เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1113 กลืนเมฆามองท้องฟ้า + ตอนที่ 1114 เวลาสิบวัน
ตอนที่ 1113 กลืนเมฆามองท้องฟ้า + ตอนที่ 1114 เวลาสิบวัน
ตอนที่ 1113 กลืนเมฆามองท้องฟ้า
เป็นอย่างที่ซ่งหมิงคาดไว้ หนิงหลางหวั่นไหวเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดก็พยักหน้า “เอาเถอะ! ข้าตกลง! บอกว่าจะทำก็ทำ แต่จะปล้นอย่างไรต้องวางแผนกัน นอกจากพวกเราจะสู้ได้ ก็ต้องใช้สมองได้ด้วย”
“ได้ เจ้าว่ามาซิ พวกเราควรลงมือเช่นไร?” ซ่งหมิงมองหนิงหลางพลางเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าต้องดูเสียก่อนว่าเป้าหมายที่พวกเราจะปล้นเป็นใคร นอกจากนี้ ในเมื่อต้องปล้นละก็ คิดว่าพวกเราสองคนต้องพรางตัวเสียหน่อย มิเช่นนั้นถ้าคนจำได้จะเป็นปัญหา”
ระหว่างพูด หนิงหลางก็หยิบของจากห้วงมิติออกมาพลางบอกว่า “ข้ามีข้าวของไม่น้อย มีเสื้อผ้าเก่าๆ อีก เดี๋ยวพวกเราเปลี่ยนกันก่อน ข้ามีหนวดปลอม หน้ากากผี กับเสื้อคลุมสีดำ”
“เจ้าได้ของพวกนี้มาจากไหน” ซ่งหมิงมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ
“แต่ก่อนใช้แกล้งคน เก็บไว้ตลอดเลย มา อันนี้ให้เจ้า รีบจัดการให้เรียบร้อยแล้วพวกเราค่อยไปหาเป้าหมาย แต่คิดว่าอย่าไปไกลนักดีกว่า มิเช่นนั้นจะอันตรายเกินไป”
ซ่งหมิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้ม “เจ้าไหวไหม ไม่ทันลงมือเจ้าก็กังวลเสียแล้ว เอาละๆ หนวดอะไรนี่ไม่ต้องใช้หรอก เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่เสื้อคลุมดำ แล้วสวมหน้ากากผีเป็นพอ ปลอมตัวเช่นนี้แม้แต่พวกต้วนเยี่ยก็จำพวกเราไม่ได้”
ระหว่างพูดคุย ทั้งสองคนรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งตัวใหม่ จากนั้นถึงจะมุ่งไปในป่าตามหาเป้าหมายที่จัดการได้
กลืนเมฆายืนอยู่บนต้นไม้ ใบไม้ที่เจริญงอกงามบดบังร่างขาวราวหิมะของมันไว้ มันมองคนทั้งสองมุ่งเข้าไปในป่า นิ่งไปพักหนึ่ง ถึงจะเปลี่ยนทิศทาง พุ่งไปยังอีกทิศหนึ่งที่ต้วนเยี่ยกับลั่วเฟยสองคนอยู่
เมื่อมันหาต้วนเยี่ยกับลั่วเฟยพบก็นั่งมองอยู่บริเวณไม่ไกล เห็นพวกเขากำลังสู้กับผู้ฝึกวิชามารสองสามคนในป่า กำลังต่อสู้ของต้วนเยี่ยนับว่าไม่เป็นสองรองใครในหมู่พวกเขา ลั่วเฟยก็มีแผนร้ายมากมาย สองคนร่วมมือกัน ไม่ทันไรก็สังหารผู้ฝึกวิชามารหลายคนได้ รู้สึกว่าก่อนไปพวกเขายังใช้ไฟเผาศพพวกนั้นเพื่อทำลายร่องรอยด้วย
มันตามหลังพวกเขาไป เห็นว่าหลังจากพวกเขาเดินไปข้างหน้าอีกหน่อย มองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใครจึงค่อยหยิบสินสงครามมาแบ่งและนับกัน
“ว้าว! ผู้ฝึกวิชามารพวกนี้มีข้าวของไม่น้อยเลย! เจ้าดูสิ แค่ผลึกอสูรจากบนตัวของพวกเขาก็ได้มาสองร้อยกว่าก้อนแล้ว เห็นได้เลยว่าพวกเขาปล้นคนมามาก”
ลั่วเฟยมีสีหน้าตื่นเต้น กล่าวว่า “สิบวันอย่างต่ำหนึ่งร้อยก้อน ข้าว่าพวกหนิงหลางไม่ได้มากไปกว่าพวกเราแน่ๆ เอาเช่นนี้แล้วกัน! ถึงเวลานั้นให้ดูว่าพวกเขานำออกมาเท่าไร พวกเราแค่หยิบให้มากกว่าพวกเขานิดหน่อยเป็นพอ อย่างไรเสียขอแค่ชนะ ผลึกอสูรของพวกเขาก็จะเป็นของพวกเรา ส่วนที่เหลือ แหะ เก็บไว้ครั้งหน้า เช่นนี้พวกเราจะชนะพวกเขาได้ทุกครั้ง”
ต้วนเยี่ยได้ยินเช่นนี้ก็เหลือบมองเขา “เจ้ารู้หรือว่าผลึกอสูรของพวกเขาน้อยกว่าพวกเรา? ผลึกอสูรของพวกเขาอาจเยอะเหมือนกันก็ได้”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? พวกเขาสองคนไม่มากเท่าพวกเราแน่นอน”
ลั่วเฟยกล่าวอย่างมั่นใจ “เจ้าดูสิ เพิ่งสองวันก็เยอะเพียงนี้แล้ว เว้นเสียแต่พวกเขาจะปล้นเหมือนพวกเรา มิเช่นนั้นแค่ล่าสัตว์ร้ายก็ตามพวกเราไม่ทัน”
กลืนเมฆาที่นั่งหมอบอยู่ไม่ไกลได้ยินคำพูดของพวกเขาก็อดมองท้องฟ้าไม่ได้ มิน่านายท่านถึงบอกว่าลั่วเฟยมากแผนการเป็นที่สุด เพิ่งสองวันก็ได้ผลึกอสูรมาสองร้อยกว่าก้อน แน่นอนว่าพวกหนิงหลางต้องตามไม่ทัน แต่ยังไม่ถึงท้ายที่สุด ใครจะรู้ว่าจะไม่พลิกโผ?
………………………………………………….
ตอนที่ 1114 เวลาสิบวัน
เวลาช่วงเย็น เมื่อกลืนเมฆาเห็นนายท่านนั่งขนนกเคลือบหลากสีบินมาจากบนฟ้าก็ยกหางขึ้น ในใจเริงร่า
นายท่านกลับมาแล้ว
เฟิ่งจิ่วนั่งขนนกบินกลับไปตรงเขตอาคม เห็นว่าภายในเขตอาคมไม่มีใคร จึงกลับไปพักผ่อนในอาศรม คิดว่าหลังจากพักผ่อนแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลั่นยาเซียน ทว่าขณะกำลังเตรียมตัวจะพักก็เห็นอสูรกลืนเมฆาวิ่งเข้ามา
“นายท่าน”
“เจ้ากลับมาทำไม ให้เจ้าตามพวกเขาไปไม่ใช่หรือ?” เฟิ่งจิ่วเอ่ยถาม มองอสูรกลืนเมฆาที่วิ่งมาหา
“ข้าเห็นนายท่านกลับมา จึงกลับมารายงานความเคลื่อนไหวในสองวันนี้ของพวกเขาก่อนขอรับ” อสูรกลืนเมฆากล่าวพลางวิ่งมาข้างกายเธอ และรายงานสถานการณ์ที่พวกเขาจับกลุ่มกันสองคนในสองวันนี้
ผ่านไปเนิ่นนาน เฟิ่งจิ่วฟังคำพูดของอสูรกลืนเมฆาจบก็ยิ้มขึ้นมา “เพิ่งสองวัน ใครแพ้ใครชนะยังไม่รู้หรอก! แม้ว่ากันด้วยอุบาย หนิงหลางกับซ่งหมิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลั่วเฟย แต่พวกเขาก็มีจุดแข็งของตนเอง ขอแค่ใช้ดีๆ และแสดงจุดแข็งของตนเองออกมา ข้าเชื่อว่าผลลัพธ์ก็น่าสนใจ
เอาละ เจ้าจับตาดูพวกเขาต่อไปเถอะ! ขอแค่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตก็ไม่ต้องออกไปช่วย หากเจอเรื่องที่เจ้าจัดการไม่ได้ค่อยกลับมาหาข้า!” เธอเอ่ยเปรยให้มันถอยออกไป
ได้ยินเช่นนี้ อสูรกลืนเมฆาขานรับ ก่อนจะออกจากเขตอาคมวิ่งไปหาพวกหนิงหลาง นายท่านวางยาไว้บนตัวของพวกเขาแล้ว ขอแค่มันตามกลิ่นยาไปก็หาพวกเขาพบ
ส่วนกลิ่นของยาจะมีแค่มันกับนายท่านที่ได้กลิ่น ส่วนพวกเขาแม้แต่โดนนายท่านวางยาแล้วยังไม่รู้เรื่องเลย
เป็นอย่างที่เฟิ่งจิ่วคาดไว้ รางวัลสองสามวันต่อมาของหนิงหลางกับซ่งหมิงก็ไม่น้อยเช่นกัน นอกจากล่าสัตว์ร้ายยังสู้กับผู้ฝึกวิชามารและผู้ฝึกตนไร้สำนักในป่า เจอผู้ฝึกวิชามารที่ฆ่าได้ก็ฆ่า ส่วนผู้ฝึกตนไร้สำนัก พวกเขาแค่ปล้นชิงสิ่งของแต่ไม่เอาชีวิต
เส้นตายสิบวันผ่านไปเร็วมาก เช้าตรู่วันที่สิบ พวกเขาสี่คนที่เหนื่อยจนหมดสภาพลากฝีเท้าอ่อนแรงกลับมาตรงเขตอาคม พอเข้าไปข้างในพวกเขาก็อ่อนเปลี้ย ล้มลงไปนอนพักบนพื้น
ภายในเขตอาคมพวกเขาพักผ่อนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอันตราย พ้นเขตอาคมไปก็ทำไม่ได้แล้ว แม้รอบๆ ดูไม่อันตราย พวกเขาก็ไม่กล้าพักโดยไม่ระวังตัวเช่นนี้
หลังจากพวกเขากลับมา อสูรกลืนเมฆาก็ตามเข้ามาด้วย มองทั้งสี่ที่ล้มไปกองกับพื้นวแบหนึ่ง แล้วจึงเข้าอาศรมไปแจ้งเฟิ่งจิ่ว
ไม่นานนัก เฟิ่งจิ่วในชุดแดงเดินออกมาจากอาศรม เมื่อเห็นสภาพของพวกเขาก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ “กลับมากันแล้วหรือ ในเมื่อกลับมาแล้ว เช่นนั้นก็นำสิ่งที่พวกเจ้าได้มาในสิบวันนี้ออกมา!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สี่คนที่อยู่บนพื้นผลุงตัวขึ้นมาขณะที่ในใจวางแผนอย่างรวดเร็ว มองอีกฝ่ายและเอ่ยพร้อมกันโดยไม่นัดหมายว่า “พวกเจ้าหยิบก่อนสิ”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองพวกเขา บอกว่า “ต่างคนต่างหยิบของแต่ละคนมา ทุกคนหันหลังไปนับ นอกจากนั้น หลังจากเทียบกันว่าได้มาเท่าไรแล้วจะหยิบออกมาอีกไม่ได้ แม้ว่าพวกเจ้ายังมีอีกก็ตาม”
ความหมายง่ายมากนัก คือเจ้าอยากหยิบเท่าไรก็เอาออกมา แต่หลังจากหยิบออกมาแล้ว ต่อให้น้อยกว่าคู่แข่งและมีอยู่อีกในห้วงมิติก็หยิบออกมาแข่งกันไม่ได้อีก
นี่จึงเป็นการทดสอบพวกเขาว่าจะนำทั้งหมดออกมาให้ชนะแน่ๆ หรือเก็บเอาไว้บ้าง?
ทันใดนั้น พวกเขาครุ่นคิดเพราะคำพูดของเฟิ่งจิ่ว นึกไม่ถึงว่าจะหันหลังไปหารือกันข้างๆ เธอเห็นแล้วหลุดหัวเราะและส่ายหน้าอย่างอดไม่ไหว
………………………………………………….