เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1183 เข้าสู่แคว้นสวรรค์บันดาล + ตอนที่ 1184 จะไม่ไปได้อย่างไร
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1183 เข้าสู่แคว้นสวรรค์บันดาล + ตอนที่ 1184 จะไม่ไปได้อย่างไร
ตอนที่ 1183 เข้าสู่แคว้นสวรรค์บันดาล + ตอนที่ 1184 จะไม่ไปได้อย่างไร?
ตอนที่ 1183 เข้าสู่แคว้นสวรรค์บันดาล
“น่าจะไป แต่ไม่ว่าเขาไปที่นั่นมีธุระอะไร?” ซ่งหมิงกล่าวอย่างครุ่นคิด ด้วยชื่อเสียงภูตหมอของเฟิ่งจิ่ว ยังมีธุระอะไรที่เขาจำเป็นต้องไปทำด้วยตนเองอีก?
“ไม่ว่าอย่างไร พวกเราไปสักนักศึกษากันก่อน ถึงเวลานั้นก็แยกย้ายกลับบ้านและไปรายงานตัวที่สำนักศึกษาหนึ่งดารา สำหรับตระกูลของพวกเราแล้ว ขอแค่พวกเรายินยอมก็เข้าสำนักศึกษาหนึ่งดาราได้ทันที อีกอย่างอาศัยกำลังวรยุทธ์ของพวกเราตอนนี้ เดาว่าในสำนักศึกษาหนึ่งดาราคงเทียบพวกเราได้ไม่กี่คน”
“ใช่ จัดการเช่นนี้แล้วกัน! กินอาหารเสร็จค่อยออกเดินทาง”
พวกเขาวางเรื่องที่เฟิ่งจิ่วจากไปไว้ข้างๆ ชั่วคราว ฝึกวิชาข้างนอกมาหนึ่งปี ติดตามเฟิ่งจิ่วมาประสบและพบเจอเรื่องราวมากมายเพียงนั้น ด้านนิสัยใจคอล้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิดอะไรยาวไกลยิ่งขึ้น
พวกเขารู้ว่าเฟิ่งจิ่วจะต้องไปแปดจักรวรรดิใหญ่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องไปที่นั่น! พวกเขาเป็นคนที่เฟิ่งจิ่วพาออกมา เฟิ่งจิ่วไปแล้ว พวกเขาจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ผ่านไปครึ่งเดือน
เฟิ่งจิ่วพาปี้ซานเข้าไปแคว้นสวรรค์บันดาลระดับหนึ่ง มายังบ้านตระกูลซั่งกวนในเมืองหลวง
เฟิ่งจิ่วในชุดแดงหน้าตางดงามแม้มาถึงในเมืองหลวงของแคว้นใหญ่ระดับหนึ่ง ยังคงแพรวพราวอย่างยิ่ง เมื่อเรียงแถวเข้าประตูเมือง ทอดสายตามองไปเธอเป็นเช่นกระเรียนยืนกลางฝูงนก ทั้งแวววาวและเปิดเผย ทำให้คนมองแวบเดียวก็มองเห็นเธอได้ในฝูงชน
สิ่งที่ติดตามมาตรงเท้าของเธอคืออสูรกลืนเมฆาตัวน้อยขนขาวราวหิมะ ส่วนด้านหลังเป็นปี้ซานในชุดทหารอารักขาสีดำ ปี้ซานรูปร่างกำยำ แผ่นหลังเท่าเสือเอวเท่าหมี ยืนข้างหลังเฟิ่งจิ่วดุจภูเขาเล็กๆ
เพราะคนเข้าเมืองมากมาย เขาติดตามคุ้มกันข้างกายเฟิ่งจิ่วอย่างใกล้ชิด คอยระวังไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ จะว่าไปก็บังเอิญ เขาเป็นทหารรับจ้างตามระเบียนชื่อของสมาคมทหารรับจ้างแคว้นสวรรค์บันดาล เมื่อก่อนพวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ไม่นึกว่านายท่านจะมาสถานที่ที่เขาคุ้นเคย
แคว้นระดับหนึ่งมีข้อห้าม ไม่ใช่คนแคว้นระดับหนึ่งจะเข้ามาตามใจชอบไม่ได้ ทว่าเขาตามมาข้างหลังและเห็นนายท่านยื่นป้ายคำสั่งก็ถูกปล่อยไปด้วยความเคารพ ในใจประหลาดใจเล็กน้อยกลับไม่ถามมากความ
ในเมื่อเป็นทหารอารักขา เรื่องของนายท่านจะถามอะไรมากไม่ได้ เขารู้ข้อนี้ดี
“ปี้ซาน เจ้าบอกว่าตนเองเติบโตที่นี่ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นให้เจ้ามาเลือกโรงเตี๊ยมเข้าพัก” เฟิ่งจิ่วก้าวฝีเท้านวยนาดเดินไป พร้อมมองร้านค้าซ้ายขวา รวมถึงร้านหาบเร่ตามถนนบ่อยครั้ง
“ขอรับ”
ปี้ซานขานรับและเอ่ยว่า “นายท่าน หากเป็นโรงเตี๊ยมข้างหน้ามีที่หนึ่งขอรับ ถือเป็นเจ้าเก่าแก่ในเมืองหลวง แม้ราคาแพงกว่าโรงเตี๊ยมทั่วไปสองเท่า แต่สภาพแวดล้อมและบริการข้างในล้วนดีที่สุด พวกเราไปจองห้องกันก่อน หลังจากนั้นข้าน้อยค่อยพานายท่านไปเดินเล่นในเมือง ทิวทัศน์งดงามต่างๆ ในเมืองนี้ ข้าน้อยล้วนคุ้นเคย”
“อืม เช่นนั้นเอาเถอะ! เจ้านำทางไปข้างหน้า หาโรงเตี๊ยมก่อนค่อยว่ากัน”
“ขอรับ” ปี้ซานขานรับ แล้วพาเฟิ่งจิ่วมุ่งไปโรงเตี๊ยมด้านหน้า
ระหว่างเฟิ่งจิ่วเข้าเมือง คนแทบทุกตระกูลใหญ่ก็ได้รับข่าว ถึงอย่างไรชื่อเสียงของภูตหมอโด่งดังเกินไป กลุ่มอำนาจแต่ละฝ่ายในเมืองหลวงแคว้นระดับหนึ่งมีภาพเหมือนของภูตหมอในมือตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงส่งคนไปสังเกตการณ์ประตูเมืองหลวงไว้ตลอด หากเห็นภูตหมอมาถึงเมืองหลวงต้องกลับมาไปรายงานในทันที
ดังนั้นเมื่อพวกเขามุ่งหน้าไปโรงเตี๊ยม สายสืบของกลุ่มอำนาจและตระกูลใหญ่จึงกลับไปรายงานด้วยความรวดเร็ว
………………………………………………….
ตอนที่ 1184 จะไม่ไปได้อย่างไร?
ระหว่างคนพวกนั้นบ้างตามมาบ้างจากไป เห็นเฟิ่งจิ่วที่ยังเดินสบายๆ ไปบนถนนใหญ่โดยไม่รู้ตัวสักนิดกลับหันหน้าเล็กน้อยและมองไป ยกมุมปากขึ้น แล้วก้าวเดินไปต่อ
“อะไรนะ? เจ้าบอกว่าคนคนนั้นในภาพเหมือนมาแล้ว? เป็นเรื่องจริงหรือ?”
ผู้นำตระกูลหนึ่งในเมืองหลวงได้ยินคนเบื้องล่างรายงาน นัยน์ตาเผยความประหลาดใจ
“ขอรับ ข้าน้อยมองไม่ผิด สวมชุดแดงหน้าตางดงามแพรวพราวยิ่งนัก เป็นเด็กหนุ่มในภาพ ข้าน้อยเห็นจึงสั่งคนแอบตามไปและกลับมารายงานโดยเร็วขอรับ” ทหารอารักขาเอ่ยด้วยความเคารพ
“พวกเจ้าเห็นแล้ว กล่าวเช่นนี้คนของตระกูลอื่นๆ น่าจะสังเกตเห็นเช่นกัน?” ผู้นำตระกูลครุ่นคิด กล่าวว่า “เร็วเข้า ไปตามคุณชายมา ข้าต้องรีบไปรับภูตหมอมาจวนของพวกเราก่อนพวกเขา”
ยามนี้พ่อบ้านข้างๆ เข้ามาบอกว่า “ท่านผู้นำตระกูล คุณชายออกไปตั้งแต่เช้า บอกจะไปเดินเล่น ยามนี้เกรงว่า…”
“เช่นนั้นต้องส่งคนไปหา ตามหาและพาคนกลับมาเสีย” เขาโบกมือให้สัญญาณ แล้วก้าวยาวเดินออกไป
อีกด้านหนึ่ง ตระกูลหนึ่งได้ยินข่าวก็ประหลาดใจเป็นที่สุด
“เอ่ยเช่นนี้ ภูตหมอมาเมืองหลวงแคว้นสวรรค์บันดาลของพวกเราจริงๆ หรือ? ดีเหลือเกิน! เร็ว ตามข้าออกไปรับคน จะได้ไม่โดนตาแก่คนอื่นพวกนั้นคว้าโอกาสแรกไป” คนตรงตำแหน่งผู้อาวุโสเอ่ยขึ้น ก่อนจะพาคนเดินไปข้างนอก
ภายในตระกูลซั่งกวน หลังจากได้ยินสายสืบรายงาน พวกเขาแปลกใจยิ่ง
“ภูตหมอมาเมืองหลวง? กล่าวเช่นนี้ หรือว่ากลุ่มอำนาจต่างๆ ในเมืองจะรู้กันหมดแล้ว?” ผู้นำตระกูลซั่งกวนกล่าว ประหนึ่งว่าไม่ตื่นเต้นมากนักและไม่รู้สึกอะไร
“ขอรับ ข้าน้อยเห็นสายสืบพวกนั้นกลับไปรายงานกันแล้ว”
“หึ! ฝีมือของเจ้าพวกนั้นคล่องแคล่วนัก แต่เป็นเพียงเด็กหนุ่มคนเดียว ปรุงกลั่นสิ่งเลิศเลอเกินจริงได้ก็เท่านั้น จะมีอะไรพิเศษ? พูดถึงเรื่องกลั่นยาเซียน ตระกูลใดจะเทียบตระกูลซั่งกวนของพวกเราได้?”
ทหารอารักขาเบื้องล่างก้มหน้าไม่พูดอะไร ฟังน้ำเสียงของผู้นำตระกูลที่ไม่โกรธเคืองและไม่คิดว่าถูกต้องดังกึกก้องในห้องโถง
“สั่งคนจับตาดูไว้เป็นพอ ดูเสียหน่อยว่าเจ้าหนูนั่นมาทำอะไรเมืองหลวง?” เขาโบกๆ มือพลางเอ่ยไป เพื่อให้สัญญาณเขาถอยไป ทว่ายามนี้ชายชราคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
“ผู้นำตระกูล ข้าได้ยินข่าวบอกว่าภูตหมอมาเมืองหลวง? ไม่ทราบว่าตระกูลซั่งกวนของพวกเราได้ส่งคนไปรับหรือไม่?” ผู้มาใหม่คือผู้อาวุโสสามตระกูลซั่งกวนที่เคยมีวาสนาพบหน้าเฟิ่งจิ่ว
“แค่เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าที่เพิ่งแสดงตัวครั้งแรกเท่านั้น ท่านผู้อาวุโสสามก็ยกยอเขาเกินไปหน่อย ตระกูลซั่งกวนของเราเป็นตระกูลนักเล่นแร่แปรธาตุในแคว้นใหญ่ระดับหนึ่ง หากไปเอาใจเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ที่มาที่ไป คนจะไม่หัวเราะเยาะหรือ?” ผู้นำตระกูลซั่งกวนตรงที่นั่งอาวุโสไม่ใช่นายท่านของตระกูลซั่งกวน แต่เป็นลูกชายคนโตของนายท่าน นับว่าเป็นน้าชายของเฟิ่งจิ่ว
ผู้อาวุโสสามได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผู้นำตระกูล เฟิ่งจิ่วคนนี้ไม่ใช่คนไร้ความทะเยอทะยาน สิ่งที่เขาปรุงกลั่นแม้แต่ตระกูลซั่งกวนของพวกเรายังกลั่นไม่ได้ ข้อนี้ปฏิเสธไม่ได้ หากเขาไม่มาเมืองหลวงของเราก็แล้วไป หากมาที่นี่แต่พวกเราไม่ไปเชื้อเชิญ ไม่เท่ากับยกโอกาสให้คนอื่นไปเปล่าๆ หรือ?”
เสียงของเขาชะงักไป ก่อนเอ่ยว่า “ข้าเคยมีวาสนาพบหน้าเขา หากให้ข้าไปเชิญอาจพาเขามาตระกูลซั่งกวนของเราได้จริง ถ้าหารือกันในด้านกลั่นยาเซียนได้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อตระกูลซั่งกวนของเรา”
………………………………………………….