เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1227 สง่างามไร้ผู้ใดเทียม + ตอนที่ 1228 เฟิ่งจิ่วแต่งกายเป็นหญิง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1227 สง่างามไร้ผู้ใดเทียม + ตอนที่ 1228 เฟิ่งจิ่วแต่งกายเป็นหญิง
ตอนที่ 1227 สง่างามไร้ผู้ใดเทียม + ตอนที่ 1228 เฟิ่งจิ่วแต่งกายเป็นหญิง
ตอนที่ 1227 สง่างามไร้ผู้ใดเทียม
“แม่หนูเฟิ่ง? แม่หนูเฟิ่ง?”
คนยังมาไม่ถึง เสียงก็มาถึงก่อนแล้ว เพียงแต่เฟิ่งจิ่วประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เสียงนั้นฟังดูหนุ่มเหมือนชายอายุยี่สิบกว่าปี ไม่เหลือกลิ่นอายสูงอายุและมีเมตตาที่คุ้นเคยของท่านปู่เธออีก ทว่าเป็นน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความกระฉับกระเฉงของวัยหนุ่ม
แม้เสียงนั้นจะไม่ใช่เสียงคนชรามีเมตตาเช่นที่เธอคุ้นเคยอีก แต่คำว่าแม่หนูเฟิ่งสามคำนี้ กลับให้ความรู้สึกอันคุ้นเคย ขณะที่เธอแย้มยิ้มแล้วหันไปมองต้นเสียง ก็เห็นร่างหนึ่งโฉบเข้ามา พริบตาเดียวก็มายืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว
“แม่หนูเฟิ่ง เหตุใดคราวนี้หลานถึงไปนานนัก? ครั้งนี้ไปนานปีกว่า ไม่รู้จักกลับมาเยี่ยมเยียนบ้าง ทำให้ปู่เป็นห่วงแทบแย่”
เฟิ่งซานหยวนมายืนอยู่ต่อหน้าเฟิ่งจิ่ว พิจารณานางตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงปวดใจ “ผอมลงไปมาก ผิวก็คล้ำขึ้นนัก หลานอยู่ข้างนอกกินไม่อิ่มใช่หรือไม่ ต้องตากแดดตากลมด้วยใช่ไหม? หลานหนอหลาน อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ ต้องออกไปวิ่งวุ่นข้างนอกให้ได้ นี่อยู่ข้างนอกแม้แต่กินก็ยังกินไม่อิ่ม ซูบลงขนาดนี้แล้วจึงค่อยกลับมา”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วอดยิ้มไม่ได้ “ท่านปู่ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านพูดเสียหน่อย ข้าก็ยังเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย”
“ใช่เสียที่ไหน ก็เห็นอยู่ว่าทั้งผอมทั้งคล้ำ” เฟิ่งซานหยวนเอ่ย ครั้นเห็นสตรีคนข้างๆ ยกมือปิดปากยิ้ม ก็ถามด้วยความแปลกใจ “เด็กสาวคนนี้เป็นใคร เจ้าพากลับมาด้วยหรือ?”
“ท่านปู่เฟิ่ง ข้าคือเยี่ยจิง สหายของเฟิ่งจิ่วเจ้าค่ะ”
เยี่ยจิงรีบค้อมกายคำนับ ข้างในใจประหลาดใจยิ่ง แม้เคยได้ยินเฟิ่งจิ่วบอกว่าท่านปู่ของนางดูเด็กกว่าผู้เป็นบิดา แต่ครั้นได้เห็นกับตา ก็ยังรู้สึกว่าน่าทึ่งยิ่งนัก
แท้จริงแล้ว ในโลกของการบำเพ็ญเซียน เรื่องอย่างนี้มีให้พบเห็นมากมาย เพียงแต่เห็นได้น้อยมากในครอบครัวสามัญทั่วไป แม้แต่พวกที่ไปถึงระดับกำเนิดวิญญาณ มากสุดก็ยังทำได้เพียงย้อนสู่วัยกลางคนเท่านั้น แต่กรณีเช่นท่านปู่ของเฟิ่งจิ่วที่ย้อนสู่ช่วงรุ่งโรจน์ที่สุดของวัยหนุ่มกลับพบเห็นได้น้อยมาก
การบำเพ็ญเซียนเดิมก็คือการฝืนกฎธรรมชาติ สำหรับผู้ฝึกเซียนที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่ง การย้อนสู่วัยหนุ่มสาวไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
นางเคยได้ยินท่านปู่เล่าว่า แว่นแคว้นของพวกเขาที่นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สถานที่เช่นแปดจักรวรรดิใหญ่ ผู้ฝึกตนบางคนอายุถึงร้อยปีกระทั่งอายุถึงสองร้อยสามร้อยปีจึงค่อยเลือกคู่บำเพ็ญเซียนก็มีให้พบเห็นทั่วไป
ด้วยเหตุนี้ สำหรับเรื่องที่ท่านปู่ของเฟิ่งจิ่วแต่งงานตอนอายุหกสิบเจ็ดสิบปี ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
“ที่แท้ก็เป็นสหายของแม่หนูเฟิ่งเองหรือ! ในเมื่อมาแล้วก็เที่ยวเล่นที่นี่ให้สนุกเถิด คิดเสียว่าที่นี่คือบ้านของตัวเองก็แล้วกัน” เฟิ่งซานหยวนยิ้มกล่าว จากนั้นหันมาเอ่ยกับเฟิ่งจิ่วต่อว่า “เช่นนั้นหลานก็ต้อนรับแม่หนูเยี่ยจิงดีๆ ค่ำนี้จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเจ้า”
“เจ้าค่ะ” เฟิ่งจิ่วยิ้มกล่าว “ข้าไปดูท่านย่ากับกับท่านอาน้อยก่อนก็แล้วกัน!”
ดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังวังหลังเพื่อพบซูซีก่อน เฟิ่งจิ่วหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมาแบ่งให้พวกเขา คุยเล่นในตำหนักครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยกลับไปพักผ่อน
ช่วงพลบค่ำ เฟิ่งจิ่วเปลี่ยนมาใส่ชุดกระโปรงสีขาวทั้งตัว กระโปรงสีขาวหิมะดูเรียบง่ายสง่างาม เมื่ออยู่บนตัวของเธอแล้วแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับตอนแต่งกายเป็นชายชุดแดงไปพบปะผู้คน
หากเธอที่แต่งกายเป็นชายชุดแดงเปรียบเหมือนดวงอาทิตย์เจิดจ้า เช่นนั้นเธอที่สวมชุดกระโปรงสีขาวก็ผุดผ่องเช่นดวงจันทร์บนฟากฟ้า ไม่ว่าจะเป็นชุดแดงหรือกระโปรงขาว เธอก็เอาอยู่ทั้งนั้น ใส่ชุดใดก็ขับบุคลิกให้โดดเด่นเหนือผู้อื่น
เธอที่สง่าไร้ผู้ใดเทียมและงดงามจับใจเช่นนี้ แม้แต่เยี่ยจิงซึ่งเป็นหญิงได้เห็นแล้วก็ยังอดตะลึงลานไม่ได้…
………………………………………………….
ตอนที่ 1228 เฟิ่งจิ่วแต่งกายเป็นหญิง
“เฟิ่งจิ่ว เจ้าแต่งเป็นหญิงแล้วงามนัก!”
เยี่ยจิงอดเอ่ยชมไม่ได้ เดินเข้าไปกุมมือเฟิ่งจิ่วพลางมองขึ้นลง ไม่อยากเชื่อว่าที่แท้ตอนนางแต่งกายเป็นหญิงจะน่าหลงใหลเช่นนี้ ต่างจากยามแต่งชายราวกับเป็นคนละคน
“ก็เหมือนเดิม” เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ แล้วดึงมือเยี่ยจิงออก กล่าวว่า “เอาละ ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นในวัง จากนั้นค่อยพาออกจากวังไปดูในเมืองกัน”
“ดีเลย!” เยี่ยจิงยิ้มกว้าง ตามเธอไปเดินเล่นทั่ววัง ชมวิวตระการตาของวังหลวง จากนั้นหลังจากได้แจ้งไว้ว่าจะกลับมาก่อนงานเลี้ยงต้อนรับ พวกนางก็ออกจากวังไป
ครั้นกลับมาที่นี่แล้ว พวกองครักษ์ตระกูลเฟิ่งก็ถูกเฟิ่งจิ่วส่งกลับไปที่จวนเฟิ่งของเธอ แม้แต่พวกปี้ซานก็เหมือนกัน ตอนนี้คนที่ติดตามเฟิ่งจิ่วเหลือเพียงเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาสองคนเท่านั้น
ถึงสองคนนี้จะไม่ได้มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในบรรดาผู้ติดตามของเฟิ่งจิ่ว แต่ความภักดีของทั้งสองกลับไม่มีใครเทียบได้ อีกทั้งเป็นคนที่อยู่ข้างกายเธอมานานที่สุด ผ่านเรื่องราวต่างๆ กับเธอมามากที่สุด เรื่องใดที่เธอสั่ง คนทั้งสองมีแต่ทำตาม จะไม่ตั้งคำถามหรือสงสัยอะไรทั้งนั้น
และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอให้ทั้งสองคนอยู่ข้างกาย
ถึงเฟิ่งจิ่วจะไม่ได้กลับมานานแล้ว แต่พอเธอปรากฏตัว เหล่าชาวบ้านในเมืองก็จำเธอได้ทันที พวกเขาทักทายเธอทุกคน บางคนที่ขายผลไม้ก็ทำท่าจะยัดผลไม้ใส่มือให้เธอเอากลับไปกิน เยี่ยจิงเห็นแล้วก็แปลกใจนัก
“องค์หญิง”
“องค์หญิงเพคะ”
“องค์หญิง…”
เสียงขานเรียกที่จริงใจและเปี่ยมไปด้วยความชมชอบดังขึ้นเป็นระลอก ตลอดทางที่เดินมา เหล่าชาวบ้านร้องเรียกไม่ขาดสาย บ้างก็โบกมือตะโกนเรียกเธอจากที่ไกลๆ
“องค์หญิง ท่านไม่ได้เสด็จมาที่แผงลอยของพวกเรานานแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“องค์หญิง ช่วงนี้เหลาสุราของเรามีอาหารจานพิเศษเพิ่มมาหลายจานเลยนะเพคะ”
“องค์หญิง…”
เยี่ยจิงมองดูกลุ่มคนข้างกายที่ทักทายเฟิ่งจิ่วด้วยรอยยิ้ม อดกล่าวไม่ได้ว่า “ชาวบ้านในเมืองของพวกเจ้าช่างจริงใจนัก ภาพเช่นนี้คงหาดูจากที่อื่นไม่ได้”
“นั่นเป็นเพราะแต่เดิมบิดาของข้าเป็นแม่ทัพพิทักษ์ดินแดน แล้วเมื่อก่อนข้าก็ชอบเที่ยวเล่นในเมืองบ่อยๆ ชาวบ้านในเมืองต่างก็คุ้นเคยกับข้า” เฟิ่งจิ่วหัวเราะคิกคัก หลังจากเดินมาได้สักพัก ก็พูดกับเยี่ยจิงว่า “ข้าจะบอกให้นะ ในเมืองของเรา ของกินบนแผงลอยพวกนี้ ได้รสชาติดั้งเดิมยิ่งกว่าในเหลาสุราอีก ข้าจะพาเจ้าไปชิมดู”
เธอพาเยี่ยจิงไปแผงลอยที่เมื่อก่อน เธอชอบมาบ่อยๆ จากนั้นก็สั่งพวกของกินเล่นมาบางส่วน กินไปพลาง กล่าวกับนางไปพลางว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปบ้านพี่ชายของข้า แล้วก็บ้านเก่าที่พวกข้าเคยอาศัยอยู่ ทั้งสองที่อยู่ติดกันเลย”
“ดี” เยี่ยจิงพยักหน้ารับ แล้วถามว่า “เช่นนั้นก็หมายความว่าพี่ชายของเจ้าไม่กลับมาแล้วหรือ?”
“เขาบอกว่าไม่กลับมาก็จริง ทว่าก็ไม่แน่นอน แต่ข้าเชื่อว่าภายหน้าเขาจะต้องไปที่แปดจักรวรรดิใหญ่แน่นอน พรสวรรค์ของเขาเดิมทีก็ไม่เลวอยู่แล้ว บวกกับการฝึกฝนอยู่ข้างนอกเสมอ ประสบการณ์ต่อสู้ของเขาช่ำชองแล้ว พลังต่อสู้ก็แข็งแกร่ง”
ขณะเอ่ย เฟิ่งจิ่วกินอาหารเล็กน้อย ก่อนกล่าวอีกว่า “เป็นเจ้าต่างหาก กลับไปครานี้ เจ้าจะไปรายงานตัวที่สำนักศึกษาหนึ่งดาราหรือไม่?”
“อืม ข้าจะไปรายงานตัวที่สำนักศึกษาหนึ่งดารา เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะถูกทางสำนักเลือกให้เป็นศิษย์หรือไม่ แต่อย่างไรก็ต้องลองดูสักครั้ง” หยุดกล่าวไปครู่หนึ่ง เยี่ยจิงก็กล่าวต่อ “ข้าเองก็อยู่ในรายชื่อแนะนำ หากไม่ใช่ว่าที่บ้านเกิดเรื่อง ข้าคงไปนานแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี เมื่อถึงตอนนั้นหากมีโอกาส เราต้องได้พบกันอีกแน่” เฟิ่งจิ่วบอก พลางเลื่อนจานใส่ของกินเล่นไปตรงหน้าเยี่ยจิง “เจ้าลองชิมนี่ดู”
………………………………………………….