เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1069 ค้างคาวเลือด + ตอนที่ 1070 ข้าตกใจแทบตาย
ตอนที่ 1069 ค้างคาวเลือด + ตอนที่ 1070 ข้าตกใจแทบตาย
ตอนที่ 1069 ค้างคาวเลือด
พวกเขาถอยกลับไปหารือกันที่เดิม ที่นี่พิลึกเพียงนี้ย่อมชะล่าใจไม่ได้แน่นอน
“เมื่อครู่ข้าเห็นว่าบนต้นไม้มีใบหน้างอกออกมา หนำซ้ำไม่ใช่ต้นสองต้น แต่บริเวณรอบๆ ล้วนเหมือนกัน แน่นอนว่าทั่วผืนป่าไม้เป็นเช่นนี้กันหมด ต้นไม้เป็นธาตุไม้ ข้ากำลังคิดว่าแม้กลายเป็นปีศาจก็น่าจะกลัวไฟ” ต้วนเยี่ยเอ่ยขึ้น สายตาจ้องมองกิ่งไม้พวกนั้นที่เต้นรำราวกับแสดงพลัง
ซ่งหมิงได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า เอ่ยว่า “นอกจากกลัวไฟ ในเมื่อกระบี่คมตัดขาดได้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว แม้ติดกับอยู่ข้างใน พวกเราทำลายกิ่งไม้พวกนั้นได้ อันที่จริงคิดอย่างละเอียดคงไม่มีอะไร ขอแค่พวกเราระวังหน่อยน่าจะไม่เป็นไร”
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ ผ่านไปพักหนึ่งก็กล่าวว่า “ข้าจะลองอีกครั้ง”
เธอเป็นคนพาพวกเขาเข้ามา เจอเรื่องเช่นนี้แน่นอนว่าต้องหาทางแก้ไข รู้ว่าปีศาจต้นไม้พวกนี้กลัวดาบและกระบี่ เช่นนั้นจะกลัวไปหรือไม่? ก็ต้องลองอีกสักตั้ง
“ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ช่างมันก่อนเถอะ! รอพรุ่งนี้ฟ้าสว่างพวกเราค่อยเข้าไปด้วยกัน” พวกเขาเอ่ยไป เป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นยามวิกาล
“ไม่เป็นไร ข้ามีความบันยะบันยัง” เธอบอก ครั้งนี้เข้าไปลำพังไม่ให้พวกเขาตามไป และยังคงทิ้งอสูรกลืนเมฆาให้เฝ้าระวังพวกเขาไว้
พวกเขาเห็นเฟิ่งจิ่วเดินเข้าไปยังป่าแปลกๆ นั่น กลั้นใจมองอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นกิ่งไม้พวกนั้นยืดจู่โจมไปทางเฟิ่งจิ่วเฉกเช่นกรงเล็บภูตผี เพียงเห็นเขาพลิกฝ่ามือและเปลวไฟก็ลุกโชน กิ่งไม้ที่ยื่นเข้าไปพวกนั้นหลบไม่ทันโดนไฟเผา จึงหดกลับไปเสียงดังฟิ้ว
พวกเขาเห็นภาพเช่นนี้ หัวใจที่หวั่นๆ ผ่อนคลายลงเล็กน้อย โชคดีปีศาจต้นไม้กลัวไฟจริงๆ ด้วย เช่นนี้ก็จัดการง่ายแล้ว ตราบใดที่พวกเขามีคบเพลิง จะทะลุผ่านป่านี้ไปได้โดยไม่ต้องสู้
เฟิ่งจิ่วสาวก้าวเดินไปข้างใน ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามก็เดินกลับมาทางเดิม บอกพวกของต้วนเยี่ยว่า “แถบนี้ล้วนเป็นต้นไม้ปีศาจ ไม่เห็นสัตว์ร้ายอะไรเลย แต่ไม่คิดว่าเดินไประยะหนึ่งก็หายาทิพย์พบ เกินความคาดหมายไปบ้าง”
“ยาทิพย์? ยาทิพย์อะไรกัน? มีราคาหรือไม่?” หนิงหลางเห็นเขากลับมาก็เร่งฝีเท้าเข้าไปถาม
“เป็นยาทิพย์อายุร้อยปี ไปด้านนอกก็มีราคานิดหน่อย” เธอยิ้มๆ หลังจากหยิบยาทิพย์นั้นมาให้พวกเขาดูก็เก็บไป
หนิงหลางเห็นเช่นนี้ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา เอ่ยว่า “เป็นแดนสมบัติอย่างที่คิดไว้เลย! เจ้าเพิ่งเข้าไปราวๆ ครึ่งชั่วยามก็หายาทิพย์พบ ไม่แน่ว่าไปลึกอีกจะมากขึ้น”
“เอาล่ะ ทุกคนกินอะไรกันหน่อย จากนั้นค่อยพักผ่อน” เธอพูดจบก็เดินไปนั่งลงข้างๆ พวกเขา ทว่าเวลานี้พลันได้ยินเสียงซ่าๆ แว่วมา พวกเขาตกใจและมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว
“เสียงอะไรน่ะ?”
“ดูสิ! ตรงนั้น!” หนิงหลางเบิกตาโต พร้อมมองสัตว์กลุ่มใหญ่ที่บินมามืดๆ ด้วยความตกใจ เอ่ยถามอย่างติดอ่างว่า “นะ นั่นอะไร? ทำไมคล้ายค้างคาวเพียงนั้น?”
“คล้ายค้างคาวอะไรเล่า? เห็นชัดๆ ว่าเป็นค้างคาว” ต้วนเยี่ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่ดวงตาของมันเป็นสีแดง ตาของค้างคาวเหมือนจะเป็นสีดำกระมัง?” หนิงหลางกลืนน้ำลายพลางกล่าวไป
“นั่นเป็นค้างคาวเลือด มันดูดเลือด ไม่อยากตัวแห้งก็เตรียมสู้เร็วเข้า!” เฟิ่งจิ่วตะโกน กลิ่นอายพลังวิญญาณบนร่างล้วนพุ่งพล่านขึ้นมา เพียงพลิกฝ่ามือเปลวไฟก็ลุกโชน
………………………………………………….
ตอนที่ 1070 ข้าตกใจแทบตาย
คนอื่นได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไป ชักกระบี่ยาวมาฟันไปยังค้างคาวเลือดกลุ่มใหญ่ดำมืดที่โจมตีมาทางพวกเขาด้วยความรวดเร็ว พลังกระบี่ดุร้ายร้องโหยหวน กระบี่โจมตีออกไปทำให้ค้างคาวเลือดกลุ่มใหญ่กระเจิดกระเจิง เพียงได้ยินเสียงค้างคาวเลือดพวกนั้นตีปีกประดังออกไป ค้างคาวเลือดที่แตกฝูงกันไปดูยิ่งน่าหวาดหวั่น มากมายเสียจนทำให้พวกเขาหนักศีรษะด้านชา
“ฟิ้ว! ฟิ้วๆ!”
“อ๊าก! เจ้าพวกสมควรตายทำไมถึงมากเพียงนี้!”
“ฟู่!”
เปล่วไฟจู่โจมออกไปเผาทำลายหลายสิบตัว เห็นค้างคาวพวกนั้นที่ไหม้ตายเก็บปีกเป็นเช่นหนูร่วงลงจากท้องฟ้า เฟิ่งจิ่วก็ขนลุกไปหมด
น่ารังเกียจเหลือเกิน
ต้วนเยี่ยเห็นค้างคาวเลือดพวกนั้นที่เข้าล้อมและจู่โจมมาทางพวกเขาถูกฆ่าไปไม่หมด จำนวนของมันไม่ชัดเจน ก็ตะโกนอย่างอดไม่ได้ “มากถึงเพียงนี้ พวกเราฟันไปยังไม่หมดเลย!”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไร? ดึกดื่นเช่นนี้จะถอยไป? หรือเข้าไปป่าพิลึกข้างหน้า?” ซ่งหมิงกล่าวจบก็หวั่นๆ ใจขึ้นมา นี่เป็นของจริง หากไม่ระวังคงทิ้งชีวิตไว้ที่นี่
เฟิ่งจิ่วกัดฟันกรอด เอ่ยว่า “เข้าป่าไป! ใช้ปีศาจต้นไม้ดักค้างคาวเลือดพวกนั้น แล้วใช้ไฟเผา!” สิ้นเสียงเธอพาพวกเขาพุ่งไปยังป่าไม้ประหลาดข้างหน้า ค้างคาวเลือดพุ่งเข้ามาด้านหลัง เพื่อไล่ตามพวกเขามา
“ตามมาดีๆ อย่าเดินแยกไปล่ะ!” เฟิ่งจิ่วบอกคนอื่นๆ ด้านหลัง พลางใช้เปลวไฟเปิดเส้นทาง ปีศาจต้นไม้ที่เจอไฟพากันเก็บกิ่งให้ทาง
“สิงโตไฟ! ออกมา!” ต้วนเยี่ยแผดเสียง เพียงเห็นรัศมีแวววาว สิงโตไฟของเขากระโจนออกมาจากห้วงมิติสัตว์วิญญาณ แล้วเข้าร่วมต่อสู้อย่างรวดเร็ว
ค้างคาวกระหายเลือดที่อลหม่านและกิ่งไม้ที่ร่ายรำโจมตีมาทางพวกเขาดั่งกรงเล็บปีศาจทำให้พวกเขาไม่กล้าปล่อยวาง ร่างกายตึงเกร็ง กระบี่ในมือตวัดฟันไป เพียงได้ยินเสียงพลังกระบี่ดุดันลอยออกไปในป่าที่มืดสนิท ฟันพื้นเป็นรอยกระบี่เส้นๆ ก่อนกระแสลมจะไหลพล่านไปรอบทิศและกระจายไปในอากาศ…
ค้างคาวเลือดข้างกายพวกเขาตกลงบนพื้น กลิ่นคาวเลือดแพร่ไปในอากาศ กรงเล็บกิ่งไม้ที่ปีศาจต้นไม้ยื่นไปถูกตัดไปไม่น้อย จึงไม่กล้ายืดไปหาพวกเขาอีก ตรงกันข้ามกรงเล็บปีศาจจากกิ่งไม้พวกนั้นยื่นออกไปเกี่ยวคว้าค้างคาวเลือดไว้ แล้วใบหน้าปีศาจก็เผยออกมาบนต้นไม้และอ้าปากกลืนค้างคาวเลือดลงไปทันที
เมื่อค้างคาวเลือดลดน้อยลง พวกที่เหลือสุดท้ายก็วนเวียนอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา ซ้ำยังต้องหลบหลีกการเกี่ยวจับของกิ่งไม้ ท้ายที่สุดจึงทำได้เพียงตีปีกหนีออกไป
“ฮู่! ข้าเหนื่อยแทบตาย!”
หนิงหลางเหงื่อออกโซมกาย ร่างกายพิงไปยังต้นไม้ข้างๆ เพราะเหตุนี้ แค่ทำไปโดยไม่คิดอะไรมาก สิ่งที่แลกมาคือต้นไม้นั้นพลันปรากฏใบหน้าคน กิ่งไม้เป็นเช่นกรงเล็บกดหนิงหลางไว้ แล้วจะยัดเขาเข้าปาก
“อัก อ๊าก!”
หนิงหลางตกใจ จึงร้องอุทานเสียงหลง “ชะ ช่วยด้วย!”
เดิมทีพวกเขากำลังหอบผ่อนลมหายใจและไม่สังเกตเห็นเขา ใครจะรู้ว่าได้ยินเขาร้องก็ตกใจเสียจนสะดุ้ง ก่อนจะมองไปทางเขาด้วยความรวดเร็ว มองไปเช่นนี้ก็อดตะลึงไม่ได้
“ฟู่!”
สิงโตไฟของต้วนเยี่ยพ่นเปลวไฟออกมา เล็งโจมตีไปยังปากของใบหน้าคน เพียงได้ยินปีศาจต้นไม้กรีดร้อง แล้วต้นไม้ทั้งต้นก็โดนเผาไหม้ไปอย่างเร็ว ส่วนหนิงหลางก็วิ่งกลับมาเพราะเหตุนี้
“ฮู่! ข้าตกใจแทบตาย ตกใจแทบตายเลย” เขาตบหน้าอกอย่างบ้าคลั่งด้วยสีหน้าหวาดกลัว
………………………………………………….