไปที่เบลดและสีหน้าของมันก็เริ่มบิดเบี้ยว
ดิสแม้ว่าไม่มีส่วนที่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นใบหน้าตามเป็นธรรมชาติเพราะทุกส่วนของมันล้วนเป็นก้อนหมอกสีดำ แต่บางครั้งก็มีส่วนที่ดูเหมือนใบหน้าปรากฏออกมาเนื่องจากความเอียงของโพรงและหมอก เบลดไม่รู้ว่ามันทำหน้าที่เป็นส่วนที่แสดงสีหน้าจริงหรือเปล่าแต่ในขณะนี้ดิสตัวนั้นดูเหมือนว่าจะกำลังฉีกรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายเพื่อเยาะเย้ยเธออยู่
มันค่อยๆ ยกขาหน้าขึ้นเพื่อแสดงให้ตัวเองเห็นว่าใครกำลังหมอบอยู่ใต้เท้าของมัน
“ยะ อย่า–“
แต่ก่อนที่มันจะเหวี่ยงอุ้งเท้าลงมาก็มีบางอย่างพุ่งเข้าใส่ดิสเข้าอย่างจัง
เป็นระยะเวลาครู่หนึ่งที่เบลดไม่อาจเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นความแรงของลมที่พัดผ่านมาที่เธอ
และมันเป็นพายุทอร์นาโดที่รุนแรงมากพอที่จะฉีกร่างของดิสออกเป็นชิ้นๆ แต่กลับควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบจนไม่สร้างความเสียหายใดๆ ต่อสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว
ดิสที่สูญเสียร่างกายส่วนใหญ่จะสลายหายไป แต่ดิสที่มีพลังมากจะสามารถงอกร่างกายใหม่เองได้โดยไม่หายไปหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสแค่เพียงครั้งหรือสองครั้ง แต่ถ้าร่างกายได้รับความเสียหายมากพอที่จะกลายเป็นฝุ่นผง ร่างที่กลายเป็นฝุ่นก็จะต้องได้รับการสร้างใหม่เช่นกัน ดังนั้นจึงส่งผลให้มันสลายหายไปเนื่องจากขาดพลังงานที่จะสร้างร่างใหม่
เบลดรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงตามทฤษฎีแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นดิสระดับบารอนสลายหายไปได้ในการโจมตีครั้งเดียว
แล้วเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายังทิศทางที่พายุทอร์นาโดพัดมาที่นั่นก็มีร่างของเด็กสาวคนหนึ่งลอยอยู่ ณ ใจกลางของดวงจันทร์ที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมาพร้อมกับโลกปลอมแห่งนี้
เด็กสาวที่สวมชุดคล้ายชุดเสื้อคลุม ถือไม้เท้าขนาดใหญ่
นี่เป็นครั้งแรกที่เบลดเห็นร่างนั้น แต่เธอเข้าใจได้ทันทีเมื่อเห็นผีฟักทองลอยอยู่ข้างกายของเด็กสาว
เธอคือ…
เธอคนนั้นคือ…
“ไทแรนท์ ซิลฟ์…”
แม้ว่าจะมีหลายสิ่งที่อยากจะถามและอยากจะกล่าวขอบคุณเธอ แต่ ไทแรนท์ ซิลฟ์ นั้นถูกแสงเทเลพอร์ตห่อหุ้มไว้และหายตัวไปก่อนที่เบลดจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ทัน
[TL:อย่าถามคนแปลว่าทางขวาที่น่าจะสลบไปแล้วมาได้ยังไงเพราะคนแปลก็งงเหมือนกัน]