เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1181 หนึ่งเหรียญทอง + ตอนที่ 1182 ไปไม่บอกลา
ตอนที่ 1181 หนึ่งเหรียญทอง + ตอนที่ 1182 ไปไม่บอกลา
ตอนที่ 1181 หนึ่งเหรียญทอง
“ได้ หนึ่งเหรียญทอง ขอบคุณขอรับ” หนิงหลางยื่นผลไม้ไป พร้อมหรี่ตายิ้มเอ่ย
“อะ อะไรนะ? ผลไม้สองลูกราคาหนึ่งเหรียญทอง? เจ้าจะปล้นกันหรือไร?” ผู้ชายคนนั้นตะลึงเล็กน้อย แม้แต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปหมด ตามถนนใหญ่หนึ่งเหรียญทองซื้อผลไม้ได้หนึ่งจิน ตรงนี้หนึ่งเหรียญทองได้แค่สองลูก?
หากบอกว่าเป็นเหรียญเงินก็แล้วไป ดันเป็นเหรียญทอง? คนคนนี้คิดถึงเงินเสียจนบ้าหรือไร?
“ไม่เลยๆ หนึ่งเหรียญทองเป็นราคาพิเศษมากแล้ว ราคาถูกนัก” หนิงหลางกล่าว ก่อนจะนำเสนอให้พวกเขาฟัง “เดิมทีผลไม้สองลูกไม่มีค่า แต่ผ่านมือของข้าไปถึงได้ล้ำค่า ซ้ำยังเป็นผลไม้คู่รักจึงแตกต่างไป พวกท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ฐานะอย่างข้ามาขายผลไม้ แน่นอนว่านับตามราคาปกติไม่ได้”
หนิงหลางหรี่ตายิ้มพลางเอ่ยไป เห็นผู้ชายหน้าบึ้งตึง ผู้หญิงก้มหน้าเล็กน้อย เขาจึงบอกอีกว่า “อีกอย่าง ข้าเห็นเป็นคุณชายสง่างาม ไม่ใช่คนไม่มีเงินแน่นอน และเป็นของที่ซื้อให้แม่นางคนงามท่านนี้ หรือจะบอกว่าแม่นางไม่คู่ควรให้คุณชายจ่ายหนึ่งเหรียญทองและเชิญนางกินผลไม้คู่รัก?”
พวกของเฟิ่งจิ่วที่นั่งในศาลาได้ยินก็ตาค้างเล็กน้อย เจ้าอ้วนกำลังปล้นเงิน! อีกทั้งยังปล้นอย่างโจ่งแจ้ง กลับขายของสองท่านดั่งเล็งจุดอ่อน จับความคิดของชายหญิงสองฝ่ายไว้ ไม่ต้องพูดถึงผลไม้สองลูกหนึ่งเหรียญทอง แม้เป็นสิบเหรียญทองผู้ชายก็ต้องซื้อมา มิเช่นนั้นกลับไปเดาว่าทั้งคู่คงเลิกรากันไป
ขายผลไม้คู่รักหรือ? หากผลไม้ขายไม่ได้คงทำให้คู่รักคู่หนึ่งแยกทาง
คนอื่นในศาลานั่งกินผลไม้พลางมองไป สุดท้ายก็เห็นฝ่ายชายซื้อผลไม้ไปคู่หนึ่ง ผู้หญิงดีใจ ผู้ชายเห็นเช่นนี้แม้ในใจอึดอัดเล็กน้อย ได้แต่ฝืนหน้ายิ้มแย้มเดินจากไป
เดาว่าคงเป็นผลไม้ธรรมดาที่แพงที่สุดเท่าที่เขาเคยซื้อ
“ดูสิ ได้หนึ่งเหรียญทองมาถึงมือ”
หนิงหลางหันกลับไปส่งยิ้มให้พวกเขาอย่างภูมิใจ ตะโกนไปอีกครั้งก็มีคนเดินเข้ามาไม่ขาดสาย สุดท้ายล้วนเหมือนๆ กัน บางคนซื้ออย่างชอบใจ บางคนซื้ออย่างอัดอั้นตันใจ แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้ายที่สุดหนิงหลางก็ขายหมดแม้แต่ผลไม้ในศาลา
พวกของเฟิ่งจิ่วเห็นหนิงหลางนับเหรียญทองตรงนั้นก็ชื่นชมจากใจจริง เจ้าอ้วนไม่ผิดจากฉายาคนเห็นแก่เงินเลยจริงๆ ไปไหนล้วนคิดจะหาเงิน แค่ผลไม้พวกนั้นยังหาเงินมาได้มากมายเพียงนี้ เก่งมากจริงๆ
“ออกมาเดินเล่นตลาดกลางคืนยังหาเงินได้มากมายเช่นนี้ ข้าพอใจมากแล้ว” หนิงหลางเอ่ยขึ้น พร้อมเก็บทุกๆ เหรียญทองโดยละเอียด “โดยเฉพาะไม่ต้องแบ่งให้พวกเจ้า ฮ่าๆๆ”
“เอาล่ะ เวลามืดค่ำแล้ว กลับไปพักผ่อนกันเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้าและลุกขึ้นมา ทางนี้เขาเริงร่า พวกเขาตรงนี้เห็นคนไม่น้อยบึ้งหน้าจากไป ผลไม้พวกนี้ขายออกไปได้เงินมากมาย แต่จริงๆ หลายคนก็คิดว่าตนเองโดนโกง
อันที่จริงคิดว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ไม่มีเหตุผล เขาเป็นลูกมหาเศรษฐี ในเมื่อขายผลไม้สิ่งของผ่านมือของเขาย่อมว่าตามราคาท้องตลาดไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งเหรียญทอง เดาว่าเรียกมาร้อยเหรียญทองยังได้ เพียงแต่ถึงเวลานั้นผู้ซื้อจะไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป แต่เป็นคนที่รู้ฐานะของเขาจึงคิดตีสนิทด้วย พวกเขาคงยินดีจ่ายร้อยเหรียญทองเพื่อสานไมตรี
“อื้ม กลับไปนอนดีๆ พักสักสองสามวันค่อยไปสำนักศึกษา” หนิงหลางกล่าวด้วยความอิ่มเอิบ
………………………………………………….
ตอนที่ 1182 ไปไม่บอกลา
พวกเขากลับมาพักผ่อนยังโรงเตี๊ยมพร้อมๆ กัน หลังจากนอนบนเตียงของโรงเตี๊ยมในเมือง จิตใจที่ตึงเครียดช่วงนี้ก็ผ่อนคลายลงถึงที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงหลับสนิทเร็วมาก
กระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วกับปี้ซานออกจากโรงเตี๊ยมไปเงียบๆ ตั้งแต่เช้า
ออกมาด้านนอกโรงเตี๊ยม ปี้ซานถึงจะถามว่า “นายท่าน ทำไมไม่บอกลาคุณชายคนอื่นขอรับ? หากพวกเขาตื่นมาตามหาท่านไม่เจอล่ะ?”
“ไม่ช้าก็เร็วต้องจากกัน จะบอกลาหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ อย่างไรเสียพวกเขาก็รู้ว่าข้าต้องไป” เฟิ่งจิ่วกล่าวไป มองถนนใหญ่ยามเช้าที่ชาวบ้านค่อนข้างน้อยและบอกว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”
“ขอรับ” ปี้ซานขานรับ ติดตามข้างกายเขาและออกไปพร้อมกัน
อยู่ด้วยกันมาหนึ่งปี แม้แต่พวกของต้วนเยี่ยก็ไม่รู้ว่าเฟิ่งจิ่วเป็นผู้หญิง และไม่รู้ว่าเขาที่พวกเขาเรียกมาตลอด อันที่จริงเป็นนาง
พวกของต้วนเยี่ยไม่รู้อะไรทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปี้ซานที่เพิ่งติดตามข้างกายเฟิ่งจิ่วมาระหว่างทาง แม้เขารับเฟิ่งจิ่วเป็นนาย ก็ไม่รู้ว่าอันที่จริงนายท่านของเขาเป็นผู้หญิง ยิ่งไม่รู้ตัวตนภูตหมอของเฟิ่งจิ่ว และไม่รู้ว่าพละกำลังของเฟิ่งจิ่วบรรลุถึงระดับกำเนิดวิญญาณแล้ว
เขาเพียงรู้และมั่นใจว่าเฟิ่งจิ่วเป็นคนช่วยชีวิตเขา เฟิ่งจิ่วมอบชีวิตใหม่แก่เขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงปกป้องเฟิ่งจิ่วด้วยชีวิต
กระทั่งเวลาเที่ยงวัน พวกของต้วนเยี่ยในโรงเตี๊ยมถึงจะทยอยตื่นขึ้นมา เมื่อพวกเขาล้างหน้าบ้วนปากออกจากห้อง แล้วมานั่งชั้นล่างเตรียมจะสั่งอาหารกิน ถึงพบว่าพวกเขาสี่คนมากันครบ แต่เฟิ่งจิ่วกับปี้ซานสองคนกลับไม่เห็นเงา
“เฟิ่งจิ่วล่ะ? คงไม่ยังไม่ตื่นกระมัง?” หนิงหลางถามขึ้นและมองซ้ายขวา รอบข้างไม่เห็นเงาของเฟิ่งจิ่ว จึงลุกขึ้นมา “พวกเจ้าสั่งอาการก่อนเลย ข้าจะขึ้นไปดูเสียหน่อย”
พวกของลั่วเฟยสามคนพยักหน้า ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งกับข้าวและข้าวสวยสองสามชาม
หนิงหลางที่ขึ้นไปห้องชั้นสองเคาะๆ ประตูห้องที่เฟิ่งจิ่วพัก พร้อมขานเรียก “เฟิ่งจิ่ว? เจ้ายังไม่ตื่นหรือ? พวกเราตื่นกันแล้ว รอเจ้ากินมากินข้าว”
“เฟิ่งจิ่ว?” เขาออกแรงทุบประตูเล็กน้อย แล้วเปิดประตูห้องในทันที เห็นท่าทางก็เดินเข้าไป “เฟิ่งจิ่ว?”
ข้างนอกข้างในไม่เห็นคนและไม่เห็นอสูรกลืนเมฆา ตกใจเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ กำลังตะออกไปตามเจ้าของโรงเตี๊ยมมาถามก็เห็นเขาเดินเข้ามา
“คุณชาย คุณชายท่านนี้ไปตั้งแต่เช้าแล้วขอรับ” เจ้าของโรงเตี๊ยมเข้ามาบอก
“ไปแล้ว?” หนิงหลางประหลาดใจ เสียงสูงขึ้นบางส่วน
“ขอรับ ไปตั้งแต่เช้า แม้แต่ทหารอารักขาของเขาก็ตามไปพร้อมกัน ไปกันหลายชั่วยามแล้วขอรับ” เจ้าของโรงเตี๊ยมกล่าวจบถึงจะถอยออกไป
หนิงหลางพลันก้าวยาวมาข้างนอก แล้วเร่งฝีเท้าเดินลงไป มายังข้างกายพวกของต้วนเยี่ย “เจ้าของโรงเตี๊ยมบอกว่าเฟิ่งจิ่วไปแล้ว อีกอย่างข้าไม่เห็นใครในห้องเขาเลย แล้งน้ำใจเหลือเกิน จะไปทำไมไม่บอกพวกเราสักคำ? ไปเงียบๆ เช่นนี้ จริงๆ เลย”
พวกเขาที่นั่งตรงโต๊ะกำลังดื่มเหล้า ดวงตาหลุบลงมองอารมณ์ของพวกเขาไม่ได้ชัดเจน เพียงได้ยินพวกเขาเอ่ยว่า “คำพูดของเจ้ากับเจ้าของโรงเตี๊ยมข้างบนพวกเราได้ยินแล้ว เจ้าไม่ต้องบอกหรอก เดิมทีเขาบอกจะไป แต่ไม่นึกว่าจะเร็วเพียงนี้”
หนิงหลางนั่งลงโดยไม่พูดอะไร เพียงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในใจ อยู่ด้วยกันมานานปานนั้นเขาไปอย่างกะทันหัน พวกเขายังไม่รู้จะไปตามหาเขาได้ที่ไหน แค่คิดก็ไม่สบายในใจ
“พวกเจ้าว่าเขาไปไหน? จะไปแคว้นระดับหนึ่งจริงหรือ?” ซ่งหมิงเอ่ยถามอย่างสงสัยเล็กน้อย
………………………………………………….