เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1271 คำประกาศอันเย่อหยิ่ง + ตอนที่ 1272 ไม่ตายหรอก
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1271 คำประกาศอันเย่อหยิ่ง + ตอนที่ 1272 ไม่ตายหรอก
ตอนที่ 1271 คำประกาศอันเย่อหยิ่ง + ตอนที่ 1272 ไม่ตายหรอก
ตอนที่ 1271 คำประกาศอันเย่อหยิ่ง
ผ่านไปไม่นาน ด้านหลังพ่อครัวคนหนึ่งมีคนยกโต๊ะขนาดเล็กเดินมาหยุดยืนข้างโต๊ะที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วนั่งอยู่ “องค์รัชทายาท นี่คืออาหารจานสุดท้าย ทองม้วนทอดกรอบพ่ะย่ะค่ะ” เถ้าแก่ยืนกล่าวอยู่ด้านหนึ่ง
“เป็ดย่างหรือ?” เฟิ่งจิ่วชะงัก มองเป็ดย่างที่ถูกย่างจนเป็นสีเหลืองทอง รวมถึงอาหารเครื่องเคียงด้านข้าง ก่อนอดเลิกคิ้วไม่ได้
“นี่คือเป็ดวิญญาณสามสี เป็นจานเด็ดของที่นี่ เจ้าดูสิ เป็ดวิญญาณเอามาแค่หนังติดเนื้อบางๆ ชั้นหนึ่ง หนังกรอบชุ่มฉ่ำ มันแต่ไม่เลี่ยน สัมผัสหอมกรุ่นตอนเข้าปากมีเอกลักษณ์มาก” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ย ดวงตาปรากฏรอยยิ้ม เพราะเห็นคนที่นั่งตรงหน้าทำหน้าตะกละตะกลามเต็มที่แล้ว
เฟิ่งจิ่วจ้องมีดในมือพ่อครัว เขาตวัดมีดไม่กี่ที ก็ปาดเอาหนังเป็ดออกมาได้หมด หนังทุกชิ้นมีเนื้อบางๆ ติดมาหนึ่งชั้น ความจริงเธออยากบอกนักว่าเธอเคยกินของสิ่งนี้แล้ว แต่เดาว่ารสสัมผัสคงไม่เหมือนกัน
“เชิญเพลิดเพลินกับอาหารพ่ะย่ะค่ะ” หลังจัดวางทองม้วนทอดกรอบเป็นจานวางไว้ตรงหน้าคนทั้งสองประกอบกับน้ำจิ้มเสร็จ จึงค่อยถอยออกไป
เซวียนหยวนโม่เจ๋อคีบให้เธอหนึ่งชิ้น “ชิมดูสิ”
“อืม ท่านเองก็กินเถิด! อย่าเอาแต่จ้องข้ากินจนตัวเองไม่ค่อยกิน” เธอพูดพลางคีบให้เขาชิ้นหนึ่งเช่นกัน
“ได้” เขารับคำแล้วเริ่มกินไปพร้อมกัน เห็นนางกินอย่างสุขใจ หัวใจของเขาก็รู้สึกอิ่มเอมไปด้วย
หลังจากกินเสร็จ ทั้งสองคนจิบชาผ่อนคลายอารมณ์ จากนั้นจึงไปเดินเล่นในเมือง ขณะเดียวกัน ภายในพระราชวัง องค์จักรพรรดิรู้เรื่องที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อละเลยองค์หญิงสามแห่งชื่อสุ่ย แต่กลับไปเที่ยวเล่นข้างนอกกับข้ารับใช้หนุ่มแล้ว
“ข้ารับใช้คนนั้นเป็นใครมาจากไหน?” เขาเอ่ยถามเสียงทุ้มเข้ม สายตาจับจ้ององครักษ์เงาที่อยู่ด้านล่าง
“ได้ยินว่าเป็นหลานชายที่เป็นญาติห่างๆ ของผู้ดูแลเขตเรือนด้านนอกในจวนพ่ะย่ะค่ะ เพิ่งเข้าจวนไปไม่กี่วันก็เป็นที่โปรดปรานขององค์ชาย” องครักษ์เงารายงานตามจริง
“แค่คนธรรมดาคนหนึ่งก็ทำให้เขาลดเกียรติลงไปเที่ยวเล่นกินดื่มด้วยได้หรือ? สืบ! จงไปสืบเบื้องลึกเบื้องหลังของคนผู้นั้นมาให้ข้า!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ลับรับคำ จากนั้นจากไปอย่างรวดเร็ว
ยามพลบค่ำ หยางหย่งที่กลับถึงจวนมาที่เขตเรือนหลัก
“นายท่าน” เขาประสานมือคารวะ หันไปพยักหน้าให้เฟิ่งจิ่วเล็กน้อย
เฟิ่งจิ่วเองก็พยักหน้าตอบ เห็นพวกเขามีเรื่องต้องคุยกัน จึงกล่าวว่า “ข้าออกไปเดินเล่นก่อน พวกท่านคุยกันเถิด!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้รั้งนางไว้ กลับหันไปถามหยางหย่ง “มีเรื่องอะไร?”
“มีข่าวลับจากในวัง บอกว่าจักรพรรดิทรงกริ้วมาก”
เมื่อได้ยิน เซวียนหยวนโม่เจ๋อเลิกคิ้วเบาๆ ทำเพียงมองเขา รอฟังเขาพูดต่อ
“จักรพรรดิทรงรู้แล้วว่านายท่านละเลยองค์หญิงสามแห่งชื่อสุ่ย แล้วออกไปเที่ยวเล่นกับข้ารับใช้ในจวนข้างนอก จึงไม่พอพระทัยมาก ข้าเกรงว่า…” เขากังวลว่าภูตหมอเฟิ่งจิ่วมีตัวตนไม่ชัดเจน องค์จักรพรรดิอาจลงมือกับนาง
“อีกอย่าง เมื่อครู่องค์จักรพรรดิเพิ่งให้คนมาส่งข่าว เรียกนายท่านเข้าวังไปเข้าเฝ้าด้วยขอรับ”
เมื่อได้ยินประโยคนั้น ดวงตาดำขลับลึกล้ำของเซวียนหยวนโม่เจ๋อมีประกายจางๆ พาดผ่าน เขากล่าวว่า “อืม ให้คนเตรียมรถ ข้าก็กำลังจะเข้าวังไปทูลเสด็จพ่อให้ชัดเจนพอดี ไม่เช่นนั้นเขาตั้งใจจะให้ข้าแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับชื่อสุ่ยจริงๆ แน่”
หยางหย่งลังเลเล็กน้อย บอกว่า “นายท่าน แม้ภูตหมอเป็นถึงองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง ทว่าอำนาจของแคว้นระดับหกเมื่อเทียบกับแปดจักรวรรดิใหญ่แล้วห่างชั้นกันนัก องค์จักรพรรดิก็เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญเรื่องชาติกำเนิดยิ่งนัก เกรงว่าจะไม่ยอมรับภูตหมอง่ายๆ”
เขาหรี่ตาเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความน่าเกรงขามถูกเปล่งออกมา “สตรีของข้า ข้ายอมรับผู้เดียวก็พอ เหตุใดต้องให้ผู้อื่นมายอมรับ?”
ได้ยินวาจาที่เผด็จการและเต็มไปด้วยกลิ่นอายผู้เหนือกว่านั้นแล้ว หยางหย่งเผยรอยยิ้ม “ขอรับ ข้าจะไปเตรียมรถม้าเดี๋ยวนี้”
………………………………….
ตอนที่ 1272 ไม่ตายหรอก
ในตำหนักใหญ่ของวังหลวง
องค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนตำแหน่งที่นั่งสูงสุดจ้องเซวียนหยวนโม่เจ๋อซึ่งอยู่ด้านล่างด้วยสายตาคมกริบ น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความน่าเกรงขามถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ พูดอีกทีซิ!” อานุภาพกดดันและความน่าเกรงขามของผู้เหนือกว่าพุ่งตรงไปยังเซวียนหยวนโม่เจ๋อพร้อมกับกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงที่แข็งแกร่ง
“ข้าบอกว่า การแต่งงานของข้า ข้าจัดการเองได้พ่ะย่ะค่ะ” เขาพูดอีกครั้ง น้ำเสียงมั่นคงและแข็งกร้าว ไม่มีความคิดอ่อนข้อแม้แต่น้อย
หลังได้ยินเช่นนั้น เพลิงโทสะพลุ่งพล่านในอกขององค์จักรพรรดิ แต่กลับไม่อาละวาด เขาข่มกลั้นความโกรธในใจไว้พลางจ้องเงาร่างที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านล่าง บุตรชายของเขาคนนี้ไม่ว่าด้านไหนล้วนเป็นเลิศ เขาเชื่อว่าความสำเร็จในภายหน้าของเซวียนหยวนโม่เจ๋อจะยิ่งเหนือกว่าตัวเอง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้ว่าหากใช้ไม้แข็งด้วยต้องไม่ได้ผลแน่นอน
ฉะนั้นเขาจึงคลายเพลิงโทสะในใจลง แล้วถามเสียงแช่มช้า “จัดการเรื่องแต่งงานเอง หรือเจ้ามีคนในใจแล้ว? เป็นองค์หญิงของแคว้นใด หรือบุตรีของตระกูลสูงศักดิ์ใด? หรือว่าเป็นผู้มากพรสวรรค์ของตระกูลไหน?”
“เรื่องนี้ ภายหน้าเสด็จพ่อจะทราบเองพ่ะย่ะค่ะ” เขาไม่คิดจะบอกเรื่องเฟิ่งจิ่วให้บิดารู้ตอนนี้ ตั้งแต่ที่บิดาเขามีเจตนาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับราชวงศ์ชื่อสุ่ย เขาก็รู้แล้วว่าไม่อาจพาเฟิ่งจิ่วมาเข้าเฝ้าได้ ไม่เช่นนั้น ทันทีที่บิดาเขารู้ฐานะของเฟิ่งจิ่ว จะต้องสังหารนางแน่
เห็นดังนั้น แววตาของจักรพรรดิไหวระริก เขาโบกมือกล่าวว่า “ช่างเถิด ในเมื่อเจ้าไม่พูด พ่อก็จะไม่บังคับเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าคิดไว้แล้ว สตรีที่เจ้าต้องตาอย่างไรก็คงไม่ย่ำแย่มากนัก แต่เจ้าต้องรู้ไว้ เจ้ามีเกียรติเป็นถึงรัชทายาทเซวียนหยวน อยู่ใต้คนผู้เดียวอยู่เหนือคนนับหมื่น ฐานะของเจ้าไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ สตรีผู้นั้นที่จะยืนอยู่ข้างเจ้าได้ จำต้องโดดเด่นเหนือผู้ใดเช่นกัน ไม่เช่นนั้น ไม่ใช่แค่เจ้าที่จะขายหน้า แต่หมายถึงทั้งจักรวรรดิเซวียนหยวนของเราด้วย”
“ลูกทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับคำ ก่อนกล่าว “หากไม่มีเรื่องใดแล้ว ข้าขอทูลลาก่อน” เอ่ยจบก็หันกายเตรียมจะจากไป
“เดี๋ยวก่อน”
องค์จักรพรรดิเรียกเขา ถามว่า “ข้าได้ยินว่าข้ารับใช้คนหนึ่งในจวนเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเจ้านัก? ถึงขั้นออกไปเที่ยวเล่นกับข้ารับใช้ แต่ทิ้งรัชทายาทกับองค์หญิงแห่งชื่อสุ่ยไว้ที่จวน? มีเรื่องนี้จริงหรือ?”
“เสด็จพ่อทราบข่าวไวนักพ่ะย่ะค่ะ” เขามององค์จักรพรรดิแวบหนึ่ง ใบหน้าเฉยชาไม่บ่งบอกอารมณ์ “คนผู้นั้นไม่ใช่ข้ารับใช้แต่อย่างใด เขาเคยช่วยชีวิตข้าไว้ครั้งหนึ่ง วันก่อนมาเยือนเมืองหลวง ข้าจึงเดินชมเมืองเป็นเพื่อนเขา ส่วนรัชทายาทและองค์หญิงแห่งชื่อสุ่ย เชื่อว่าเสด็จพ่อคงทราบข่าวแล้ว พวกเขาไม่ค่อยสบายเพราะมาอยู่ต่างถิ่น วันนี้อาการถึงเพิ่งดีขึ้นเล็กน้อย”
ได้ยินเช่นนั้น องค์จักรพรรดิเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “ข้ากำหนดแล้วว่าอีกสองวันให้ไปล่าสัตว์ในป่าเก้าชั้น ถึงยามนั้นรัชทายาทกับองค์หญิงแห่งชื่อสุ่ยก็จะไปด้วย เจ้าเป็นตัวแทนพ่อดูแลพวกเขาให้ดี ให้พวกเขาเล่นได้อย่างสำราญเต็มที่ ในเมื่อข้ารับใช้คนนั้นเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเจ้าไว้ วันหลังก็พาเขาเข้าวังมาให้ข้าพบหน้าสักครั้ง”
“พ่ะย่ะค่ะ” เขารับคำ ก่อนจะค้อมคำนับแล้วหันตัวเดินออกไป
ขณะมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อจากไป ดวงตาของจักรพรรดิฉายประกายคมปลาบ กวักมือหนึ่งครั้ง คนชุดดำสองคนก็พลันปรากฏตัวแวบออกมาจากที่มืด “จับตาดูไว้ให้ดี หากวันนั้นเด็กรับใช้นั่นไปล่าสัตว์ที่ป่าเก้าชั้นด้วย ก็ทดสอบฝีมือเขาเสียหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายชุดดำสองคนรับคำแล้วแวบกายจากไป แม้แต่กลิ่นอายก็ยังเก็บกลับไปจนหมดสิ้น
ครั้นกลับมาถึงในจวน เซวียนหยวนโม่เจ๋อไปพบเฟิ่งจิ่ว จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังเรือนทิศเหนือพร้อมกับนาง
“เจ้าวางยาไปหนักขนาดไหน?” เขาเดินไปพลางถามไปพลาง
“อย่างมากวันนี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องห่วง ไม่ตายหรอก” เฟิ่งจิ่วยิ้มร่าตอบ
………………………………….