เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1207 มองแต่เสื้อผ้าไม่มองคน + ตอนที่ 1208 ความเฉยชาของมนุษย์
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1207 มองแต่เสื้อผ้าไม่มองคน + ตอนที่ 1208 ความเฉยชาของมนุษย์
ตอนที่ 1207 มองแต่เสื้อผ้าไม่มองคน + ตอนที่ 1208 ความเฉยชาของมนุษย์
ตอนที่ 1207 มองแต่เสื้อผ้าไม่มองคน
คนคนนั้นสบสายตาที่เหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มของเฟิ่งจิ่ว อาจรู้ว่าน้ำเสียงของตนเองไม่ดีเท่าไร เจตนาดูถูกคนเล็กน้อย จึงกระแอมไอและเอ่ยว่า “หนังงูมณีฟ้าล้ำค่ายิ่ง หากใครอยากดูอยากจับ แล้วทำเสียหายโดยไม่ระวังใครจะชดใช้? ดังนั้นไม่ซื้อก็หยิบออกมาไม่ได้”
“เจ้าวางใจเถอะ หากเสียหายจากมือของข้าจริงๆ ข้าจะซื้อแน่นอน เร็วเข้า หยิบออกมาให้ข้าดูหน่อย” เธอให้สัญญาณ
คนคนนั้นเห็นเช่นนี้ก็จำใจเข้าไปหยิบหนังงูมาวางบนโต๊ะ
เฟิ่งจิ่วไม่สนใจเขา หลังจากเข้าไปวินิจฉัยโดยละเอียด เป็นหนังงูมณีฟ้าจริงๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงจะพยักหน้า “ห่อมาให้ข้าที ข้าซื้อ”
เขาได้ยินก็อึ้งไป “ซะ ซื้อ? นี่ไม่ใช่ราคาสองแสนเหรียญเงิน แต่เป็นสองแสนเหรียญทอง ท่านจะซื้อจริงๆ หรือ?” คนคนนี้ท่าทางไม่เหมือนคนมีเงิน จะซื้อไหวหรือ?
“อืม เก็บมาเถอะ! ข้าจะดูอย่างอื่นอีกหน่อย” เธอกล่าวจบก็เดินไปข้างในต่อ
หลังจากได้สติกลับมาเขารีบร้อนถือหนังงูตามหลังไป พินิจมองร่างสีฟ้าครามตรงหน้าบ่อยครั้ง เพียงคิดว่าคนเราไม่อาจตัดสินได้เพียงภายนอก ในใจยิ่งละอายใจเพราะการดูแคลนคนของตนเองก่อนหน้านี้
เขามองแต่เสื้อผ้าไม่มองคน
สิ่งของของร้านขายยาทิพย์ครบถ้วนและเยอะจริงๆ ข้างในเธอหายาทิพย์ที่ค่อนข้างหายากได้สิบกว่าอย่าง มาปลอบประโลมความผิดหวังที่มาถึงแคว้นสวรรค์บันดาลแต่ไม่เจอแม่ของเธอ
“คิดเงินเถอะ!” นางบอกชายที่ถือยาทิพย์สิบกว่าอย่างตามมาข้างหลัง
“ขอรับ คุณชายเชิญทางนี้” เขาเดินวนเข้ามา ท่าทางเปลี่ยนไปเสียยกใหญ่ พร้อมใบหน้ายิ้มแย้มมากขึ้น
ภายในร้านขายยาทิพย์ คนที่กำลังดูยาทิพย์รอบๆ ปรายตามองไปทางเฟิ่งจิ่วบ่อยครั้งด้วยสายตาพินิจมอง
เพียงเพราะเด็กหนุ่มสวมชุดสีฟ้าครามไม่สะดุดตา กลับสามารถซื้อยาทิพย์ล้ำค่ามากมายเพียงนั้นได้ ยาทิพย์พวกนั้นแม้พวกเขาอยากซื้อสักอย่างก็ไม่มีเงินจะซื้อมาได้ เขากลับซื้อทีเดียวสิบกว่าอย่าง ภูมิหลังของเขาเป็นเช่นไรกันแน่?
หลังจากคิดเงินเฟิ่งจิ่วเก็บของทั้งหมดเข้าห้วงมิติถึงจะเดินออกไป ออกมาข้างนอกเดินวนตามถนนใหญ่สักพัก ซื้อของจำพวกผลไม้กับของว่าง คิดว่าออกเดินทางจะได้กินระหว่างทาง
ทว่าเธอเดินไปสักระยะก็รู้ว่าตนเองถูกคนเพ่งเล็ง ก้าวนวยนาดเดินไปด้วยฝีเท้าสบายๆ กระทั่งเดินเลี้ยวเข้าตรอกแห่งหนึ่ง หันข้างเล็กน้อยยืนพิงรอตรงนั้น ไม่นานนักร่างสีเทาแวบเข้ามา ทำให้เธอสะดุ้งตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
“ตามข้ามาตลอดทางเช่นนี้ คิดจะทำอะไร?” สองแขนของเธอกอดอก มองชายวัยกลางคนพลางถามไป
ชายวัยกลางคนไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะรู้ตัว จึงเดินออกมาไม่หลบซ่อนอีกต่อไป “เจ้าหนู ส่งยาทิพย์ที่เจ้าซื้อเมื่อครู่มาเสียดีๆ!”
“หึ!”
เฟิ่งจิ่วยิ้มเยาะ พร้อมชายตามองเขา “ที่แท้ก็สนใจยาทิพย์ของข้า! เจ้าใจกล้าไม่เบาเลย”
“หึ! เจ้าต่างหากใจกล้าไม่เบา ไม่ถามเสียหน่อยเล่าว่าที่นี่คือที่ไหน!”
สถานที่เช่นแคว้นระดับหนึ่ง มีดวงตาเท่าไรกำลังจ้องมองแกะอ้วน เจ้ามีเพียงพละกำลังระดับสร้างรากฐาน ไม่มีผู้แข็งแกร่งคอยคุ้มกันยังกล้าซื้อยาทิพย์ล้ำค่าสิบกว่าอย่าง เด็กหนุ่มโดนผู้ฝึกตนไร้สำนักพวกนั้นเพ่งเล็งมาตั้งแต่แรก เพียงแต่เขาลงมือก่อนพวกเขาก็เท่านั้น
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ที่แท้เธอเปิดเผยทรัพย์สินของตนเองจึงโดนคนจับจ้องว่าเป็นแกะอ้วน
“วันนี้ข้าอารมณ์ดี หากเจ้าจากไปเองเสียดีๆ มิเช่นนั้นเดี๋ยวจะเสียใจภายหลัง”
………………………………………………….
ตอนที่ 1208 ความเฉยชาของมนุษย์
“ปากเก่งนักนะ! ข้าจะดูซิว่า…” คำพูดของชายวัยกลางคนยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็ร่างกายแข็งทื่อ
เพียงเห็นร่างสีฟ้าครมแวบไปตรงหน้า กริชเปล่งประกายหนาวเย็นปาดเข้าเนื้อตรงคอของเขาไปเล็กน้อย เขาถึงขั้นรู้สึกถึงความเจ็บที่ผิวเนื้อถูกกริชกรีดเลือดไหล
ทันใดนั้นในใจตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง! ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานคนหนึ่งพลันมาถึงข้างกายของเขา แล้วปาดกริชมาตรงคอของเขาได้อย่างไร? ถึงขั้นไม่มีโอกาสจะต่อต้าน
“คะ คุณชายเมตตา… เมตตาด้วย ข้าแค่ต้องการทรัพย์สินเท่านั้น”
หน้าผากของเขาเหงื่อไหล พูดจาอย่างสั่นเครือและตื่นกลัว หากถึงเวลานี้ยังไม่รู้ว่าพละกำลังของตรงหน้าแข็งแกร่งกว่าตนเอง ก็นับว่าเสียชาติเกิดแล้ว
“เมตตา? เมื่อกี้ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ตอนนี้อยากให้ข้าเมตตา ต้องดูว่าตัวเจ้ามีของดีเท่าไหร่มาซื้อชีวิตของเจ้าได้”
น้ำเสียงเฉื่อยชามีความไม่แยแสบางส่วนดังเข้าหู ทำให้ชายวัยกลางคนทำหน้าร้องไห้
เดิมนึกว่าเป็นแค่แกะอ้วนรอเชือด ใครจะรู้ว่าตนเองกลับกลายเป็นแกะอ้วนรอเชือดตัวนั้น แต่สถานการณ์เช่นนี้หมดหนทางแล้ว ไม่ว่าเขาส่งสิ่งของติดตัวไปเอง หรือถูกเด็กหนุ่มฆ่าและเก็บสิ่งของไปก็เหมือนกันทั้งนั้น สิ่งของของเขารักษาไม่ได้ แค่หวังว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้
เขาจึงแข็งขืนร่างกาย พลางบอกว่า “ข้าจะหยิบๆ คุณชายอย่าโมโห ข้าจะหยิบถุงฟ้าดินให้ท่าน” เขารีบร้อนหยิบถุงฟ้าดินออกมา แล้วทิ้งสิ่งของล้ำค่ายื่นให้เขาไปพร้อมกัน
“คุณชาย ข้าอยากขอโอกาสรอดชีวิต”
หลังจากรับมาเฟิ่งจิ่วยื่นมือไปสับท้ายทอยของเขา เห็นเขาร้องอู้อี้และล้มลงไป เห็นเช่นนี้ถึงจะเก็บถุงฟ้าดินเดินออกไป คิดจะกลับโรงเตี๊ยมก่อน
กลับเข้าห้องมาทางหน้าต่างก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก
“พี่ชายท่านนี้ ได้โปรดให้ข้าเข้าไปเถอะ! หลานชายของข้าป่วยอาการสาหัสมากจริงๆ ข้าถามท่านหมอมาหลายคนล้วนบอกว่าช่วยไม่ได้ แต่มีคนบอกว่าภูตหมอช่วยได้ ภูตหมอช่วยชีวิตหลานชายของข้าได้ พี่ชาย ข้าขอร้องท่าน ข้าคุกเข่าให้ท่านแล้วๆ ให้ข้าไปพบภูตหมอเถอะ! ข้าขอร้องท่าน”
เฟิ่งจิ่วในห้องฟังเสียงด้านนอกพลางเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างหน้า หลังจากล้างเครื่องพรางตัวก็เช็ดๆ รอยน้ำบนหน้า ถึงจะก้าวเดินออกไป
“ท่านป้า ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วยท่าน นายท่านของข้ามีคำสั่งว่าจะไม่พบใครทั้งนั้น ขะ ข้าทำไม่ได้หรอก!” ปี้ซานประคองหญิงชราขึ้นมา พร้อมกล่าวอย่างจนปัญญายิ่ง
“แม้แต่หลานชายข้าก็อุ้มมา แค่ขอร้องภูตหมอช่วยดูหน่อย ฮือๆๆ… ข้ามีเพียงหลานชายคนเดียว พ่อแม่ของเขาตายไปนานแล้ว พวกเรายายหลานพึ่งพาอาศัยกัน ขอร้องท่านล่ะๆ ให้ข้าพบภูตหมอหน่อยเถอะ!”
หญิงชราอุ้มหลานชายอายุสองสามขวบในอ้อมแขนพลางร้องไห้อ้อนวอน น้ำเสียงโศกเศร้าหมดหนทางกลับไม่อาจทำให้คนในโรงเตี๊ยมสัมผัสถึงได้
มนุษย์ล้วนเห็นแก่ตัว เรื่องไม่เกี่ยวกับพวกเขา แม้คนอื่นจะแย่แค่ไหน ความเศร้าในใจคงไม่เท่าเกิดเรื่องกับตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญ เห็นความเป็นความตายเสียจนลึกซึ้งยิ่งนัก ส่วนใหญ่เป็นคนเย็นชาเลือดเย็น แค่เด็กน้อยคนเดียว สำหรับพวกเขาตายเป็นตาย ไม่รู้สึกสงสารหรือเวทนาสักนิด
ยามนี้ประตูห้องก็เปิดออกเสียงดัง
………………………………………………….