เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1071 เงินมากมาย จะต้องการอะไร + ตอนที่ 1072 หรือว่าเจ้าไม่กลัว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1071 เงินมากมาย จะต้องการอะไร + ตอนที่ 1072 หรือว่าเจ้าไม่กลัว
ตอนที่ 1071 เงินมากมาย จะต้องการอะไร? + ตอนที่ 1072 หรือว่าเจ้าไม่กลัว?
ตอนที่ 1071 เงินมากมาย จะต้องการอะไร?
พวกเขาหมดคำพูดอย่างยิ่ง มองเขาแวบหนึ่งและกล่าวตำหนิ “ทำไมเจ้าถึงส่งตนเองเข้าปากปีศาจต้นไม้? อยากตายนักหรือไร?”
หนิงหลางมองพวกเขาอย่างน้อยใจไปบ้าง เอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ไม่ระวัง เห็นอันตรายคลี่คลายก็วางใจและลืมไปว่าต้นไม้กินคนได้” ไม่ทันไรก็เสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “ครั้งหน้าคงไม่แล้ว”
ในนี้เป็นนรกจริงๆ ดังคาด เป็นไปได้ทุกเมื่อว่าจะเอาชีวิตไปทิ้งเพราะความชะล่าใจ แม้ตลอดทางจะประสบมาด้วยตนเองไม่น้อย ยามนี้ยังคงรู้สึกนึกกลัวภายหลังเล็กน้อย
โชคดีสหายร่วมทางของเขาเก่งกาจทุกคน มิเช่นนั้นเดาว่าเขาคงโดนค้างคาวเลือดดูดเลือดจนแห้งไปนานแล้ว
“เอาล่ะ ในเมื่อเข้ามากันหมดแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ! เดินตามเส้นทางนี้ไปข้างหน้า อย่างไรเสียพวกเราไม่มีเป้าหมายอะไรเจาะจง ความเร็วไม่ต้องไวนัก ทุกอย่างต้องปลอดภัยไว้ก่อน” เฟิ่งจิ่วพูดจบก็ถอนหายใจเบาๆ
“อืม รู้แล้ว” พวกเขาขานรับ แล้วจุดไฟใช้คบเพลิงส่องเส้นทางด้านใน พลางทำให้ต้นไม้รอบๆ หลบออกไปและไม่กล้าทำร้ายพวกเขา
“เมื่อครู่ข้าเห็นต้นไม้ปีศาจพวกนั้นกินค้างคาวเลือด หรือว่านอกจากค้างคาวเลือดต้นไม้ปีศาจจะชอบกินคนด้วย?” นึกถึงภาพก่อนหน้านี้ที่ต้นไม้ปีศาจจับเขาไว้และอ้าปากคิดจะกินเขา หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมา
“สิ่งของในนี้ส่วนมากพวกเราไม่เคยเจอมาก่อน ว่ากันตามเหตุผลต้นไม้ไม่ควรกินคน แต่ต้นไม้พวกนี้กลายเป็นปีศาจไปแล้ว เป็นไปได้มากว่าจะเป็นพืชชนิดเดียวกับดอกไม้กินคน เทียบกับดอกไม้กินคนที่กลืนเข้าไปทั้งตัว ข้าคิดว่าอย่างมากปีศาจต้นไม้แค่ดูดกินเลือดลมเยื่ออ่อนของมนุษย์ ถึงอย่างไรปากของมันก็กลืนคนลงไปไม่ได้”
เอ่ยถึงตรงนี้เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองเขา เอ่ยว่า “ในหมู่พวกเรา เจ้าอ้วนขาวดูท่าทางน้ำจะเยอะมาก เจ้าต้องระวังตัว ในนี้ไม่ใช่แค่ต้นไม้ปีศาจกินคน แม้แต่ดอกไม้ยักษ์หรือสัตว์ร้ายเดาว่าคงชอบคนอย่างเจ้า”
หนิงหลางได้ยินคำพูดนี้ก็ขนพองสยองเกล้า กล่าวว่า “เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัวสิ”
“ข้าทำให้เจ้ากลัวเสียที่ไหน? ข้าแค่เตือนเจ้า เผื่อเจ้าเห็นยาทิพย์ล้ำค่าอะไรก็กระโจนเข้าไป ต้องรู้ไว้ยาทิพย์บางอย่างข้างๆ จะมีสัตว์ร้ายคุ้มกัน บ้างเป็นงูพิษ บ้างเป็นสัตว์ร้าย และเป็นไปได้ว่าจะเป็นสัตว์มีพิษอื่นๆ สรุปว่าต่อให้เห็นยาทิพย์อะไร ต้องมั่นใจว่าปลอดภัยถึงจะเข้าใกล้ได้”
พวกเขาได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า ในนั้นลั่วเฟยเอ่ยว่า “หนำซ้ำตามที่ข้ารู้มา ในนี้มีการปล้นกันอยู่ด้วย นอกจากพวกเราจะต้องระวังคนนอก ทุกคนจะพูดได้แค่สามส่วน หากมีผลประโยชน์วางกองตรงหน้าต้องไตร่ตรองให้มาก บนโลกนี้เดิมทีไม่มีอาหารเที่ยงให้เปล่า ยิ่งเป็นเรื่องที่มีผลประโยชน์ก็ยิ่งอันตราย”
เดินไปด้านในประมาณหนึ่งชั่วยาม รอบด้านเงียบเชียบเหมือนมีแค่เสียงของพวกเขา บริเวณรอบๆ คล้ายจะไม่มีสัตว์ร้ายปรากฏตัวหรืออันตรายซ่อนเร้นอะไร ซ่งหมิงจึงแนะนำว่า “หรือพวกเราจะตั้งวงแหวนไฟรอบๆ และพักผ่อนที่นี่! ข้าว่าตรงนี้นับว่าสงบเงียบ นอกจากปีศาจต้นไม้พวกนี้คงไม่มีอันตรายอะไร”
“ก็ดี พักผ่อนกันเถอะ ไม่รู้ว่าป่าไม้ผืนนี้ใหญ่แค่ไหน เดาว่าคงเดินออกไปไม่ได้สักพัก” เฟิ่งจิ่วกล่าวจบ พวกเขาก็วางวงแหวนไฟไว้โดยรอบกลายเป็นวงล้อมคุ้มกัน ก่อนจะพักผ่อน
………………………………………………….
ตอนที่ 1072 หรือว่าเจ้าไม่กลัว?
รอให้พวกเขานั่งลง เฟิ่งจิ่วมองพวกเขาและถามว่า “ทุกคนไม่บาดเจ็บกระมัง?”
“ไม่เลย แค่กรีดเสื้อผ้าขาด ไม่บาดเจ็บถึงผิวเนื้อ” พวกของต้วนเยี่ยเอ่ยไป หลังจากสิ้นเสียงไปไม่นาน ก็เห็นหนิงหลางถอดเสื้อผ้าด้านนอกที่โดนกรีดขาดออก แล้วหยิบเสื้อผ้าสองชิ้นจากในห้วงมิติไปสวมข้างใน
พวกเขาสังเกตเห็นว่าเดิมทีบนร่างของเขานอกจากเสื้อผ้านั้น เหมือนจะมีเสื้อกล้ามตัวเล็กสีทองอีกหนึ่ง ลั่วเฟยจึงถามว่า “หนิงหลาง เสื้อกล้ามตัวเล็กประกายทองแวววาวของเจ้าทำอะไรได้?”
หนิงหลางที่กำลังสวมเสื้อผ้าได้ยินคำพูดนี้ก็หยุดมือลง ดึงเปิดคอเสื้อชี้ยังเสื้อชั้นในสุดพลางถามว่า “เจ้าหมายถึงตัวนี้หรือ? เมื่อวันเกิดปีก่อนแม่ของข้ามอบให้ข้า บอกว่าเชิญใครมาทำให้ข้าเป็นพิเศษ นี่เป็นเสื้อวิเศษ ข้าได้มาก็สวมมันไว้ตลอด บอกว่ามันคงกระพันรักษาชีวิตได้”
เขากล่าวถึงตรงนี้ก็หัวเราะ “แต่เมื่อก่อนข้าไม่เจออันตรายอะไร จึงไม่รู้ว่าคงกระพันจริงหรือไม่ แต่สวมไว้ยังดีกว่า เผื่อๆ ไว้ก่อน”
ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็เผยรอยยิ้มออกมาทันใด ต้วนเยี่ยมองๆ รองเท้าบนเท้าของเขา แล้วเห็นเสื้อที่สวมติดตัวด้านใน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “สมบัติของเจ้ามีไม่น้อยเลย! แต่ละชิ้นล้วนเป็นสิ่งของช่วยชีวิตจริงๆ”
“ใช่สิ บ้านของข้าไม่มีอะไรเลย แค่มีเงินเยอะ เงินมากมายจะต้องการอะไรอีก?”
เขาเชิดคางอย่างภาคภูมิ ท่าทางบอกว่า ‘ข้าเป็นผู้มีอิทธิจะต้องกลัวใคร’ พวกเขามองเสียจนยิ้มขึ้นมา บรรยากาศจึงผ่อนคลายลงไปบ้างเพราะเหตุนี้ เปลี่ยนไปไม่ตึงเครียดเพียงนั้น แต่แสดงท่าทีปล่อยวางและสบายใจ
“เอาล่ะ พวกเจ้ารีบๆ พักผ่อน ต้วนเยี่ย พวกเราสองคนจะเฝ้ายามกลางคืน” ลั่วเฟยเอ่ยไป พร้อมให้สัญญาณพวกเขารีบพักผ่อนเสริมสร้างจิตใจ
ดังนั้นจึงปล่อยพวกเขาสองคนเฝ้ายาม คนอื่นๆ พักผ่อน กระทั่งพ้นเวลาเที่ยงคืน เฟิ่งจิ่วก็ตื่นขึ้นมาและบอกทั้งสองว่า “พวกเจ้าไปนอนสักพักเถอะ! ที่นี่ข้าดูให้ก็ได้”
“ได้” แล้วเปลี่ยนให้เฟิ่งจิ่วเฝ้ายาม
สายลมกลางคืนในนี้หนาวเย็น มีกลิ่นอายพื้นดินหญ้าเขียวน้อยๆ เสียงร้องปานวิญญาณโหยหวนดังออกไป ฟังเสียงเหมือนจะมาจากปีศาจต้นไม้พวกนั้น ด้วยเหตุนี้ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้อยากจะนอนก็ยากมาก แต่ดันมีคนหลับสนิทและกรนขึ้นมา
ซ่งหมิงตื่นมานั่งด้วยกันกับเฟิ่งจิ่ว มองไปทางหนิงหลางที่นอนเหมือนหมู แล้วยิ้มเอ่ยว่า “เขาอยู่ที่นี่ยังหลับได้ลึกเพียงนี้ เจ้าหมอนี่ช่างสบายใจเสียจริง”
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ “เขาเหนื่อยมาตลอดทาง เดาว่าแต่ก่อนอยู่บ้านคงไม่เคยเดินทางเช่นนี้ ภายในวันเดียวก็ผ่านเรื่องมามากมายเพียงนี้”
ซ่งหมิงได้ยินคำพูดนี้ก็มองยังเฟิ่งจิ่วในชุดแดง กล่าวอย่างสงสัยเล็กน้อย “อันที่จริงตลอดมาข้าไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าถึงอยากพาพวกเรามาเทือกเขาอเวจี? เจ้าไม่เคยมาที่นี่ไม่ใช่หรือ? อันตรายที่ไม่รู้จัก หรือว่าเจ้าไม่กลัวเกิดเรื่องอะไรในนี้?”
แม้เขามีพลังระดับหลอมแก่นพลังและเป็นภูตหมอ แต่ภายในเทือกเขาอเวจีกำลังวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังก็ห่างไกลไม่มากพอจริงๆ ทำไมถึงไม่กลัวว่าพวกเขาจะตายที่นี่ หรือเดินเข้ามาและออกไปไม่ได้?
เห็นชัดว่าอายุต่างจากพวกเขาไม่มาก แต่ความสงบนิ่งเมื่อเจอเรื่องรวมถึงความคิด พวกเขากลับห่างไกลเทียบไม่ได้
………………………………………………….