เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1035 ควรจบได้แล้ว + ตอนที่ 1036 ปล้นไปไม่เหลือ
ตอนที่ 1035 ควรจบได้แล้ว + ตอนที่ 1036 ปล้นไปไม่เหลือ
ตอนที่ 1035 ควรจบได้แล้ว
เมื่อความคิดผุดขึ้นมา พวกนางแทบจะหนีไปโดยไม่คิดด้วยซ้ำ
สูญสิ้นอำนาจไปแล้ว ไม่หนีตอนนี้จะรอตอนไหน?
เฟิ่งจิ่วซึ่งอยู่ตรงไหล่เขาเห็นทั้งสองแยกกันหนีไปสองทาง แววตาพลันเย็นยะเยือก ระหว่างพุ่งทะยานไป มือหนึ่งก็แก้แพรป่วนฟ้าตรงข้างเอวออกมาโจมตีผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งในนั้น
“มัดนาง!”
เพียงตะโกนเสียงดังชัดเจน แพรป่วนฟ้ายาวเจ็ดฉื่อก็บินไปจู่โจมราวกับมีจิตวิญญาณ ลอยจากบริเวณไหล่เขาตรงไปหาผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้น ไม่กี่ชั่วอึดใจก็ไปถึงด้านหลังของนาง แพรป่วนฟ้าพุ่งไปล้อมรอบร่างกายของศัตรูด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ และมัดนางไว้แน่นหนา
“กรี๊ด!”
ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณไม่นึกว่าทันทีที่ตนจิตใจว้าวุ่นและลนลานหนีเอาชีวิตรอดจะถูกแถบแพรแดงมัดไว้ จึงแข็งขืนคิดทำลายทันใด ใครจะรู้ว่ายิ่งดิ้นรนแพรแดงที่มัดร่างของนางยิ่งแน่นขึ้น
แพรแดงพันรอบร่างนางอย่างแน่นหนาราวกับงูยักษ์ บีบรัดเสียจนนางหายใจไม่ออก หนำซ้ำแพรแดงที่กำลังรัดแน่นแทบทำให้นางใช้เรี่ยวแรงไม่ได้แม้แต่น้อย หากคิดจะขัดขืนทำลายแพรแดงผืนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ตอนนี้เอง จู่ๆ เกาทัณฑ์ดอกหนึ่งก็แหวกผ่านอากาศโจมตีมา เพียงเห็นว่าตรงปลายเกาทัณฑ์มีกลิ่นอายดุดันรุนแรง ยิงเข้ากลางคิ้วของผู้ฝึกตนหญิงระดับกำเนิดวิญญาณด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
ในเวลาเดียวกับที่เลือดกระเซ็น ร่างนั้นร่วงลงไป วิญญาณต้นสีเลือดกลับพุ่งออกจากร่าง หมายจะหนีไปอย่างตื่นกลัว จากนั้นเกาทัณฑ์ดอกที่สองก็ยิงมาอีกครั้ง มันพุ่งทะลุผ่านร่างวิญญาณต้นสีเลือด วิญญาณต้นร่วงหล่นและถูกอสูรกลืนเมฆาที่กระโจนเข้ามากลืนลงไปพอดี
ต้วนเยี่ยกับหนิงหลางสองคนอึ้งไปพักหนึ่ง มองไปยังทิศทางที่เกาทัณฑ์ถูกยิงมา ก็เห็นซ่งหมิงยืนบนภูเขาไม่ไกล มือยังถือคันธนูไว้
“เจ้าบ้า! นั่นของวิเศษอะไรกัน? ดูท่าทางจะไม่ใช่คันธนูทั่วไป”
หนิงหลางเอ่ยด้วยความสงสัยพลางจ้องมองคันธนูในมือของซ่งหมิง พบว่าเกาทัณฑ์ที่ยิงออกมาลอยกลับเข้ามือของเขาเองเสมือนมีจิตวิญญาณ จึงยิ่งมั่นใจว่านั่นเป็นสมบัติระดับของวิเศษอย่างแน่นอน
“ผัวะ! ฟิ้วๆ! ผัวะ!”
เสียงการต่อสู้ทางนั้นลอยมา ดึงความสนใจของพวกเขากลับไป เห็นเพียงเฟิ่งจิ่วกำลังประมือกับผู้ฝึกตนหญิงระดับกำเนิดวิญญาณคนที่เหลือ ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณรู้ว่าตนเองถึงคราวยากจะหนีพ้น ด้วยเหตุนี้จึงคิดสู้ตายโดยแทบจะไม่ออมแรง
ในยามนี้นางไม่หวังลมๆ แล้งๆ อีกว่าจะฆ่าศัตรูได้ คิดแค่ว่ารักษาชีวิตตัวเองได้ก็ไม่เลวแล้ว เพียงแต่ยิ่งสู้ไปยิ่งคิดว่าศัตรูอาจหาญขึ้นทุกที พูดได้ว่าเด็กหนุ่มชุดแดงนามเฟิ่งจิ่วคนนี้เกิดมาเป็นนักสู้
เขาว่องไวนัก ลงมืออย่างมีเล่ห์เหลี่ยมและป่าเถื่อน ไม่เหมือนผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นกลางเลย กลับคล้ายตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุด ทำให้ผู้คนหวาดกลัวยิ่งนัก
การต่อสู้ของทั้งสองคนสร้างความอันตรายถึงพื้นที่โดยรอบ การไหลพล่านของกระแสลมและการปะทะของพลังกระบี่พุ่งกระแทกพื้นจนเป็นหลุมลึกหลายหลุม ฝุ่นควันปลิวว่อน กระแสลมของผู้แข็งแกร่งกลายเป็นแรงกดอากาศกระจายออกไป
“ควรจบได้แล้ว”
เสียงเย็นชาของเฟิ่งจิ่วดังไปพร้อมจิตสังหาร ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณยังคิดว่าจะหนีไปอย่างไร ก็เห็นชุดสีแดงพุ่งมาปรากฏตัวเบื้องหน้านางในพริบตา ก่อนที่กระบี่คมพยับอาบประกายสีดำจะฟันไปทางนางพร้อมกลิ่นอายแห่งความตาย
ชั่วขณะนั้นนางเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง จึงตัวแข็งค้างอยู่กลางอากาศไม่อาจขยับเขยื้อน จนกระทั่งกระบี่คมพยับผ่านางออกเป็นสองส่วนทั้งอย่างนั้น…
………………………………………………….
ตอนที่ 1036 ปล้นไปไม่เหลือ
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องรุนแรงแหวกผ่านขอบฟ้าในเวลานั้น ตรงไปบนชั้นเมฆ กระจายไปทั้งฟากฟ้า…
สีเลือดสาดกระเซ็นออกไปกลางอากาศ ฝนเลือดที่ราวกับสาดน้ำหมึกโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า เมื่อผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณคนสุดท้ายสิ้นใจ กระแสลมและแรงกดดันในอากาศก็จางหายตาม ก่อนจะกลับคืนสู่ความเงียบสงบ
กลางอากาศ ร่างสีแดงถือกระบี่คมพยับยืนรับสายลม แขนเสื้อโบกพลิ้ว เส้นผมลอยขึ้นมา กลิ่นอายชั่วร้ายและพลังอำนาจแห่งราชัน ในยามนี้เปิดเผยออกมาอย่างไร้ข้อกังขา
เฟิ่งจิ่วเพ่งมองด้านล่าง สายตาหยุดลงบนร่างสามคนที่ยืนอยู่ด้วยกันแล้วจึงแวบร่างไป ระหว่างเก็บแพรป่วนฟ้ากับกระบี่คมพยับก็พุ่งไปหาสามคนข้างล่าง
“เฟิ่งจิ่ว! เจ้าร้ายกาจเกินไปแล้ว!” หนิงหลางมองเฟิ่งจิ่วด้วยความนับถือ ทั้งที่เขาอายุเท่าพวกเขา กำลังต่อสู้กลับทรงพลังเช่นนั้น แข็งแกร่งกว่าตนเองมากจริงๆ
“แน่นอน เจ้าก็ไม่ดูเสียหน่อยว่าข้าเป็นใคร” เฟิ่งจิ่วเลียนแบบท่าทางก่อนหน้านี้ของเขา เอามือไพล่หลังเชิดคางขึ้น ทำท่าทางภาคภูมิใจยิ่ง
“ฮ่าๆๆๆ ข้ารู้แน่นอน เจ้าเป็นทั้งเฟิ่งจิ่วและภูตหมอ เพียงแต่คนภายนอกลือกันแต่ว่าเจ้ากลั่นยาเซียนปรุงยาเก่งกาจ กลับไม่รู้ว่าต่อสู้ได้ถึงเพียงนี้เลย!” หนิงหลางหัวเราะเสียงดัง ดวงตาบนใบหน้าเจ้าเนื้อหรี่ลงเป็นเส้นเพราะเหตุนี้ เขาเหมือนจะนึกอะไรได้ จึงตบต้นขาและร้องขึ้นมา
“อ๊ะ! ข้าต้องไปเก็บสมบัติของพวกนาง! ลองหาว่าในนี้มีคลังสมบัติหรือไม่!” สิ้นเสียงก็เห็นเขาเร่งฝีเท้าวิ่งออกไป
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้ายิ้มๆ มองซ่งหมิงและถามว่า “พาคนพวกนั้นออกไปหมดแล้วหรือ?”
“ใช่ วางใจเถอะ! ข้าพาพวกเขาไปทางเล็กนั่น ส่งออกไปอย่างปลอดภัยแล้วถึงค่อยกลับมา ทั้งหมดเป็นคนละแวกใกล้เคียง พ้นที่นี่ไปพวกเขาก็กลับบ้านได้” ซ่งหมิงคลี่ริมฝีปากเผยรอยยิ้มยินดี
เพิ่งทำเรื่องใหญ่เช่นนี้เป็นครั้งแรก ทำลายสำนักวิชามารแห่งหนึ่ง คิดๆ แล้วก็เร้าใจจริงๆ
“ทุกคนไม่บาดเจ็บใช่ไหม?” สายตาของเฟิ่งจิ่วมองสังเกตร่างคนทั้งสอง เห็นว่าบนร่างพวกเขานอกจากบาดแผลเล็กๆ ก็ไม่มีแผลใหญ่อะไร จึงวางใจลงได้
“ไม่เลย แผลเล็กๆ พวกนี้ไม่เป็นไรหรอก” ทั้งสองคนกล่าว
“เช่นนั้นก็ดี ในนี้ไฟลุกไหม้หมดแล้ว ปล้นสมบัติข้างในให้เกลี้ยงก่อน ค่อยใช้ไฟเผาภูเขาลูกนี้”
เธอเอ่ยพลางลงมือด้วยกันกับพวกเขา ค้นเอาถุงฟ้าดินที่ติดตัวผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น รวมถึงของมีค่าในตัวพวกเขาและคลังสมบัติในสำนักไปไม่เหลือ…
เวลาช่วงเย็น พวกเขาออกจากภูเขาไป สิงโตไฟกลับเข้าห้วงมิติของต้วนเยี่ยแล้ว กลืนเมฆาก็หดกลับไปเป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อย ยอดเขาเบื้องหลังมีเปลวไฟลุกโชน เทียบกับตะวันยอแสงยามเย็นแล้วประหนึ่งผืนเมฆเมื่ออาทิตย์อัสดง แผดเผาอยู่ตรงขอบฟ้า
พวกเขาหาสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเปื้อนเลือดบนร่าง ก่อนจะอาศัยตอนที่ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิทเร่งไปทางเมืองใกล้ๆ…
จวบจนผ่านไปสองชั่ว ยามฟ้ามืดลงแล้ว พวกเขาสี่คนถึงจะมาถึงเมืองหนึ่งใกล้ๆ กัน
พวกเขาเดินไปบนถนนใหญ่พลางมองรอบข้าง เฟิ่งจิ่วมองร้านแผงลอยข้างทาง เป็นพวกของว่างท้องถิ่น ต้วนเยี่ยมองว่าโดยรอบมีโรงเตี๊ยมไหนค่อนข้างดี หนิงหลางมองที่ทำการค้าขายที่นี่ ส่วนซ่งหมิงก็จับจ้องแหล่งกามารมณ์พวกนั้นด้วยสีหน้าระรื่น
“เมืองเล็กนี้ไม่ใหญ่โต แต่ดูแล้วสิ่งที่ควรมีล้วนมีไม่น้อยเลย!”
สามคนได้ยินคำพูดนี้ก็มองเขา เมื่อมองตามสายตาของเขาไปเห็นหอนางโลมย่านโคมเขียว สีหน้าก็เคร่งเครียดลงพร้อมๆ กัน
………………………………………………….
Ink Stone_Romance
ข้อความถึงนักอ่าน
Ink Stone_Romance
มีข่าวมาฝากจาก Fictionlog จ้า PROMOTION แรงสุด คุ้มสุด เพียงเติมเงินผ่าน ShopeePay เฉพาะเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น ️ดูรายละเอียดโปรเพิ่มเติมได้ทางFacebook/Twitter : fictionlog