เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1055 กำชับสั่งสอน + ตอนที่ 1056 ทางที่ต้องผ่าน
ตอนที่ 1055 กำชับสั่งสอน + ตอนที่ 1056 ทางที่ต้องผ่าน
ตอนที่ 1055 กำชับสั่งสอน
ลั่วเฟยได้ยินคำพูดนี้ แล้วเห็นท่าทางของทั้งสามคน ในใจรู้สึกแปลกๆ แม้พวกเขาถูกเฟิ่งจิ่วกำราบ ก็ไม่น่าเป็นเช่นนี้กระมัง? หมายความว่าผ่านไปหนึ่งปีจะไม่อยากจากเขาไป?
แม้เขาสงสัยกลับไม่ถามอะไรอีก แต่ใช้ศอกกระทุ้งหนิงหลางข้างกาย “ขนมที่แม่ข้าเตรียมให้เล่า? เอาออกมาให้ข้ากินซิ!”
หนิงหลางฉีกยิ้มกว้าง “เจ้าไม่ต้องการไม่ใช่หรือ? กินไม่ลงไม่ใช่หรือไร?”
“ตั้งแต่เมื่อคืนถึงตอนนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย หากจัดมื้อใหญ่ให้ข้าก็กินได้ เร็วๆ หน่อย อย่าโอ้เอ้” เขาเอ่ยด้วยความใจร้อน
พวกเขานั่งกินอาหารพลางคุยเล่นด้วยกัน เล่าเรื่องว่าเฟิ่งจิ่วลักพาพวกเขามาอย่างไร ลั่วเฟยฟังเสียจนสบายใจได้ชั่วขณะ แอบคิดว่า ‘ที่แท้ไม่ได้มีแค่เขาเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็โดนจัดการมาเช่นกัน’
คิดไปเช่นนี้ความรู้สึกอัดอั้นตันใจก่อนหน้าก็ผ่อนคลายลงไป แล้วพูดคุยหัวเราะกับพวกเขาไปตลอดทาง…
ความเร็วของเรือเหาะว่องไวเป็นที่สุด ทว่าแม้เป็นเช่นนี้ พวกเขายังใช้เวลาเต็มๆ ครึ่งเดือนถึงจะมาถึงป่าที่ต้องผ่านรอบนอกเทือกเขาอเวจี
ช่วงเย็นวันนี้พวกเขาลงมาจากเรือเหาะ หลังจากเฟิ่งจิ่วเก็บเรือเหาะก็เข้าไปยังป่าไม้ผืนนั้นโดยไม่พวกเขาไป แต่บอกพวกเขาว่า “คืนนี้พวกเราจะพักผ่อนตรงนี้ หารือเรื่องเข้าป่ากันเสียหน่อย พวกเจ้าเตรียมกองไฟ ค่อยไปหาล่าสัตว์ใกล้ๆ กลับมาย่างเป็นมื้อเย็น”
เธอกล่าวจบยังกำชับว่า “พวกเจ้าสี่คนแบ่งเป็นสองกลุ่มเล็ก สองคนหนึ่งกลุ่ม ตั้งแต่ตอนนี้จะเริ่มแบ่งงานและร่วมมือกันให้เป็นเคยชิน”
“เช่นนั้นพวกเราใครรวมกลุ่มกับใคร? จัดการกันเองหรือ?” หนิงหลางเอ่ยถาม
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็มองพวกเขาสี่คน แบ่งหน้าที่ว่า “ต้วนเยี่ยรวมกลุ่มกับลั่วเฟย เจ้าไปกับซ่งหมิง ข้าเป็นหัวหน้าทั้งสองกลุ่ม ตอนนี้ต้วนเยี่ยกับลั่วเฟยไปล่าสัตว์ พวกเจ้าสองคนตั้งกระโจมและเก็บกิ่งไม้รวมถึงจุดกองไฟ”
“รับทราบ” พวกเขาขานรับ แล้วแบ่งงานทำร่วมกันด้วยความรวดเร็ว
พวกเขาเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนฟ้ามืด หลังจัดการเนื้อสัตว์เสร็จก็วางพลิกย่างบนราวตั้งไฟ แล้วนั่งล้อมวงคุยกัน
“หลังเข้าไปด้านในจงลืมฐานะของพวกเจ้าเสียให้หมด อย่าเอะอะก็เอ่ยถึงตัวตนของพวกเจ้า ต้องรู้ไว้ว่าสถานที่ด้านใน คนที่เข้าไปพละกำลังล้วนแข็งแกร่งแน่นอน จำต้องระวังทุกๆ เรื่อง เป็นจุดสนใจหรือเปิดเผยเกินไปมีแต่จะกลายเป็นเป้าให้ถูกปล้นและโดนลอบฆ่า เข้าใจหรือยัง?”
ทั้งสี่ได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่วก็หยักหน้า ขานรับเสียงเข้ม “เข้าใจแล้ว” เรื่องเกี่ยวกับชีวิต หนำซ้ำยังเป็นสถานที่อย่างเทือกเขาอเวจี แน่นอนว่าพวกเขาต้องระมัดระวัง
เธอเหลือบมองพวกเขา กำชับอีกว่า “ยังมีหนึ่งข้อต้องจำไว้ อย่าเดินแยกไป อย่าห่างข้าไกลไปนัก มิเช่นนั้นแม้พวกเจ้ามีอันตรายข้าจะช่วยไม่ได้”
“อืม พวกเจ้ารู้แล้ว” ทั้งสี่ขานรับอีกครั้ง
“นี่เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือให้พวกเจ้า เผื่อๆ ไว้ก่อน” เธอแบ่งระเบิดควันขอความช่วยเหลือให้ทั้งสี่ “เก็บสิ่งของในตัวพวกเจ้าให้เรียบร้อย จำไว้ว่าอย่าให้ใครเห็นเงินทอง ถุงฟ้าดินตรงเอวก็ใส่สิ่งของต่างๆ ที่ต้องใช้เป็นพอ ในรองเท้าต้องซ่อนกริชไว้”
พวกเขานั่งข้างกองไฟ พร้อมฟังเฟิ่งจิ่วคอยกำชับตรงนั้น จดจำและปฏิบัติตามทีละน้อยๆ เพราะพวกเขาชัดเจนอย่างยิ่ง ว่าในเวลาหนึ่งปีคำเตือนของเขาในตอนนี้อาจช่วยชีวิตพวกเขา
………………………………………………….
ตอนที่ 1056 ทางที่ต้องผ่าน
เมื่อค่ำคืนมาเยือน กลิ่นหอมเนื้อย่างกระจายออกไป ขณะพวกเขากินอาหารพลางคุยเล่น พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจึงตอบโต้อย่างรวดเร็ว มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
“ฮ่าๆ นึกไม่ถึงว่าที่นี่จะมีคนด้วย ทุกท่าน หรือว่าพวกท่านจะไปเทือกเขาอเวจี?”
ผู้มาใหม่เป็นชายฉกรรจ์สวมเครื่องแบบทหารรับจ้างสองคน หนึ่งคนเป็นระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด อีกคนเป็นวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลัง คนพูดคือทหารรับจ้างวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังนั่นแหละ
เห็นพวกของเฟิ่งจิ่วจ้องมองพวกเขาสองคนอย่างเตรียมพร้อม ก็เผยรอยยิ้มจริงใจและบอกว่า “ทุกท่านไม่ต้องกังวล พวกเราเป็นทหารรับจ้างจากสมาคมทหารรับจ้าง ครั้งนี้ได้รับจ้างคุ้มกันนายจ้างมาเทือกเขาอเวจี ตั้งค่ายพักแรมแถวนี้พอดี เห็นตรงนี้มีแสงไฟจึงเข้ามาดูเสียหน่อย”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ไม่พูดอะไร
สองคนที่เดินมาใกล้เพิ่งสังเกตเห็น ว่าพวกเขาที่นี่ล้วนเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่า หนำซ้ำพละกำลังยังไม่แข็งแกร่ง ก็ประหลาดใจเล็กน้อยในทันที “ทุกท่านจะเทือกเขาอเวจีหรือ? ทำไมไม่มีคนมาด้วยกัน?”
“พวกเราไม่ใช่คนหรือไร?” หนิงหลางเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“เหอะๆ อย่าเข้าใจผิดไป ข้าหมายความว่าเทือกเขาอเวจีไม่ธรรมดา ข้าเห็นวรยุทธ์ของทุกท่านล้วนอยู่ระดับสร้างรากฐาน วรยุทธ์เช่นนี้หากไม่มีผู้แข็งแกร่งนำคณะ ก็อย่าเข้าไปเทือกเขาอเวจีจะดีกว่า มิเช่นนั้นเป็นไปได้ว่าเข้าไปจะไม่ได้ออกมา”
“ขอบคุณอย่างยิ่งในความหวังดี พวกเราคุ้นชินเสียแล้ว”
สองทหารรับจ้างได้ยินคำพูดนี้ก็รู้ว่าตนเองไม่ได้รับการต้อนรับ จึงยิ้มๆ และประสานมือเอ่ยว่า “เช่นนั้นพวกเราไม่รบกวนทุกท่านแล้ว ลาก่อน” กล่าวจบถึงจะหมุนตัวออกไป
ซ่งหมิงเห็นพวกเขาจากไป หลังจากเดินห่างไปสักระยะถึงจะหันกลับมาบอกว่า “ไปแล้ว หนำซ้ำยังตั้งค่ายพักแรมไม่ไกลกันจริงๆ ดูท่าทางอย่างน้อยก็มีสามสิบสี่สิบคน เป็นกองทหารไม่เล็กเลย”
“อืม เทือกเขาอเวจียังเรียกว่าสถานที่แห่งความตาย อันตรายด้านในยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเป็นธรรมดา” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ก่อนจะมองยังพวกเขา กล่าวว่า “เข้าไปข้างในจะต้องฟังคำสั่งของข้า เจอเรื่องอะไรอย่าทำไปโดยพลการ ไม่ถึงขั้นสุดวิสัยก็อย่าสู้กับใคร”
“อืม พวกเรารู้แล้ว” พวกเขาพยักหน้าขานรับ
“ต้วนเยี่ยลั่วเฟยเฝ้ายามกลางคืน พ้นเที่ยงคืนไปค่อยเปลี่ยนคน ไปถึงด้านในก็เหมือนกัน ตอนพักผ่อนต้องมีคนเฝ้าระวังรอบๆ” เธอกำชับอีกครั้ง
หลังจากพวกเขากินอาหารจึงแบ่งเนื้อย่างที่กินไม่หมดเป็นห้าส่วนให้ทุกคนติดมือไว้ ถึงจะเตรียมตัวพักผ่อน แล้วให้สองคนผลัดกันเฝ้าระวัง
กระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา เมื่อท้องฟ้าเพิ่งสว่าง หลังจากพวกเขาลุกขึ้นเตรียมตัวก็มุ่งไปยังในป่า
แม้เป็นป่าไม้ด้านหน้า พืชหญ้ายังขึ้นรกและสูงประมาณครึ่งคน เดินไปเห็นทางข้างหน้าไม่ชัดเจน พื้นก็ไม่ใช่หินทรายแข็งๆ แต่ภายในป่าเต็มไปด้วยน้ำ ดินบนพื้นจึงค่อนข้างอ่อน เหยียบไปเท้ายังจมลงไปเล็กน้อย ในอากาสยิ่งมีกลิ่นอายชื้นแฉะ
หลังจากเดินไปสักระยะ ซ่งหมิงด้านหน้าเอ่ยปากว่า “เส้นทางนี้เหมือนมีคนเคยเดินผ่าน หญ้าข้างหน้าโดนกดทับจนงอ บนพื้นยังมีรอยเท้าไม่น้อยเลย”
“ป่านี้เป็นทางที่ต้องผ่านของเทือกเขาอเวจี มีคนเดินผ่านเป็นเรื่องปกติมาก”
เฟิ่งจิ่วกล่าวไป แล้วเงยหน้ามองๆ เพียงเห็นว่าใบไม้เหนือศีรษะงอกงามเสียจนมองไม่เห็นท้องฟ้า ในนี้กลิ่นอายหนาวเย็น แสงอาทิตย์ไม่ส่องเข้ามา หนำซ้ำรอบด้านล้วนเหมือนๆ กัน จะหลงทางในนี้ได้ง่ายมาก
สายตาของเธอหยุดบนกิ่งไม้ยุ่งเหยิงพวกนั้น มองๆ พืชหญ้าสูงครึ่งคนในป่า และพลันเอ่ยปากว่า…
………………………………………………….