ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 26 สะพานสูงไม่อาจประคอง-2
บทที่ 26 สะพานสูงไม่อาจประคอง-2
หัวเมืองรัฐติง ในอาคารกรมสอบสวน
หลิวรุ่ยอิ่งหลับตาขัดสมาธินั่งเงียบอยู่บนเตียง
แม้เขาจัดท่าทางในการฝึกตนแล้ว แต่กลับไม่ได้รวมลมปราณเคลื่อนกำลังภายใน
หลิวรุ่ยอิ่งตัดสินใจเริ่มจากพื้นฐาน สร้างระบบฝึกตนของเขาใหม่
เพียงเห็นเขาเบิกตากะทันหัน พลันกระโดดลงจากเตียง ยืนสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะในห้อง
สองเข่าโค้งงอ สะโพกนั่งลง เอวและหลังตั้งตรง สองแขนยกเสมอกัน
เขาจัดท่ายืนควบม้าตามมาตรฐานราวกับศิษย์ที่เพิ่งเข้าสู่เขตแดนแห่งวิถียุทธ์
กำจัดความคิดเกี่ยวกับตนเอง เมื่อรวบรวมสมาธิแล้วความคิดก็ปลอดโปร่ง
“จี๊ดๆ…”
ไม่รู้เสียงหนูเคลื่อนไหว ‘แกรกๆ’ ดังลอดมาจากที่ใด ทำให้หลิวรุ่ยอิ่งเสียสมาธิทันที
“ในตำราบอกว่าผู้ฝึกยุทธ์มากความสามารถเห็นเขาไท่ซาน[1]พังทลาย ทะเลบูรพาแห้งขอดล้วนยืนนิ่งผึ่งผาย ยังคงสงบจิตใจไม่รู้โลกภายนอกทะเลเปลี่ยนเป็นนา[2]กี่ครั้ง แต่ข้ากลับถูกเสียงร้องของหนูตัวหนึ่งกวนจนจิตใจไม่สงบ คิดดูแล้วช่างน่าขันจริงๆ”
หลิวรุ่ยอิ่งถอนหายใจยาว ได้แต่เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
เขาตั้งจิตอยู่กับลมหายใจของตน พยายามทำให้ทุกลมหายใจลึก ยาว นิ่งและทั่วถึง ทุกลมหายใจล้วนสามารถเชื่อมลงไปได้จนถึงตันเถียน
ภายในตันเถียนค่อยๆ ปรากฏมวลพลังโกลาหลกลุ่มหนึ่ง
นี่เกิดจากการสะสมพลังบ่อเกิดฟ้าดินที่หลิวรุ่ยอิ่งรับเข้ามาระหว่างหายใจเมื่อครู่
แต่พลังโกลาหลนั้นยุ่งเหยิงไม่สมบูรณ์
หลิวรุ่ยอิ่งเคลื่อนย้ายอินหยางสองขั้วในกาย เข้าใกล้มวลพลังโกลาหลช้าๆ
เพียงเห็นอินหยางสองขั้วนี้เปลี่ยนเป็นแท่นโม่ครึ่งดำครึ่งขาวขนาดใหญ่มุ่งเข้าไปบดขยี้มวลพลังโกลาหลด้วยการควบคุมจากจิตของเขา
มวลพลังโกลาหลขั้นต้นไม่ได้สำแดงเดชหรือต่อต้านมากนัก
มันถูกแท่นโม่อินหยางบดละเอียดและรวมตัวใหม่ บดจนแหลกอีกครั้ง รวมตัวใหม่อีกหน
เป็นเช่นนี้ซ้ำๆ ไม่หยุด จนสุดท้ายกลั่นเป็นแก่นแท้ขนาดเท่าถั่วเหลืองเม็ดหนึ่ง
หลิวรุ่ยอิ่งแบฝ่ามือออก ปลายนิ้วมีความรู้สึกอุ่นร้อนชาไร้กำลัง
นิ้วชี้เหยียดพลัน ส่งพลังดุดันสายหนึ่งออกมาดับเทียนตรงหัวเตียง เหลือเพียงควันดำกลุ่มหนึ่ง
นี่ก็คือพลังภายนอก
ภายในกลั่นพลังและปลดปล่อยนอกกาย
ยิ่งพลังภายนอกบริสุทธิ์ทรงอานุภาพเท่าไร ก็ยิ่งสร้างกำลังสังหารได้มากขึ้นเท่านั้น
แต่พลังภายนอกที่หลิวรุ่ยอิ่งโจมตีก่อนหน้านี้ไม่มีคุณสมบัติพิเศษใดๆ
เมื่อทำเช่นนี้ได้แล้ว ก็ถือว่าบรรลุการฝึกตนขั้นพื้นฐาน
หลิวรุ่ยอิ่งฝึกฝนจุดลมปราณในกายตนที่เปิดแล้วทั้งหมดอีกครั้ง แต่เขารู้ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือจิตใจของตนเอง
สาเหตุที่คนไม่อาจทำตามความตั้งใจเดิมได้อย่างแน่วแน่ก็เพราะมีความคิดฟุ้งซ่านมากเกินไป
และในบรรดาความคิดฟุ้งซ่านยังเน้นสิ่งของเป็นสำคัญ
เสื้อผ้าหรูหรา นาดีเรือนงาม หญิงโฉมสะคราญ เล่นพนันดื่มสุราในคืนฤดูใบไม้ผลิ
สิ่งล้ำค่าฟุ่มเฟือยเหล่านี้ส่งวีรบุรุษจากไปไม่รู้เท่าไร สุดท้ายล้วนกลายเป็นดินเหลืองกอบหนึ่ง
ทว่าตั้งแต่เด็กจนเฒ่า คนเราเคยได้อยู่สงบสักช่วงเสียเมื่อไร
คนทั่วไปแค่แต่งภรรยามีบุตร เกิดแก่เจ็บตาย แต่ก็วนเวียนไม่รู้จบ ทุกวันทุกปีเป็นทุกข์ไม่สิ้นสุด
ดังนั้นลำพังการอยากหยุดความคิดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้แล้ว
เล่ากันว่าเคยมีคนประหลาดคนหนึ่ง
เขารู้สึกในโลกมีสิ่งล่อใจเยอะเกินไปโดยแท้จริง และตนก็ไม่ใช่คนที่หักห้ามใจได้
ตอนกลางวันไปข้างนอกเขาก็จะจ้องมองสตรีหน้าตาสะสวยเหล่านั้นตาไม่กะพริบ
เขาจึงแทงดวงตาของตัวเองบอด
ตอนกลางคืนอยู่บ้านเขาก็อดชวนพวกพ้องมาเล่นพนันจนรุ่งสางไม่ได้
ดังนั้น เขาจึงหั่นสองมือของตัวเอง
แต่เขาก็ยังพูดพล่ามกับบ้านใกล้เรือนเคียงไม่หยุด
สุดท้ายเขาตัดลิ้นของตัวเองแล้วก็เย็บปาก
ดังนั้นผ่านไปไม่นานเขาก็หิวตาย
เห็นได้ว่าความอยากของคนผู้นี้ไม่อาจทำลาย
หรือต้องบอกว่า ความอยากของคนไม่อาจทำลายให้หมดสิ้น
แล้วความเกลียดชังที่เขาหลิวรุ่ยอิ่งแบกไว้จะไม่ใช่ความปรารถนาอย่างหนึ่งได้อย่างไร
แต่มันกลับเป็นยาเร่งชั้นยอดสำหรับการเติบโตก้าวหน้าของเขาในตอนนี้
หลิวรุ่ยอิ่งชงชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง น้ำชาขุ่นเล็กน้อย
คุณสมบัติชาเหมือนกับคน
จิตใจปลอดโปร่ง น้ำชาก็ใส
ความคิดฟุ้งซ่าน น้ำชาก็ขุ่น
หลิวรุ่ยอิ่งเทน้ำชาในถ้วยลงพื้น เริ่มชงชาไม่หยุด
เขาไม่ได้ทำตามลำดับสิบสามขั้นตอนวิถีแห่งชา
เพียงหยิบชา แช่ชาและสังเกตการณ์อย่างเรียบง่าย
เขาไม่รู้เหมือนกันว่านี่เป็นถ้วยที่เท่าไร แต่เมื่อใบชาที่ลอยอยู่บนผิวจมสู่ก้นถ้วยอย่างช้าๆ น้ำชาใสชัดดุจอำพัน ไม่เจือมลทินแม้แต่น้อย
จิตใจผ่องใส ลมหายใจเรียบนิ่ง
เหมือนปลาในทะเลสาบหน้าหนาว ทั้งคล้ายงูและหนอนก่อนช่วงตื่นจำศีล
เมฆควันแผ่คลุมภายใน อิสระไร้กฎเกณฑ์ การสัมผัสรับรู้ยอดเยี่ยมไร้จุดจบ
หลิวรุ่ยอิ่งเข้าสู่เขตแดนเทพเจ้าแห่งสวรรค์บางประการ
ทุกสิ่งภายนอกล้วนไม่เกี่ยวกับเขา
เขาจมจ่อมอยู่ในโลกอีกใบหนึ่งของตน
หลิวรุ่ยอิ่งเริ่มจู่โจมจุดลมปราณที่ยังไม่เปิดของตนในพื้นที่ว่างเปล่าอันจริงแท้และลวงตา
เลขฟ้า[3]ยี่สิบห้า
เลขดิน[4]สามสิบพอดี
รวมเข้าด้วยกันก็เป็นจุดลมปราณห้าสิบห้าตำแหน่งทั่วกาย
จุดลมปราณห้าสิบห้าตำแหน่งนี้ประสานทั่วถึง ผันแปรเหลือหลาย ไม่อาจคาดเดา
หลิวรุ่ยอิ่งรู้สึกอินหยางสองขั้วกำลังส่งพลังช่วยเขาทะลวงจุดไม่ขาดสาย และภายในตันเถียนยิ่งกลิ้งกลอกวกวน กระจุกตัวรวมกัน
จิตของหลิวรุ่ยอิ่งจดจ่ออยู่ภายในกายตนทั้งหมด
รูปสรรพสิ่ง ดินแดนโลกหล้าภายนอกเป็นอย่างไรในใจเขาล้วนไม่รับรู้และมองไม่เห็น
ทันใดนั้น หลิวรุ่ยอิ่งได้ยินเสียงดังข้างหูตนเอง คล้ายเสียงฟ้าร้องกระนั้น
อินหยางสองขั้วก่อเกิดพลังหยางแท้เต็มกำลังโดยไม่อาจควบคุม
พลังหยางแท้ไหลตามจุดรวมประสาทเตรียมกระจายสู่โครงกระดูกนับร้อยในแขนขาทั้งสี่ หลิวรุ่ยอิ่งรีบส่งจิตขั้นสูงออกมาควบคุมมันไว้ ให้มันข้ามผ่านสองรูตรงปลายกระดูกก้นกบ
หลิวรุ่ยอิ่งเห็นมันขึ้นมาถึงกระดูกสันหลัง ในใจอดเบิกบานไม่ได้
เมื่อจิตใจสั่นไหว ภายในย่อมปั่นป่วนอย่างไม่อาจเลี่ยง
หลิวรุ่ยอิ่งนึกถึงชาที่ตนชงก่อนหน้านี้ทันที ยืมสิ่งนี้คงเสถียรภาพ
จากนั้นพลังหยางแท้กลุ่มนี้ไล่ตามบนกระดูกสันหลังมาจุดอวี้เจิ่น[5]หลังศีรษะ จนถึงจุดคุนหลุน[6]แล้วหลิวรุ่ยอิ่งถึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ
เขาได้สติเล็กน้อย หยางแท้ส่งลงเขาคุนหลุน ทอดรับเข้าสู่ตำหนักเหลือง[7]
หลิวรุ่ยอิ่งรู้สึกหัวใจตนมีของเหลวไหลหยด มันปะทะเข้ากับชี่ไตที่พุ่งขึ้นมาพอดี
สองสิ่งผสานแล้วกลายเป็นอวี้จิง
เขาหลอมอวี้จิงเป็นกระบี่ ทั้งดึงพลังจากตำหนักเหลืองมาช่วยอีกแรง
อวี้จิงป้องกันหยางแท้ หยางแท้คุ้มครองอวี้จิง
สองสิ่งต่างส่งเสริมพึ่งพาอาศัย ทะลวงไปยังจุดลมปราณที่ยี่สิบสี่นั้นเต็มแรง
แม้คนนอกไม่เห็นกระบี่นี้ แต่ภายในช่องเล็กกลับน่าประหวั่นพรั่นใจอย่างยิ่ง
ข่าน[8]น้ำหลี[9]ไฟผนึกรวม นำมาซึ่งอานุภาพมหาศาล ฟ้าลั่นครั่นครืนด้วยพลังพลิกม้วนแม่น้ำจักรพรรดิ
หลิวรุ่ยอิ่งใช้ความรู้สึกทว่าลืมความรู้สึก ปรับตัวตามสภาวการณ์ทว่าต่อต้านในที
ทั้งที่กายนั่งในห้องแคบเล็ก อยู่ท่ามกลางโลกหล้า แต่กลับเดินท่องรอบโลกา จิตอยู่เหนือสรรพสิ่ง
ในยามนี้เอง หลิวรุ่ยอิ่งความคิดแล่นพลัน
เขาเปลี่ยนทิศปลายกระบี่ มุ่งสังหารจุดอื่น
รอบตัวปรากฏจุดแสงยี่สิบแปดตำแหน่งทันใด นี่ก็คือจุดในระบบที่ตาเฒ่าเยี่ยกล่าวถึง
มีตำหนักเหลืองเป็นศูนย์กลาง ยี่สิบแปดจุดในระบบแบ่งตามสี่เขตใหญ่ในร่างกาย
หลิวรุ่ยอิ่งใช้กระบี่
จุดในระบบแขนขวาสังกัดเสือขาว[10]ตามลำดับ ขุย โหลว เว่ย เหม่า ปี้ จือ ชาน[11]
ในนั้นจุดเหม่าควบคุมความดุร้าย จุดปี้ควบคุมนิสัยใจคอ
เขาคิดเล็กน้อย
กระบี่หยางแท้อวี้จิงก็พุ่งโจมตีจุดเหม่า
แรงต้านอันแข็งแกร่งทำให้พลังหยางแท้อ่อนกำลังต่อเนื่อง กระบี่อวี้จิงก็ทำท่าจะร่วงหล่น
หลิวรุ่ยอิ่งขบกรามแน่น ลิ้นดันเพดานปาก
บีบเอาเลือดหัวใจหยดหนึ่งออกมาเต็มแรง
เลือดและจิงผสานเข้ากระบี่อวี้จิง ฉับพลันแสงสว่างโชติช่วง
พลังหยางแท้ก็รวมตัวกันใหม่ บุกสังหารอีกครั้ง
แนวรบของจุดในระบบทยอยถอยร่น
ระหว่างตรงนี้ลดตรงนั้นเพิ่ม ก็เหลือแค่สิ่งกีดขวางบางๆ เหมือนใบพัดชั้นหนึ่ง
‘เพล้ง!’
หลิวรุ่ยอิ่งเหมือนถูกสองยอดแหลมแทงหู ขวดเงิน[12]ในกะโหลกแตกเป็นเสี่ยง
จุดในระบบตามลำดับเสือขาว
จุดเหม่าแห่งความดุร้าย
ถูกเขาตีแตกแล้ว
พอมองอีกครั้ง กระบี่อวี้จิงนั่นยังอยู่
เพียงแต่ตัวกระบี่ชำรุดหนัก ด้ามกระบี่ก็แตกละเอียด
หลิวรุ่ยอิ่งคิดครู่หนึ่ง เขาไม่ได้หลอมมันอีกครั้ง แต่เก็บมันเข้ารักษาภายในตำหนักเหลือง
คำพูดรอบเดียวของตาเฒ่าเยี่ยนำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่หลิวรุ่ยอิ่ง
ไม่ว่าต่อไปทั้งสองจะพบกันแบบใด ผลกรรมระหว่างนี้ได้ผูกเงื่อนไว้แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ผลกรรมต่างกันย่อมนำมาซึ่งโชคชะตาที่แตกต่าง
หลักสามัญว่าไว้ ‘กรรมย่อมตามทัน เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา’
นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่เด็กสามขวบยังจำได้ขึ้นใจ
หิวแล้วกินข้าว ง่วงแล้วนอน
สรรพสิ่งในโลกล้วนมีระบบของมันซึ่งร้อยเรียงเชื่อมโยงระหว่างกัน
ระบบเช่นนี้ถูกเรียกว่าผลกรรม
คำสาบานที่หลิวรุ่ยอิ่งให้หยวนเจี๋ย รวมถึงความเกลียดชังที่หยวนเจี๋ยมีต่อหลิวรุ่ยอิ่ง
ก็เป็นผลกรรมเช่นกัน
แต่มีคนคนหนึ่ง
บางทีเขาอาจเรียกสิ่งนั้นว่า ‘คน’ ไม่ได้
‘เขา’ เป็นกรณีพิเศษ
เพราะ ‘เขา’ ไม่มีอดีต และไม่มีอนาคตใด
ไม่มีใครรู้ว่า ‘เขา’ ปรากฏได้อย่างไร มาด้วยเหตุใด
ทั้งไม่แน่ชัดในเป้าหมายและทิศทางของเขา
‘เขา’ ไม่มีผลกรรมใด แต่กลับสามารถเชื่อมโยงกับผู้คนทั้งหลายได้
‘เขา’ รู้ทุกสิ่งบนยุทธภพ ในแผ่นดินใหญ่ จนถึงความลับนอกทะเลที่ไม่มีใครรู้
‘เขา’ สามารถหลีกลี้สิบสองชั่วยาม คล้ายไม่มีวันแก่ชรา
ในตำราหลายร้อยปีก่อนก็เคยปรากฏบันทึกที่เกี่ยวข้องกับ ‘เขา’
ขอเพียงปรากฏตัว ‘เขา’ จะเกาะติดดุจผีร้าย
เรียกร้องและทำสัญญาไม่หยุดหย่อน จนทำให้ผู้ถูกจับจ้องจมสู่เหวลึกทีละก้าว ค่อยๆ กลายเป็นหุ่นเชิดของ ‘เขา’
มีคนบอกว่า ‘เขา’ คือรูปธรรมของผลกรรม
ความปรารถนาสุดแรงกล้าในใจเป็นตัวเรียกหา ‘เขา’
กำเนิดจากช่องว่าง ฟื้นคืนจากความนิ่งงัน
เปิดเผยคำลวงที่เจ้าไม่อยากให้คนรับรู้มากที่สุด เปิดเผยจุดอ่อนที่เจ้ายอมตายเพื่อปกป้อง
การดำรงอยู่ของ ‘เขา’ คล้ายมีเพื่อขูดเกล็ดใต้คอ[13]ของเจ้าทิ้ง ชี้ขาดผลกรรมทั้งมวล
………………………..
ยามนี้
‘เขา’ อยู่นอกหัวเมืองรัฐติง
ยืนอยู่ระหว่างฮั่ววั่งกับหลี่อวิ้น
สวมเสื้อคลุมยาวตัวหนึ่งส่วนคอประดับด้วยขนนกยูง
ตรงชายเสื้อตัวบนสีเขียวครามผูกปมเชือกหลากสีสัน
กางเกงสีเขียวขุ่น บริเวณข้อเท้าสองข้างล้วนใส่ห่วงทองแดงไว้อันหนึ่ง
ไม่ได้สวมรองเท้า
หมวกน่าขันใบนั้นเทียบกับศีรษะของ ‘เขา’ แล้วคับเกินไปหน่อยอย่างชัดเจน ครอบยอดศีรษะได้นิดเดียวเท่านั้น
“แม่นางน้อย ไม่ต้องกลัวๆ! เดี๋ยวข้าคุ้มครองเจ้าเอง!”
‘เขา’ พูดกับหลี่อวิ้น
“เจ้าหิวหรือไม่ อยากกินอะไร ข้าเลี้ยงขนมก้อนน้ำตาลเจ้าดีหรือไม่
หลี่อวิ้นถอยหลังหลายก้าวตามสัญชาตญาณ แม้คำที่เขาพูดก่อนหน้านี้คล้ายมาหาเรื่องฮั่ววั่ง แต่ตนหาใช่ญาติสนิทมิตรสหายของเขาไม่ ‘เขา’ ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ใจตนเกินเหตุเช่นนี้
“มาๆๆ กินตอนร้อน!”
‘เขา’ เอี้ยวตัวเล็กน้อย หลี่อวิ้นถึงได้เห็นว่าเขาแบกแจกันมหึมาอันหนึ่งไว้ด้านหลัง
แจกันขาวบริสุทธิ์ทั้งใบ ราวแกะสลักด้วยหยกมันแพะ
‘เขา’ กอดแจกันไว้ ยื่นแขนทั้งแขนเข้าในปากแจกัน
คล้ายกำลังล้วงของบางอย่างในท้องแจกัน
ชั่วพริบตา ขนมก้อนน้ำตาลทอดใหม่สดๆ ร้อนๆ กรอบร่วนน่ารับประทานจานหนึ่งก็วางอยู่ตรงหน้า
หลี่อวิ้นกัดปลายลิ้น นึกว่าตัวเองถูกวิชาลวงตา
“รีบกินสิ ไม่น่ากินหรอกหรือ”
‘เขา’ ยื่นจานใส่ขนมก้อนน้ำตาลเข้ามาใกล้ตรงหน้าหลี่อวิ้นอีก
หลี่อวิ้นได้กลิ่นหอมลอดเข้าจมูก ไม่อาจถอนตัวอยู่ชั่วขณะ
“นักเชิดหุ่นปิศาจ…เจ้ามาหาข้าด้วยเหตุใด!”
ฮั่ววั่งเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นเครือ
…………………………………………..
[1] เขาไท่ซาน คนโบราณใช้กล่าวถึงภูเขาสูง
[2] ทะเลเปลี่ยนเป็นนา หมายถึงโลกเกิดวิบัติทุกสิ่งกลับตาลปัตร
[3] เลขฟ้า หมายถึงเลขคี่ หนึ่ง สาม ห้า เจ็ด เก้า รวมกันได้ยี่สิบห้า
[4] เลขดิน หมายถึงเลขคู่ สอง สี่ หก แปด สิบ รวมกันได้สามสิบ
[5] จุดอวี้เจิ่น อยู่บนกระดูกท้ายทอย
[6] จุดคุนหลุน คุนหลุนคือชื่อภูเขาทางตะวันตกของจีน จุดนี้อยู่ข้างนอกตาตุ่ม
[7] ตำหนักเหลือง หมายถึงตันเถียนล่าง
[8] ข่าน หรือขั้ม ทิศเหนือในยันต์แปดทิศ ตำแหน่งน้ำ
[9] หลี หรือลี้ ทิศใต้ในยันต์แปดทิศ ตำแหน่งไฟ
[10] เสือขาว สัตว์เทพประจำทิศตะวันตก ทั้งสี่ทิศต่างมีกลุ่มดาวในสังกัดเจ็ดกลุ่ม รวมกันได้ทั้งหมดยี่สิบแปดกลุ่มดาว
[11] ขุย โหลว เว่ย เหม่า ปี้ จือ ชาน เจ็ดกลุ่มดาวทางทิศตะวันตก
[12] ขวดเงิน ในที่นี้สื่อถึงเสียงแตกกระจาย
[13] เกล็ดใต้คอ ใต้คอมังกรมีเกล็ดขึ้นสวนแนวกับเกล็ดอื่นบนกาย หากใครแตะบริเวณนี้มังกรจะโกรธจัด เปรียบเปรยถึงของรักของหวง เรื่องที่ไม่ต้องการให้เอ่ยถึงหรือขอบเขตที่ห้ามรุกล้ำ