CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 28 ลมแรงฝนกระหน่ำ

  1. Home
  2. ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา
  3. บทที่ 28 ลมแรงฝนกระหน่ำ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 28 ลมแรงฝนกระหน่ำ

ในวังติ้งซีอ๋อง

ทัพอีกาดำเจ็ดพันนายเตรียมสัมภาระพร้อมเดินทาง

ทั้งหมดเป็นม้าดำ ชุดดำ เกราะดำ ดาบดำ

ธงใหญ่ที่เขียน ‘ติ้งซีอ๋อง’ ด้วยอักษรดำพื้นหลังแดงผืนหนึ่งอยู่ด้านหน้า

ธงใหญ่ที่เขียน ‘อีกาดำ’ ด้วยอักษรดำพื้นหลังแดงอีกผืนอยู่ด้านหลัง

ธงชัยสองผืนรับสายฝนไหวๆ

ลมพัดใต้กีบม้าพันธุ์ดีแปดพันตัว

ทหารเจ็ดพันนายล้วนเข้าคู่กับหมวกเกราะหางหมาป่า

กายแบกหน้าไม้ ดาบม้า[1]อยู่ในมือ

ทั้งตัวส่งกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ยังมีไอสังหารควบอีกชั้นหนึ่ง

เจ็ดพันคนนี้ยืนตระหง่านอยู่หน้าพระตำหนักวังอ๋องดุจรูปสลักเจ็ดพันชิ้น

ทั้งยังเหมือนยมราชเจ็ดพันคนกำลังรอสังหารและเก็บเกี่ยว

ทัพอีกาดำนอกจากฮั่ววั่งที่เป็นผู้บัญชาการเพียงหนึ่งเดียวก็ไม่มีเจ้าหน้าที่การทหารใดอีก

พวกเขาเชื่อฟังแต่ผู้แข็งแกร่ง ไม่ยอมรับตำแหน่งขุนนาง

นายทหารผู้ยืนอยู่หน้ากองทัพในตอนนี้คือคนที่ฆ่าศัตรูมากที่สุดหลังทัพอีกาดำออกศึกคราวก่อน

แต่ออกศึกครานี้ ชัยชนะจะเป็นของใครยังไม่อาจล่วงรู้

เขากวาดมองใบหน้าของทหารทัพอีกาดำทุกนายด้วยสายตาเคร่งขรึม

พวกเขาหนีบหมวกเกราะไว้ใต้รักแร้ซ้าย ปล่อยให้น้ำฝนไหลบนหน้าตามใจอยาก ทว่าไม่กะพริบตาสักหน

เขาดึงดาบม้าที่เอวออกมาชี้ไปทางรัฐติง

“ดาบเผยคมเสี้ยมออกจากฝัก สาบานจะฆ่าทหารหมาป่าปกป้องแคว้น”

“ฆ่า!”

เพียงประโยคเดียว ทัพอีกาดำก็เหมือนกองฟืนแห้งถูกจุดไฟ

แสงไฟที่พุ่งขึ้นสามารถย้อมท้องฟ้าเมืองติ้งซีอ๋องเป็นสีแดงได้ทั้งผืน เสียงตะโกนบุกอันห้าวหาญเด็ดเดี่ยวสั่นสะเทือนฝันหวานของคนทั้งหลาย

จากนั้น ทหารเจ็ดพันนายฟาดเกราะไหล่ซ้ายด้วยดาบศึกในมือ

โลหะตัดกัน พลันเกิดประกายไฟเจิดจ้า งดงามหาใดเปรียบ

ต่อมาก็ชูหมวกเกราะที่หนีบอยู่ใต้รักแร้ขึ้นสูงเหมือนนายทหารหน้าทัพผู้นั้น ดึงหางหมาป่าทิ้ง และจ่อตรงปาก

เหล้าแรงสีแดงโลหิตทะลักออกจากในนั้น เหล่าทหารดื่มทีละอึกใหญ่ ไม่กลัวเผ็ดคาวแม้แต่น้อย

เหล้าเลือดหมาป่านี้กลั่นด้วยเลือดของทหารหมาป่าที่พวกเขาฆ่าตายบนสนามรบ

ทุกคำ ล้วนกลืนเอาความคิดถึงต่อสหายร่วมรบที่ตายไป

ทุกคำ ล้วนกลืนเอาความโกรธเกลียดต่อราชสำนักทุ่งหญ้า

ทุกคำ ล้วนเพิ่มกล้าหาญไม่กลัวตายเข้าไปด้วย

เมื่อคนทั้งหลายดื่มเสร็จ ทหารที่เป็นหัวหน้าเปลี่ยนทิศหัวม้า

“ออกศึก!”

ทัพอีกาดำเคลื่อนไหวแล้ว

เปลี่ยนจากรูปสลักเป็นกระแสน้ำสีดำ

ม้าก้าวเท้าพร้อมเพรียง รูปร่างคล้ายเมฆครึ้มสีหมึกมุ่งหน้าไปทางรัฐติง

กลางคืนดึกดื่น

แต่เพื่อนบ้านตามทางตกใจตื่นมานานแล้วเพราะเสียงร้องบุกสังหารตอนทัพอีกาดำปฏิญาณตนออกศึกก่อนหน้านี้ ตอนนี้ทยอยจุดตะเกียงเปิดหน้าต่าง ส่องทางให้ทัพอีกาดำ

ทั้งเมืองติ้งซีอ๋องแสงไฟเจิดจ้าในพริบตา สว่างเหมือนกลางวัน

ยังมีคนโผล่ออกมา ถึงขั้นคุกเข่าคำนับอยู่ในหน้าต่างไม่ยอมลุกเป็นนาน

ชาวบ้านเคารพพวกเขา เคารพที่พวกเขารบอย่างห้าวหาญบนสนามรบนองเลือด

ชาวบ้านรักพวกเขา รักที่พวกเขาคุ้มครองแว่นแคว้นให้สงบสุขถ้วนทั่ว

เริ่นหยางตามอยู่ด้านหลังทัพอีกาดำ

ใช่ว่าเขาเลือดเย็น เพียงแต่เขาละทิ้งความรู้สึกเช่นนี้ไปตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว

เขาไม่ได้ขี่ม้า หลานชายยังหลับปุ๋ยในกล่องที่มัดด้วยกระบี่ตกปลา

ฝีเท้าดูเหมือนเชื่องช้า ทว่าไม่ตกถึงพื้นเลยสักนิด

………………………..

ในหัวเมืองรัฐติง

ประตูเมืองปิดนานแล้ว

ฮั่ววั่งอยู่ชิดกำแพงเมือง เขาปีนขึ้นบันไดในหนึ่งกระบวนท่า แต่ข้ามป้อมประตูเมืองอันสูงตระหง่านได้อย่างมั่นคง กระทั่งคบเพลิงของทหารรักษาการณ์ยังไม่สั่นไหวสักนิด

เข้าในหัวเมืองรัฐติงแล้ว เขาไม่มีทางกลับไปจวนทังหมิงเด็ดขาด

ตอนนี้เขาเพิ่งถอนพิษร้าย พลังกายอ่อนแอยิ่ง ต้องรีบพักรักษาตัว จึงสุ่มหาห้องว่างในโรงเตี๊ยมสักแห่งแล้วปีนเข้าไป

จะว่าไปก็บังเอิญ ห้องนี้เป็นห้องที่สืออีเฟิงเข้าพักหลังจากหลิวรุ่ยอิ่งมาถึงหัวเมืองรัฐติงในตอนแรกพอดี

ภายหลังเกิดคดีฆาตกรรม เจ้าของมองว่าห้องนี้โชคร้าย จึงแปะกระดาษปิดไว้และไม่มีคนพักอีก

ฮั่ววั่งที่ปลายดาบเปื้อนเลือดทุกวันไหนเลยจะสนใจเรื่องนี้

ต้องทราบว่าไม่นานก่อนหน้านี้ในมือเขาเพิ่มมาอีกสิบสองชีวิต

พอฮั่ววั่งเข้าห้องก็นั่งขัดสมาธิ

เขาควานหยิบถุงหอมใบหนึ่งออกจากสาบเสื้อ ในนั้นใส่ตันอสูรสีน้ำตาลไว้เม็ดหนึ่ง

ที่จริงนอกจากเขตห้าอ๋องในใต้หล้าแล้ว ยังมีอำนาจกลุ่มอื่นอยู่มากมาย

อย่างเช่น ราชสำนักทุ่งหญ้า ฐานเมฆาทะเลบูรพา สำนักปากสอบและอื่นๆ ยังมีชนเผ่าป่าเถื่อนแห่งทะเลทรายตอนใต้ด้วย

แต่อำนาจเหล่านี้ล้วนเป็นของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งสิ้น

นอกจากมนุษย์แล้ว บนแผ่นดินยังมีเก้าเขตหวงห้ามใหญ่

เป็นการมีอยู่ที่อ๋องทั้งห้ารวมถึงหมิงเย่าหลางอ๋องและคนอื่นๆ ไม่อยากไปหาเรื่อง

เก้าภูเขา

เขาประจัญ เขาโยธิน เขาสูริ เขาสรรพางค์ เขาสรรพจิต เขาพยุหะ เขาเรียงรัน เขายาตรา เขาพุทธะ

เดิมทีเป็นแค่ภูเขาธรรมดาเก้าลูก

แต่ในวันสุดท้ายของยุคราชวงศ์

เซียนกระบี่ดาราผู้นั้นใช้กระบี่เรียกดาวตกเก้าดวงมาจากนอกแดน มันปะทะเข้าใจกลางภูเขาเก้าลูกในใต้หล้านี้

นับแต่นั้นมา เหล่าสัตว์ป่าในภูเขาก็เกิดความผิดปกติ

จากตอนแรกเข้าใจความเป็นมนุษย์ จนฝึกตนได้ แล้วมากลายร่างเป็นมนุษย์ในปัจจุบัน

ทุกย่างก้าวล้วนเหลือเชื่อเกินจริง

อ๋องทั้งห้าก็เคยหารือเรื่องนี้หลายครั้ง ต่างเห็นตรงกันว่าอุกกาบาตที่หล่นลงมาจากนอกแดนวันนั้นมีพลังเซียนประหลาดแฝงอยู่ ทำให้สัตว์ป่ากินเนื้อดิบเหล่านี้เบิกสติสัมปชัญญะและกลายเป็นอสูรในชั่วข้ามคืน

ด้านการฝึกตนพวกอสูรเหล่านี้เรียกได้ว่าพัฒนาก้าวกระโดด

เพราะเส้นลมปราณของพวกมันใหญ่และแข็งแกร่ง โครงกระดูกแข็งแรง สามารถแบกรับน้ำหนักที่คนไม่อาจแบกรับได้

เนื่องว่ากลางป่าเขาที่พวกมันเคยล่าสัตว์ประทังชีวิตมาอย่างยาวนานและมีแต่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่รอดนั้นไม่ปลอดภัยสักชั่วเวลา พวกมันจึงสร้างอวัยวะสัมผัสอันว่องไวรวมถึงทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมขึ้นอีก

ที่น่ากลัวกว่านั้น เมื่ออสูรบางส่วนกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว พวกมันยังเก็บรักษาพรสวรรค์ตอนอยู่ในร่างสัตว์ก่อนหน้านี้ไว้ได้ด้วย

อย่างเช่น สายตาของอินทรี ความเร็วของเสือดาว ความเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอก พิษร้ายของงู

แรกเริ่มคนยินดีกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง

เพราะสัตว์ที่มีความเป็นมนุษย์ช่างเหมือนเสือติดปีก สามารถบรรลุงานที่ผู้คนไม่อยากไปทำได้มากมาย

แต่เมื่อสติสัมปชัญญะค่อยๆ เปิดออกทีละขั้น พวกมันไม่ยอมตนอีกต่อไป มนุษย์จึงใช้วิถีนองเลือดปราบปรามพวกสัตว์ที่บังอาจต่อต้าน

การปราบปรามครั้งนี้คือจุดเปลี่ยนของมนุษย์และอสูร

ผู้คนพบว่าตันอสูรชนิดหนึ่งสามารถก่อตัวในร่างอสูรได้

อสูรต่างชนิดตันอสูรของมันก็มีผลต่อมนุษย์แตกต่างกัน

บางอันเสริมเลือดและปราณได้ บางอันสามารถชำระล้างพลังห้าธาตุ บางอันถึงขั้นทำให้มนุษย์เลียนแบบสัตว์ เรียนรู้เคล็ดลับพรสวรรค์ของพวกอสูรได้

ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งใต้หล้าจึงบ้าคลั่ง เริ่มเข้าไปฆ่าอสูรในเก้าภูเขากันยกใหญ่

เขตอ๋องทั้งห้านอกจากฉิงจงอ๋องก็เป็นเช่นนี้ ฮั่ววั่งยังเคยนำทัพอีกาดำบุกสังหารกลางเขาเรียงรันที่ตั้งอยู่เขตติ้งซีอ๋องด้วยตนเอง

เมื่อเห็นว่าเผชิญวิกฤตฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เก้าอสูรที่ขั้นฝึกตนสูงสุดในนั้นรวมตัวเป็นพันธมิตรเก้ายอด เรียกให้บรรดาสัตว์ที่มีความเป็นมนุษย์ทั้งหลายมุ่งไปหลบภัยในส่วนลึกของเก้าภูเขาเพื่อเก็บรักษาเชื้อไฟ

ส่วนเหล่ามนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์ก็แค่เหิมเกริมล่าสัตว์รอบนอกเก้าภูเขาแล้วทยอยล้มเลิก เพราะเขตห้าอ๋องแบ่งอำนาจทั้งหมดในเก้าภูเขาใหม่อีกครั้ง

ในนั้นเขายาตรากับเขาเรียงรันเป็นของเขตติ้งซีอ๋อง เขาประจัญกับเขาพยุหะเป็นของเขตเจิ้นเป่ยอ๋อง เขาโยธิน เขาสูริ เขาสรรพางค์เป็นของเขตอันตงอ๋อง เขาสรรพจิตและเขาพุทธะเป็นของเขตผิงหนานอ๋อง

ด้วยว่าแบ่งตามตำแหน่งภูมิศาสตร์ เขตฉิงจงอ๋องจึงไม่มีเก้าภูเขาตั้งอยู่ แต่ตันอสูรที่อ๋องอีกสี่พระองค์ได้มาต้องซื้อขายแลกเปลี่ยนในเมืองหลวงของเขตฉิงจงอ๋องทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น เพื่อป้องกันคนกักตุนสินค้าหรือทำการฆ่าไก่เอาไข่

แต่สิ่งที่ทำให้คนนึกไม่ถึง นั่นคืออสูรที่ซ่อนตัวอยู่ส่วนลึกของเก้าภูเขาต่างจดจำภัยแห่งการล้างบางและความแค้นที่ญาติมิตรถูกสังหารได้ตลอดเวลา

ไม่ถึงสิบปี ด้วยการเรียกรวมตัวจากเก้าอสูรพันธมิตรเก้ายอด พวกมันเริ่มตีโต้มนุษย์เป็นการใหญ่ ประกาศสงครามกับเขตอ๋องทั้งสี่พร้อมกัน

ครั้งนี้ มนุษย์เสียหายยับเยินเพราะเกิดเหตุโดยไม่ทันตั้งตัว ถูกบีบให้ถอยออกจากเขตแดนเก้าภูเขา

สุดท้าย ฉิงจงอ๋องผู้ไม่ได้เข้าร่วมการรบราเพียงคนเดียวออกหน้าไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง อยากลงนามข้อตกลงกับเหล่าอสูรในภูเขาทั้งเก้า

แต่เก้าอสูรแห่งพันธมิตรเก้ายอดกลับไม่เชื่อใจมนุษย์คนใดทั้งสิ้น ดีที่หลังจากชิงอาณาเขตเก้าภูเขากลับไปแล้ว เหล่าอสูรก็หาได้รุกคืบโจมตีเขตแดนมนุษย์ไม่ เรื่องราวจึงจบเพียงเท่านี้

ต่อมาเก้าอสูรแห่งพันธมิตรเก้ายอดกลายเป็นเจ้าหุบเขาทั้งเก้า พวกเขามีชีวิตยืนยาวกว่ามนุษย์มากนัก

ความเกลียดชังก็ค่อยๆ จางไปตามการชะล้างของวันเวลา

หนำซ้ำเหล่าอสูรในเก้าภูเขายังตระหนักได้ทีละนิดว่าพวกมันต้องการอยู่ร่วมโลกกับมนุษย์ และมนุษย์ก็ต้องการแหล่งวัตถุดิบต่างๆ ที่เหล่าอสูรมอบให้

สองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน

โดยทั่วไปขั้นสมบูรณ์ของอสูรที่บำเพ็ญตนมักอยู่ที่ประมาณสี่สิบถึงสี่สิบห้าปี การแบ่งขอบเขตของพวกเขาก็ไม่เหมือนกับมนุษย์

ก่อนสมบูรณ์ถูกเรียกว่าขั้นหนิงตัน เท่ากับขอบเขตปรมบุคคลของมนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์ เมื่อสมบูรณ์แล้วก็เข้าสู่ขั้นเฉิงตันได้เองอย่างไร้อุปสรรค ทั้งยังกลายร่างเป็นคนได้ ตอนนี้พอเทียบได้กับขอบเขตปรมบุคคลขั้นสูงสุดถึงบรมภูมิขั้นต้นของมนุษย์ สูงขึ้นอีกก็เป็นจอมปิศาจในระดับเยาตัน การฝึกตนนี้เท่ากับมนุษย์ขอบเขตบรมภูมิขั้นสูงสุด เจ้าหุบเขาทั้งเก้าล้วนอยู่ระดับนี้ยกเว้นเขาสูริ และเจ้าหุบเขาสูรินั้น เล่ากันว่าเขาก้าวสู่ระดับจินตันแล้ว เท่ากับเทพบริราชเก้าทวีปของมนุษย์

เมื่อถึงช่วงสมบูรณ์ เขาทั้งเก้าจะขับไล่คนที่โดดเด่นที่สุดออกจากภูเขา ให้พวกเขามุ่งหน้าไปแดนมนุษย์

รู้แจ้งในเรื่องทางโลก ฝึกฝนวิถีแห่งมนุษย์

ผ่านไปสามปีถึงกลับมาได้

หากภายในสามปีนี้ผู้ใดสูญเสียความตั้งใจเดิมในวิถีแห่งโลกมนุษย์หรือถูกฆ่าเพราะเสียรู้แผนชั่ว เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นโชคชะตา

นี่คือหนทางเดียวในการคัดผู้ด้อยกว่าทิ้งไป

ในเก้าภูเขา เหล่าอสูรยังคงไม่ละทิ้งการสืบทอดหลายชั่วอายุของพวกเขา

คลื่นใหญ่ซัดสาดเพื่อรักษากองกำลังยอดเยี่ยมที่สุดไว้และกำจัดผู้ถ่วงรั้ง

………………………..

“คุณหนู พวกเราเข้ารัฐติงแล้ว มุ่งหน้าไปอีกร้อยยี่สิบลี้ก็เป็นหัวเมืองรัฐติงแล้วเจ้าค่ะ!”

รถม้าตกแต่งประณีตเรียบง่ายคันหนึ่งวิ่งอยู่บนถนนอย่างช้าๆ

แม่นางน้อยแต่งตัวเป็นสาวใช้คนหนึ่งนั่งตัวตรงอยู่หน้ารถม้า

นางสวมหมวกสานใบหนึ่ง ผ้าโปร่งบางที่ห้อยลงมาทำให้คนมองเห็นหน้าไม่ชัด

เพียงเห็นนางขัดสมาธิข้างเดียว ขาอีกข้างกางอยู่บนแผ่นกั้นครึ่งหนึ่ง เท้าแกว่งไกวกลางอากาศ ดูแล้วทะเล้นยิ่ง

ข้างกายวางเกาลัดคั่วน้ำตาลไว้ถุงหนึ่ง โยนใส่ปากเม็ดแล้วเม็ดเล่า นางเคี้ยวเกาลัดคั่วน้ำตาล พูดกับคนในตัวรถด้านหลังไม่ชัดเจน

“เจ้ากินช้าหน่อย! รถม้าโคลงเคลง ระวังสำลักเอาละ”

เสียงนุ่มนวลสายหนึ่งทอดมาจากหลังตัวรถ ทำให้คนฟังแล้วพลันรู้สึกหูอ่อนระทวย

แม้น้ำเสียงเจือแววตำหนิ แต่กลับมีความเป็นห่วงมากกว่า

“ไม่เป็นไรๆ ข้าปากใหญ่จะตาย คอหอยก็กว้าง!”

สาวใช้โบกมืออย่างไม่ใสใจนัก ในมือยังกำเกาลัดคั่วน้ำตาลไว้อีกสองเม็ด

“เอาเถอะ เช่นนั้นต่อไปข้าก็เรียกเจ้าว่าเกาลัดคั่วน้ำตาลแล้วกัน! ดูมีเอกลักษณ์ดีด้วย”

ถึงไม่เห็นหน้าตาคนในตัวรถ แต่ก็รู้สึกได้ว่านางยิ้มไม่หยุด

แม้ทั้งสองเป็นนายบ่าว แต่ความสัมพันธ์นี้กลับต่างจากทั่วไป

ก็ไม่รู้ว่าสาวใช้ฟังแล้วดีใจหรือขุ่นเคือง นางฟาดฝ่ามือไปตรงก้นของม้าสีพุทราตัวหนึ่งที่ลากรถอยู่

“เสี่ยวหงวิ่งเร็ว! เกาลัดคั่วน้ำตาลของข้าจะกินหมดแล้ว เดี๋ยวถึงหัวเมืองรัฐติงข้าจะซื้อหัวไชเท้าที่สดใหม่ที่สุดให้เจ้ากิน!”

ม้าตัวนี้เหมือนฟังรู้เรื่อง เชิดหน้าแผดเสียงเป็นการตอบรับ จากนั้นก้มคอหยัดหลัง สี่กีบเริ่มห้อตะบึง แต่เทียบกับเมื่อครู่ตัวรถด้านหลังก็หาได้มีความรู้สึกโคลงเคลงเพิ่มขึ้นไม่

………………………………………….

[1] ดาบม้า ดาบยาวโค้งของทหารม้า

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 28 ลมแรงฝนกระหน่ำ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์