เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1021 เปลี่ยนที่คุมขังได้หรือไม่ + ตอนที่ 1022 คิดหาวิธี
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1021 เปลี่ยนที่คุมขังได้หรือไม่ + ตอนที่ 1022 คิดหาวิธี
ตอนที่ 1021 เปลี่ยนที่คุมขังได้หรือไม่ + ตอนที่ 1022 คิดหาวิธี
ตอนที่ 1021 เปลี่ยนที่คุมขังได้หรือไม่
หญิงสาวนางนั้นดูอายุเพียงยี่สิบกว่าปี รูปโฉมสวยหยาดเยิ้มเผยกลิ่นอายพราวเสน่ห์ ไม่ห่อไหล่และโค้งเอวอีกต่อไป นางที่ฉีกหน้ากากออกนอกจากเสื้อผ้าคนแก่ซึ่งไม่สะดุดตาแล้ว ทั่วร่างก็ไม่เห็นความแก่เฒ่าเลยสักนิด
นางมองเหล่าคนบนพื้น สายตามองผ่านบนร่างต้วนเยี่ยกับหนิงหลาง แล้วหยุดลงบนร่างเด็กหนุ่มชุดแดง “คนอื่นข้าไม่รู้ แต่คนนามเฟิ่งจิ่วผู้นี้ทำให้ข้ารู้สึกถึงอันตราย ระวังหน่อย มัดพวกเขาไว้ให้หมด แล้วส่งสัญญาณเรียกคนมาพาเจ้าพวกนี้กลับไป”
หญิงสาวทั้งสองได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่กล่าวอะไร ขานรับและมัดพวกเขาทั้งหมดไว้ ยามนี้หนึ่งคนในนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงถามว่า “สัตว์เลี้ยงตัวนั้นเล่า ทำไมไม่เห็นเลย?”
“เอ๋? หายไปจริงๆ ด้วย ก่อนหน้านี้ยังอยู่ตรงนี้เลย” หญิงสาวอีกคนมองไปรอบข้าง สัตว์เลี้ยงที่เดิมทีนอนอยู่ข้างๆ ยามนี้กลับไม่เห็นแล้ว
“ไม่ต้องไปสนใจสัตว์เลี้ยงนั่น ก็แค่อสูรน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น” หญิงคนที่แก่กว่าบอกพลางช่วยมัดพวกเขาไว้ รอจนคนของพวกนางมาถึง จึงค่อยพาพวกเฟิ่งจิ่วกลับไปยังฐานที่มั่นของพวกตน
ท่ามกลางค่ำคืน กลืนเมฆานอนหมอบมองภาพเช่นนี้อยู่ตรงพุ่มหญ้าไม่ไกล มองเจ้านายกับพวกต้วนเยี่ยโดนจับมัดไว้ ประมาณครึ่งชั่วยามยังมาอีกเจ็ดแปดคน ในหมู่นั้นมีทั้งชายหญิง ครั้นเห็นพวกเขาพาตัวคนไปจึงไล่ตามอยู่ด้านหลัง
เมื่อต้วนเยี่ยกับหนิงหลางตื่นมา ถึงจะเห็นว่าตนถูกขังอยู่ในกรง หนิงหลางเห็นกรงเหล็กก็นึกถึงภาพที่โดนขายไปครั้งก่อน และร้องลั่นโดยทันที “อ๊าก! ทำไมโดนขังในกรงอีกแล้ว? เปลี่ยนที่ไม่ได้หรือไร?”
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดนี้ก็ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างกลั้นไม่ไหว “ไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่นานเจ้าจะได้เปลี่ยนที่อีก สบายกว่าที่นี่แน่นอน”
ต้วนเยี่ยกับหนิงหลางมองไปด้านข้าง เห็นเฟิ่งจิ่วนั่งพิงอยู่ตรงนั้น กลางใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เหมือนว่าจะตื่นมานานแล้ว ก็ตกใจอย่างอดไม่ได้ หนิงหลางถามว่า “เจ้าหมายความเช่นไร เปลี่ยนที่อะไรกัน เปลี่ยนที่ได้จริงๆ หรือ?”
หลังจากมองไปรอบๆ ต้วนเยี่ยถามขึ้นว่า “ที่นี่ที่ไหน?” พอเห็นซ่งหมิงยังไม่ตื่นก็เดินเข้าไปเตะๆ เขา “ซ่งหมิง”
“หา?”
ซ่งหมิงที่ตื่นมาอย่างปวดเมื่อยเห็นต้วนเยี่ยจ้องตนเองด้วยสีหน้าโกรธเคืองก็ถามว่า “เป็นอะไรไป?”
“เป็นอะไรหรือ เจ้าดูสิว่านี่คือที่ไหน” เขาแค่นเสียงหยัน ใบหน้าอ่อนวัยเต็มไปด้วยความโมโห “หากเจ้าไม่ช่วยคนพวกนั้นระหว่างทาง พวกเราจะโดนขังไว้ในกรงหรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้ ซ่งหมิงตกใจ เมื่อนึกถึงภาพตอนนั้นก็ลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ที่นี่ที่ไหนกัน ทำไมพวกเรามาอยู่ที่นี่?”
“ที่นี่น่ะเหรอ! ข้าได้ยินพวกเขาบอกว่าเป็นสำนักร่วมเริงรมย์ เป็นสถานที่รื่นเริงตามอิสระ นอกจากพวกเราแล้ว ที่นี่ยังมีคนหนุ่มสาวไม่น้อยถูกคุมขังไว้ น่าจะโดนจับกลับมาเหมือนกัน”
เฟิ่งจิ่วกล่าวอย่างสบายๆ พวกของต้วนเยี่ยได้ยินแล้วกลับจิตใจหนักอึ้ง สีหน้าแต่ละคนคร่ำเครียด สำนักร่วมเริงรมย์? นั่นเป็นถึงสำนักสายมาร ได้ยินว่าฝึกบำเพ็ญวิชามารใช้หยินเสริมหยางอะไรสักอย่าง
“ได้อย่างไรกัน? พวกนางสามคน…” ซ่งหมิงมองพวกเขาด้วยสีหน้าทั้งรู้สึกผิดและละอายใจ ทั้งหมดต้องโทษเขา ทำให้พวกเขาพลอยเดือดร้อนด้วยเสียแล้ว
“ตอนนี้พูดเรื่องนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ คิดว่าจะออกจากที่นี่อย่างไรดีกว่า!” ต้วนเยี่ยกล่าวจบก็ไม่ได้ตำหนิ แต่มองเฟิ่งจิ่วและถามว่า “เจ้ามีวิธีอะไรหรือไม่?”
ใครจะรู้ เฟิ่งจิ่วกลับแบสองมือ “ไม่มี”
………………………………………………….
ตอนที่ 1022 คิดหาวิธี
ทั้งสองคนตกใจ “ไม่มี? เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไร”
พวกเขานึกว่าเฟิ่งจิ่วจะมีวิธี ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนสั่งให้พวกเขาจัดการเมื่อเห็นโอกาส! ตอนนี้กลับโดนขังอยู่ในกรงไม่มีทางออก? นั่นคือยอมให้คนอื่นเชือดไม่ใช่หรือ?
“ทำอย่างไรน่ะหรือ” เฟิ่งจิ่วยกริมฝีปากยิ้ม “ฟ้าสว่างก็รู้เอง”
ทั้งสามได้ยินก็มองหน้ากัน กระวนกระวายไม่สบายใจเล็กน้อย สำนักร่วมเริงรมย์…เพียงทำไม่ดีพวกเขาจะต้องเสียตัว ถึงขั้นว่าไม่เหลือแม้แต่ชีวิต
ทว่าคนทั้งสามกลับเห็นเฟิ่งจิ่วนั่งพิงข้างๆ ด้วยท่าทางสบายใจ เหมือนจะไม่กังวลสักนิด ในใจก็อดรู้สึกแปลกไม่ได้ แต่ไม่นานนักพวกเขาก็รู้ แม้พวกเขารู้สึกตัวตื่นมาแต่พลังวิญญาณกลับถูกผนึกไว้ ไม่อาจใช้การได้เลย ส่วนเฟิ่งจิ่วนั้น…
“เฟิ่งจิ่ว กลิ่นอายพลังวิญญาณของเจ้าไม่ได้โดนผนึกไว้หรือ” ทั้งสามคนเขยิบเข้าไปข้างกายเฟิ่งจิ่ว พร้อมกดเสียงเอ่ยถาม
“เดิมทีก็ไม่โดนผนึก เพียงแต่พวกเจ้าถูกวางยา จึงรวบรวมพลังวิญญาณไม่ได้เท่านั้นเอง” เฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างสบายๆ หลังจากเหลือบมองพวกเขาก็บอกว่า “อย่าส่งเสียงดังรบกวน ข้าอยากนอนสักพัก”
ทั้งสามคนได้ยินก็เริงร่าในทันใด “ถ้าใช้ยาของเจ้าต้องมีทางแก้แน่! รีบช่วยแก้ให้พวกเราเถอะ! มิเช่นนั้นถ้าไม่มีกลิ่นอายพลังวิญญาณ พวกเราก็เป็นเช่นคนธรรมดา หากโดนจับไปทำอะไรจะไหวได้หรือ?”
ใครจะรู้ว่าเฟิ่งจิ่วกลับส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก ในนี้มีตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณ หากกลิ่นอายพลังวิญญาณของพวกเจ้าฟื้นคืนต้องถูกสังเกตเห็นแน่ ถึงเวลานั้นจะยิ่งเป็นปัญหา เป็นเช่นนี้ยังดีกว่า ไม่ต้องเป็นห่วง สบโอกาสค่อยจัดการเถอะ! หากเป็นไปได้ว่าจะเสียตัวก็ผลักซ่งหมิงออกไป อย่างไรเสียนี่ก็สมใจเขา”
ซ่งหมิงได้ยินคำพูดนี้ หนังศีรษะเขาชาวาบ มองเฟิ่งจิ่วที่กำลังหลับตาก่อนยิ้มอย่างอักอ่วน “เรื่องนั้น เฟิ่งจิ่ว ข้าไม่ได้ตั้งใจ ใครก็นึกไม่ถึงหรอกว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นน่ะ!”
“ผิดแล้ว แค่เจ้านึกไม่ถึง แต่ไม่ใช่ว่าข้าคิดไม่ถึง” เธอลืมตาเหล่มองเขา กล่าวว่า “อย่ามาล้อมข้ากันหมด ไปข้างๆ โน่น”
คนทั้งสามเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่แยกย้ายไปนั่งด้านข้าง ทว่าแม้ตอนนี้จะดึกดื่น กลับไม่ง่วงนอนสักนิด ไม่รู้ว่าเป็นผลกระทบทางจิตใจของพวกเขาหรือไม่ ถึงได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ แว่วมารางๆ กลางค่ำคืน
คืนนี้ยากลำบากยิ่งสำหรับพวกเขา ท่ามกลางการเฝ้ารอและความกังวล วันรุ่งเช้าก็ยังมาถึง
เมื่อแสงอาทิตย์แรกยามเช้าสาดส่อง พวกเขาถึงจะเห็นสภาพโดยรอบชัดเจน ที่แท้อยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง ในนี้มีเหล่าชายหญิงสวมเสื้อผ้าเปิดเผยเดินไปมา ซ้ำยังมีบางพวกมาที่หน้ากรงขังและมองพิเคราะห์เหล่าคนที่โดนขังอยู่ในกรง
“เด็กหนุ่มพวกนี้หน้าตาโดดเด่นเสียจริง ได้ยินว่าพวกของศิษย์พี่ใหญ่จับกลับมา”
“ใช่แล้ว! พวกศิษย์พี่ใหญ่ออกไปครั้งนี้จับเด็กหนุ่มสาวน้อยกลับมาให้สำนักพวกเราไม่น้อยเลย แต่ไม่มีคนโดดเด่นเช่นเจ้าพวกนี้”
“ข้าได้ยินว่าจะยกเจ้าพวกนี้ให้เหล่าอาจารย์หญิง”
“จริงด้วย เด็กหนุ่มโดดเด่นเช่นนี้ควรยกให้เหล่าอาจารย์ แต่ว่านะ พวกศิษย์พี่ใหญ่ยกคนดีเยี่ยมเพียงนี้ให้ไป เหล่าอาจารย์ต้องตบรางวัลดีๆ ให้พวกนางแน่”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
พวกคนในกรงขังเห็นหญิงสาวสองสามคนด้านนอกกรงจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาดุจหมาป่าดั่งเสือ ก็ขนลุกไปทั้งร่างอย่างห้ามไม่ได้ รอจนพวกนางเดินไป คนทั้งสามภายในกรงขังถึงจะเข้าไปใกล้เฟิ่งจิ่ว
“เฟิ่งจิ่ว เจ้าคิดหาทางเร็วเข้าสิ! หากเจ้าบอกมาพวกเราจะทำตามแน่นอน เป็นเช่นนี้ต่อไปได้ตายแน่”
………………………………………………….