เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1237 นางไปไหนแล้ว + ตอนที่ 1238 ขอทานเฟิ่งจิ่ว
ตอนที่ 1237 นางไปไหนแล้ว? + ตอนที่ 1238 ขอทานเฟิ่งจิ่ว
ตอนที่ 1237 นางไปไหนแล้ว?
เมื่อได้รับข้อมูลจากเบื้องบนให้เขารายงานสถานการณ์ในปัจจุบันของเฟิ่งจิ่ว เริ่นเสียงส่งคนใต้อาณัติไปตรวจสอบดู ถึงรู้ว่าหลังจากที่ภูตหมอกลับไปถึงราชวงศ์เฟิ่งหวงก็เหมือนจะออกไปไหนไม่รู้ ด้วยเหตุนี้จึงเร่งมารายงานข่าวนี้ให้เริ่นเสียงรู้
“อะไรนะ หายไป? หายไปได้อย่างไร? ข้าให้พวกเจ้าจับตามองไว้ไม่ใช่หรือ?” เริ่นเสียงขมวดคิ้ว มองคนใต้อาณัติอย่างขุ่นเคือง ตะโกนว่า “ถึงแม้จะคลาดกัน แต่นางไปแคว้นไหนก็ควรจะรู้คร่าวๆ กระมัง?”
คนที่คุกเข่าอยู่เบื้องล่างได้ยินเช่นนี้ยิ่งก้มหน้าต่ำ แต่ละคนไม่กล้าเอ่ยปาก
“ไม่รู้เหมือนกันหรือ?” เริ่นเสียงขึ้นเสียงเล็กน้อย ด่ากราดด้วยความตะลึง “พวกเจ้ากินอะไรกัน? คนตัวโตเพียงนั้นนึกไม่ถึงว่าจะไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน แม้แต่ไปแคว้นใดก็ยังไม่รู้เรื่องรึ? ยังไม่รีบไปตามหาอีก นั่งโง่อยู่ตรงนี้ทำไม!”
“ขอรับ” คนที่คุกเข่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าอยู่ต่ออีก
“หนีไปไหนกันนะ? ไปแคว้นระดับหนึ่งหรือ?” เริ่นเสียงเอามือไพล่หลังเดินไปมาอยู่ในลานบ้านพลางพึมพำ “ตอนนางไปสำนักศึกษาสองดาราเพิ่งบรรลุระดับหลอมแก่นพลัง ผ่านไปปีกว่าไม่รู้ว่าพลังจะพัฒนาขึ้นหรือยัง เวลานี้จะไปที่ไหน?
แต่ด้วยพลังและชื่อเสียงของนาง ขอแค่ไม่ไปที่ส่วนลึกของเทือกเขาอเวจี ทางนี้น่าจะไม่มีใครต่อกรนางได้อีกถึงจะถูก” อันตรายทว่าไม่น่ากังวล แต่ข้อมูลของนางที่ทางนายท่านต้องการ เขาจะเอาอะไรไปให้?
ส่งข่าวไปบอกตามตรงว่าเขาไม่รู้ว่าภูตหมอไปที่ไหนหรือ? เดาว่าถ้าส่งข่าวนี้กลับไปตนเองต้องเจอดีแน่ แต่หากไม่ส่งข่าวกลับไป เขาก็ต้องมีปัญหาเช่นกัน
คิดๆ ดูแล้ว รายงานไปตามจริงดีกว่า! มิเช่นนั้นเบื้องบนส่งคนลงมาก็จะเป็นเหมือนกัน เขาจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในเรือน ไม่นานนักก็สั่งให้คนส่งข่าวออกไป
เทียบกับพวกของเฟิ่งจิ่วที่ใช้เวลาสามเดือนจึงจะไปถึงแปดจักรวรรดิใหญ่ ข่าวจากเริ่นเสียงแค่ประมาณเดือนเดียวเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็ได้รับแล้ว
เซวียนหยวนโม่เจ๋อจัดการเรื่องในวังเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปจวนที่พำนักของเขา
ราชวงศ์เซวียนหยวนเป็นหนึ่งในแปดจักรวรรดิใหญ่ ผู้ปกครองจักรวรรดิจะถูกเรียกว่าจักรพรรดิ คอยบัญชาการจักรวรรดิหนึ่ง จิตวิญญาณปกคลุมพื้นที่ทุกชุ่นของราชวงศ์เซวียนหยวน
แน่นอนว่าสำนักต่างๆ เหล่านั้นเป็นข้อยกเว้น
ภายในแปดจักรวรรดิใหญ่ สำนักพวกนั้นจะไม่รวมเข้ากับอาณาเขตของแต่ละจักรวรรดิ พวกเขามีเขตอาคมของตนขวางกั้น ไม่ถูกควบคุมหรือเป็นของจักรวรรดิใด
ยามนี้ในจักรวรรดิเซวียนหยวน นอกจากจักรพรรดิแล้ว อำนาจของเซวียนหยวนโม่เจ๋อยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ว่าเขาจัดการเรื่องในวังเสร็จสิ้นก็ออกไป ไม่พักอยู่ในวังหลวง
ในจวนที่พำนักของตนเอง เขายืนเอามือไพล่หลังอยู่ริมบ่อน้ำ นึกถึงข่าวที่เริ่นเสียงให้คนนำมารายงานแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
หานางไม่พบหรือ? เช่นนั้นนางจะไปไหนได้? ข้อมูลครั้งก่อนได้ยินว่านางพาคนกลุ่มหนึ่งไปเทือกเขาอเวจีด้วยวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลัง เขาหวั่นๆ ใจขึ้นมา กลัวว่านางจะเจออันตรายข้างใน
สถานที่เช่นนั้น นางมีระดับหลอมแก่นพลังเท่านั้นกลับยังกล้าเข้าไป ต้องรู้ไว้ว่าทำพลาดหนึ่งครั้งอาจไปตายข้างในได้เลย
แต่คิดดูแล้วนั่นก็เป็นเรื่องที่นางทำได้แน่นอน ผู้หญิงคนนั้นยังมีอะไรที่ไม่กล้าทำอีกบ้าง?
โชคดีสุดท้ายออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้นางยังจะไปไหนอีก?
เมื่อไม่มีข่าวของนาง ในใจของเขาไม่สงบเท่าไรนัก เวลานี้อยากจะกลับไปตามหาจริงๆ ว่านางไปที่ไหน?
………………………………………………….
ตอนที่ 1238 ขอทานเฟิ่งจิ่ว
เวลาเดียวกันนี้ ในเมืองหลวงของจักรวรรดิเซวียนหยวน ร่างผอมบางสวมชุดขอทานเก่าๆ กำลังเดินเข้ามาจากประตูเมือง
ทั้งที่ใบหน้าเปื้อนขี้เถ้ามอมแมม ดวงตาคู่นั้นกลับสดใสเป็นพิเศษ กำลังพินิจมองรอบด้านอย่างเฉลียวฉลาดและเจ้าเล่ห์ คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเฟิ่งจิ่วที่ชอบปลอมเป็นขอทานนั่นเอง
พวกของเธอมาสืบถามถึงในเมืองใกล้ๆ สำนักโอสถตะวัน ถึงได้รู้ว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าสำนักโอสถตะวันถึงจะเปิดรับลูกศิษย์ เธอเห็นว่าเข้าไปในสำนักโอสถตะวันไม่ได้ จึงนึกถึงเซวียนหยวนโม่เจ๋อขึ้นมา
คิดว่าในเมื่อเข้าไปหาแม่ของเธอไม่ได้ เช่นนั้นก็มาหาเซวียนหยวนโม่เจ๋อก่อน แวะไปจู่โจมเขาอย่างกะทันหัน ดูซิว่าตอนเธอไม่อยู่เขาจะแอบมีหญิงงามในอ้อมแขนทั้งซ้ายขวาหรือไม่
หลังจากพวกเหลิ่งซวงกับเหล่าสัตว์ตัวน้อยปักหลักอยู่ในบ้านที่ซื้อมา เธอก็ไปสืบข้อมูลของเซวียนหยวนโม่เจ๋อและมาถึงเมืองหลวงแห่งนี้
ได้ยินว่าแม้เซวียนหยวนโม่เจ๋อจะเป็นรัชทายาท กลับไม่พักในวัง แต่พักอยู่ที่จวนในเมืองหลวง
เธอเดินไปพลางคิดไปพลางว่าจะแอบเข้าไปในจวนอย่างไร?
ถึงแม้เธอเปิดเผยตัวตนไปเลยหรือตามหาฮุยหลางอิ่งอีก็เดินวางก้ามเข้าไปได้ แต่ว่าจะไม่สนุกนี่สิ? อันที่จริงเธออยากรู้มากว่าหากตนเองเข้าไปได้ง่ายๆ แอบเข้าไปในจวนของเขา เขาจะจำเธอได้หรือไม่?
นึกถึงข้อนี้แล้ว ในใจก็มีความตื่นเต้นรางๆ
เพียงแต่ที่พำนักของเขาต้องคุ้มกันอย่างแน่นหนาเป็นแน่ เธอคิดจะแอบเข้าไปเกรงว่าคงไม่ง่ายนัก!
เธอจึงใช้ตัวตนขอทานเดินขวักไขว่ไปในเมืองหลวงและสืบหาข้อมูล บางครั้งก็มานั่งตรงจุดที่อยู่ค่อนข้างไกลจากจวนที่พำนักของเขา หยิบซาลาเปามากินตรงนั้นพลางคิดวางแผน
เป็นเช่นนี้ติดต่อกันสามวัน เธออยู่ที่นี่บางครั้งจะเห็นฮุยหลางเข้าๆ ออกๆ แต่ไม่เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อออกมา จนกระทั่งเช้าตรู่สามวันต่อมา เธอตามหลังชายชราที่ออกจากจวนรัชทายาทมาซื้อของ และได้ยินคำพูดที่เขาบอกคนข้างๆ
“หลานชายห่างๆ ของข้าจะมาหา ข้าไปขอร้องพ่อบ้านมาเขาถึงได้จัดตำแหน่งข้ารับใช้ในจวนให้ เดาว่าเที่ยงวันก็มาถึงแล้ว อีกเดี๋ยวเจ้าไปรับตรงประตูเมืองที ข้ากลับไปแล้วยังไม่ว่าง ไม่มีเวลาไปรับด้วยตนเอง”
“แต่ข้าไม่รู้จักหลานชายของท่านนะ! ให้ข้าไปรับคนให้ท่าน อย่างไรก็ต้องบอกลักษณะเฉพาะมาสิ!” ชายร่างสูงผอมข้างๆ เอ่ยขึ้น
“ลักษณะเฉพาะ? หน้าตาน่ะพูดยากเหลือเกิน ข้าเคยเจอครั้งหนึ่งตอนเขาอายุเจ็ดแปดขวบ ผ่านไปหลายปีเพียงนี้แล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าหน้าตาเป็นเช่นไร แต่จดหมายบอกว่าบนมือของเขาผูกผ้าแดงไว้ เจ้าไปรอตรงประตูเมืองน่าจะมองออก”
“เอาเถอะ! ข้ารู้แล้ว” ชายร่างสูงผอมขานรับพลางช่วยเลือกซื้อของ
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ด้านหลังถือผลไม้กัดกินเสียงดังกร้วม ดวงตาหมุนกลอกไปมา แผนการพลันผุดขึ้นในใจ
เธอมองสองคนที่เดินอยู่ข้างหน้า นี่คือผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดสองคน เป็นเพียงข้ารับใช้ซื้อของในจวนเท่านั้น หลายวันมานี้เธอปะปนมาอยู่ในเมือง จึงเห็นว่าคนตามร้านหาบเร่และร้านค้าข้างทางส่วนมากมีวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานกับหลอมแก่นพลัง
คนพวกนั้นบางคนเป็นเสี่ยวเอ้อร์ที่เหลาสุรา บางคนเป็นผู้คุ้มกันของร้านค้า บางคนเป็นพ่อค้าหาบเร่ตะโกนขายของตามถนน แทบพูดได้ว่าทำให้เธอได้เปิดหูเปิดตา
ต้องรู้ไว้ว่าถ้าเป็นสถานที่เบื้องล่าง วรยุทธ์เช่นนี้อยู่ในตระกูลหนึ่งจะเป็นคนที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่ง เมื่อมาถึงสถานที่เช่นนี้ถึงจะกลายเป็นคนดาษดื่นทั่วไป
………………………………………………….