เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1193 หลานสาวนอกตระกูลซั่งกวน + ตอนที่ 1194 สั่งสอนกลางถนน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1193 หลานสาวนอกตระกูลซั่งกวน + ตอนที่ 1194 สั่งสอนกลางถนน
ตอนที่ 1193 หลานสาวนอกตระกูลซั่งกวน + ตอนที่ 1194 สั่งสอนกลางถนน
ตอนที่ 1193 หลานสาวนอกตระกูลซั่งกวน
“เฟิ่งเซียว?” ผู้เฒ่าขมวดคิ้ว นึกไม่ออกว่าเฟิ่งเซียวเป็นใคร
“ปะ เป็นผู้ชายที่อยู่ด้วยกันกับหวั่นหรง เฟิ่งเซียว สามีของหวั่นหรง” ผู้นำตระกูลซั่งกวนเอ่ยอย่างระแวดระวัง ทว่ากล่าวจบก็เห็นบิดาของเขาสีหน้าถมึงทึง
“สามีของหวั่นหรงอะไรกัน! หวั่นหรงมีสามีตั้งแต่เมื่อไร?” สีหน้าของผู้เฒ่าเคร่งเครียด แต่ในใจกลับเกิดคลื่นพายุ
เฟิ่งเซียว? เฟิ่งเซียวจากแคว้นระดับเก้า? นักรบคนนั้น? ภูตหมอเป็นลูกสาวของนักรบ เช่นนั้นก็เป็นลูกสาวของหวั่นหรงไม่ใช่หรือ? เป็นหลานสาวนอกตระกูลของเขา?
เขานึกถึงข้อนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไป นัยน์ตามีความครุ่นคิด ไม่รู้กำลังคิดอะไร
ผู้นำตระกูลซั่งกวนข้างๆ เห็นเช่นนี้จึงเอ่ยอย่างระมัดระวัง “เฟิ่งจิ่วเป็นลูกสาวของหวั่นหรง ลูกสาวที่ทิ้งไว้ข้างกายเฟิ่งเซียว คนที่ส่งออกไปตรวจสอบรู้ว่าหลายปีที่มามานี้เฟิ่งเซียวไม่แต่งงานอีกเลย เพียงตั้งมั่นเลี้ยงลูกสาวเสียจนเติบใหญ่ อีกอย่างท่านพ่อ ปีนั้นเฟิ่งเซียวเป็นแค่นักรบ แม่ทัพ ยามนี้กลับเป็นผู้ครองแคว้นราชวงศ์เฟิ่งหวงเสียแล้ว”
“ผู้ครองแคว้นราชวงศ์เฟิ่งหวง? เรื่องเป็นมาอย่างไร? เจ้าเล่ามาอย่างละเอียดซิ” เขาเอ่ยเสียงเข้ม ให้เขาบอกเรื่องที่รู้มาทั้งหมด
คนพวกนี้ เฟิ่งเซียวเป็นคนที่พวกเขาไม่เคยจดจำ แต่ยามนี้ชื่อที่ไม่ควรเอ่ยถึงกลับมาได้ยินอีกครั้ง หนำซ้ำยังเป็นเพราะลูกสาวของเขา
หลายปีมานี้เกิดเรื่องที่พวกเขาไม่รู้มากมายเท่าไรกันแน่?
“ท่านพ่อ ตอนแรกราชวงศ์เฟิ่งหวงเป็นแคว้นระดับเก้า เรื่องนี้ต้องเล่าตั้งแต่สองสามปีก่อนหน้า เล่ากันว่าตอนนั้นลูกสาวของเฟิ่งเซียวผลักดันเขาขึ้นรับตำแหน่งผู้ครองแคว้น เข้ามาแทนตระกูลมู่หรงแต่เดิมและกลายเป็นผู้ครองแคว้น เปลี่ยนนามแคว้นเป็นราชวงศ์เฟิ่งหวง อีกทั้งในเวลาสองปีสั้นๆ ยังก้าวกระโดดกลายเป็นแคว้นระดับหก”
เสียงของเขาชะงักไป เอ่ยว่า “ยามนี้พ่อของเฟิ่งเซียวเป็นปราชญ์นักรบ แต่งภรรยาเป็นหญิงสาวของตระกูลใหญ่ร้อยปีจากแคว้นระดับสาม และเฟิ่งเซียวยังเป็นนักรบทรงเกียรติ ตำแหน่งและกลุ่มอำนาจของราชวงศ์เฟิ่งหวงแพร่กระจายไปเร็วนัก สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือภูตหมอเฟิ่งจิ่วเป็นโล่เบื้องหลัง จึงไม่มีใครกล้าระรานพวกเขา หนำซ้ำมีมิตรสหายมากมาย แม้แต่ตลาดมืดยังปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างสุภาพยิ่งขึ้น”
ผู้เฒ่าฟังคำพูดพวกนี้ แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ปริปากอะไร แต่สีหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
เขาเห็นผู้เฒ่าไม่พูดจา บอกว่า “ดังนั้นข้ากำลังคิด ยามนี้ตระกูลซั่งกวนเรารวมญาติทางนี้ได้ ภูตหมอเฟิ่งจิ่วไม่ว่าอย่างไรก็เป็นหลานสาวนอกตระกูลซั่งกวนเราไม่ใช่หรือ? ท่านพ่อ ข้าคิดว่ารับนางกลับมาได้ จะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลซั่งกวนของเราอย่างแน่นอน อีกทั้งเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่ง ข้าได้ข่าวว่าตอนนี้เฟิ่งจิ่วอยู่ในเมือง ผู้อาวุโสสามพาคนไปรับแล้ว”
“ปีนั้นปิดผนึกความทรงจำของเฟิ่งเซียว พวกเขาคงไม่รู้ว่าเกี่ยวพันกับตระกูลซั่งกวนของเรา ควรนึกถึงหวั่นหรงไม่ได้ถึงจะถูก เฟิ่งจิ่วคนนี้น่าจะไม่รู้ว่านางเกี่ยวพันกับตระกูลซั่งกวน”
ผู้เฒ่ากล่าวราวครุ่นคิดบางอย่าง คิดๆ และบอกว่า “หวั่นหรงไปแปดจักรวรรดิใหญ่แล้ว ภายหน้าจะกลับมาไม่ง่ายแน่ๆ ฝีมือกลั่นยาเซียนของลูกหลานตระกูลซั่งกวนคนอื่นไม่โดดเด่นสักคน หากรับเฟิ่งจิ่วเข้าตระกูลซั่งกวน เช่นนั้น…”
ผู้นำตระกูลซั่งกวนเห็นผู้เฒ่าตั้งเจตนาจึงเอ่ยว่า “ท่านพ่อวางใจได้ เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการ ข้าจะไปรับเฟิ่งจิ่วกลับมาบ้านตระกูลซั่งกวนเดี๋ยวนี้”
………………………………………………….
ตอนที่ 1194 สั่งสอนกลางถนน
“ไปเถอะ! รับคนกลับมาและหาโอกาสให้ทุกคนรับรู้” ในดวงตาของผู้เฒ่าส่องประกาย “นี่เป็นเรื่องที่มีผลดียิ่งต่อตระกูลซั่งกวนของเรา”
“ใช่ ลูกทราบขอรับ” ผู้นำตระกูลซั่งกวนขานรับ ถึงจะหมุนตัวออกไป
ผู้เฒ่าเห็นลูกชายออกไปก็นั่งเกลี่ยน้ำชาเบาๆ ตรงนั้น แอบคิดว่า ‘ปีนั้นเขารังเกียจนักรบเช่นเฟิ่งเซียว ไม่คิดว่าผ่านไปสิบกว่าปีจะกลายเป็นผู้ครองแคว้นระดับหก ลูกสาวที่พวกเขาไม่ยอมรับและเกือบจะฆ่าตายไปในปีนั้น นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นภูตหมอผู้ชื่อเสียงโด่งดังไปทุกแคว้น โชคชะตาช่างกลั่นแกล้งเสียจริง’
แต่ไม่เป็นไร ขอแค่พวกเขากระจายข่าวออกไป เมื่อคนของทุกแคว้นรู้ว่าภูตหมอเฟิ่งจิ่วเป็นหลานสาวนอกตระกูลซั่งกวนของพวกเขา ลำพังแค่เรื่องนี้แน่นอนว่าเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา
ขณะผู้นำตระกูลซั่งกวนมาถึงโรงเตี๊ยม เห็นผู้นำตระกูลคนอื่นๆ นั่งในโรงเตี๊ยม ผู้อาวุโสสามตระกูลซั่งกวนเห็นว่าเขามา หลังจากแปลกใจก็รีบร้อนลุกขึ้นเดินเข้าไป
“ผู้นำตระกูล? เจ้ามาได้อย่างไร?”
“ผู้อาวุโสสาม เฟิ่งจิ่วเล่า? ยังไม่ได้รับคนอีกหรือ?” เขารู้ข่าวก็วิ่งตรงมาที่นี่ ด้วยเหตุนี้จึงพลาดภาพบนถนนใหญ่อีกเส้น
“เจ้าของโรงเตี๊ยมบอกว่าเฟิ่งจิ่วจองห้องและออกไป เดาว่าคงไปเดินเล่นรอบๆ ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย ผู้นำตระกูลท่านอื่นๆ ต่างรอกันที่นี่” ระหว่างพูดเขามองทุกคนด้านใน
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” เขาพยักหน้า ยิ้มเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสสาม เฟิ่งจิ่วกับตระกูลซั่งกวนของพวกเรา…” เขากำลังจะพูดก็เห็นทหารอารักขาคนหนึ่งลนลานเข้ามา
“แย่แล้ว ท่านผู้นำตระกูล ท่านผู้อาวุโสสาม ตีกันแล้ว คนของพวกเรากับคุณชายเฟิ่งสู้กันขอรับ” ทหารอารักขาวิ่งมาบอกพลางหอบหายใจ
“อะไรนะ? สู้กับคุณชายเฟิ่ง?” ผู้อาวุโสสามส่งเสียงร้องเบาๆ อย่างตกตะลึง พลันไม่สนใจสิ่งอื่นใด พร้อมลากทหารอารักขามาบอกว่า “เร็วเข้า! นำทางไปๆ!”
ผู้นำตระกูลสองสามท่านในโรงเตี๊ยมได้ยินคำพูดของพวกเขาก็มองหน้ากันอย่างประหลาดใจ แล้วตามออกไปพร้อมกัน สู้กับเฟิ่งจิ่ว? คนของตระกูลซั่งกวนใจกล้าเสียจริง! ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่ตลาดมืดก็ทำให้คนไม่กล้ายุ่งเกี่ยว ไม่คิดว่าจะกล้าหาเรื่องเฟิ่งจิ่วอย่างโจ่งแจ้ง? เหอะๆ ครั้งนี้ตระกูลซั่งกวนคิดจะเชิญเฟิ่งจิ่วไปจวนของพวกเขา ดูท่าจะหมดหวังแล้ว
ยามนี้บนถนนใหญ่กำลังเกิดเรื่องที่อย่างไรก็ทำให้คนตระกูลซั่งกวนไม่คาดคิด
บนนนใหญ่ร้านหาบเร่ข้างทางถูกทุบทำลายไปไม่น้อย ทหารรับจ้างพวกนั้นแต่ละคนล้มคร่ำครวญบนพื้น ส่วนหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างยามนี้กำลังโดนกระบี่ของปี้ซานจี้ลำคอไม่กล้าขยับเขยื้อน
คนที่สาวน้อยชุดแดงตระกูลซั่งกวนพามาล้มอยู่บนพื้นเช่น โดยเฉพาะสาวน้อยชุดแดง ยามนี้แส้ถูกเฟิ่งจิ่วแย่งไปและฟาดไปบนร่างของนางเสียงดัง นางเจ็บเสียจนกลิ้งไปมา
“กรี๊ด! สมควรตาย! ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
“กรี๊ด! ซี๊ด! กรี๊ด! กรี๊ด! ยะ อย่าตีข้า! อย่าตีข้าเลย!”
ตอนแรกโวยวายสุดท้ายเจ็บเสียจนรับไม่ไหวต้องร้องขอความเมตตา จุดที่แส้หวดลงแต่ละครั้งชุดกระโปรงฉีกขาด รอยเลือดปรากฏตามมา
ทุกคนรอบๆ เห็นภาพเช่นนี้ ก็ไม่รู้จะใช้อะไรมาบรรยายอารมณ์ตกใจและเหลือเชื่อของพวกเขาตอนนี้
พวกเขาเห็นว่ามีคนกล้าทำร้ายคนตระกูลซั่งกวน และใช้แส้ฟาดกลายเป็นเช่นนี้ เด็กหนุ่มอยากตายหรือไร? คนตระกูลซั่งกวนมาแล้ว จะมีจุดจบดีๆ ได้หรือ?
………………………………………………….