เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1303 ผู้หญิงบื้อ + ตอนที่ 1304 ประทานหยกเลือด
ตอนที่ 1303 ผู้หญิงบื้อ + ตอนที่ 1304 ประทานหยกเลือด
ตอนที่ 1303 ผู้หญิงบื้อ
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายชุดเทาขานรับ ในดวงตาฉายแววยิ้มแย้ม ที่ผ่านมาจักรพรรดิกับองค์รัชทายาทไม่เคยร่วมมื้ออาหารด้วยกัน ในใจเขาต้องเฝ้ารอมากเป็นแน่!
“องค์จักรพรรดิ”
เฟิ่งจิ่วปล่อยให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อจูงมือเข้ามา เธอคลายมือออกก่อนประสานมือคารวะ
“เสด็จพ่อ” เซวียนหยวนโม่เจ๋อขานเรียกด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“ข้าเรียกนางมา เจ้าตามมาทำไม! กลัวข้าจะกินนางหรือไร?” จักรพรรดิแค่นเสียงเย็น ชายตามองบุตรชาย จากนั้นบอกเฟิ่งจิ่วว่า “ยังยืนอยู่ทำไม? นั่งลงสิ!”
“หา?” เฟิ่งจิ่วกำลังฟังเขาสั่งสอนเซวียนหยวนโม่เจ๋อ จู่ๆ ได้ยินเสียงของเขาดังขึ้นมาจึงตกใจเล็กน้อย
“หาอะไรเล่า? ให้เจ้ามานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนข้า!”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เฟิ่งจิ่วดวงตาเป็นประกาย จ้องมองอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะพลางยิ้มอย่างเบิกบาน และดึงเซวียนหยวนโม่เจ๋อมานั่งด้วยกัน “ขอบพระทัยองค์จักรพรรดิเพคะ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหลือบมองชามและตะเกียบสองชุดที่เตรียมไว้เรียบร้อย ทว่าไม่พูดอะไร
“กินเถอะ! กินเสร็จแล้วมาจากไหนก็ไสหัวกลับไปที่นั่น จะได้ไม่มาขวางตาที่นี่อยู่ทุกวัน!” จักรพรรดิกล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง ทำท่าทางเบื่อหน่ายพวกเขา สิ้นเสียงก็หยิบตะเกียบขึ้นมากินอาหารที่นางกำนัลคีบมาให้
สายตาของเฟิ่งจิ่วฉายประกายรางๆ มองเขากับเซวียนหยวนโม่เจ๋อแวบหนึ่งโดยไม่พูดไม่จา ทำเพียงลุกขึ้นคีบอาหารวางลงในจานแล้วยกไปเบื้องหน้าจักรพรรดิ “องค์จักรพรรดิ พระองค์อยากกินอะไรก็บอกหม่อมฉันได้ หม่อมฉันจะหยิบให้เองเพคะ”
“อืม” จักรพรรดิตอบรับ ไม่ไปสนใจพวกเธออีก
“ลองอันนี้สิ” เซวียนหยวนโม่เจ๋อคีบอาหารมาวางในชามของเธอ “กินตอนร้อนๆ รสชาติถึงจะดี”
“ได้ เจ้านี่เมื่อวานข้าก็กินไป รสชาติไม่เลวเลย ท่านลองบ้างสิ” เธอคีบของอย่างหนึ่งวางลงในชามของเขา
ตรงตำแหน่งประธาน แม้จักรพรรดิกำลังกินอาหาร แต่หางตากลับลอบสังเกตทั้งสองคน เห็นพวกเขาคีบอาหารให้กันบ่อยครั้ง ไม่คุยอะไรมาก แต่ระหว่างทั้งคู่เต็มไปด้วยความเชื่อใจและความอบอุ่น เขามองแล้วกลับเบ้าตาร้อนผ่าว
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย ยกน้ำชาข้างๆ มาจิบ เพื่อปกปิดสีหน้าแปลกๆ ไว้
ทว่าในยามนี้ หลังจากเซวียนหยวนโม่เจ๋อตักน้ำแกงยื่นไปให้เฟิ่งจิ่ว กลับเห็นอีกฝ่ายพยักเพยิดไปทางจักรพรรดิที่กำลังดื่มชา เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นเช่นนี้ก็เม้มริมฝีปาก แววตาค่อนข้างเคร่งขรึม ผ่านไปพักหนึ่งก็ยังไม่ขยับเขยื้อน
เขาเห็นสาวน้อยข้างกายดึงๆ แขนเสื้อของเขา ส่งสัญญาณมาให้หลายครั้ง เขาจึงตักชามใหม่มาวางลงตรงหน้าจักรพรรดิ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กินข้าวอย่าดื่มชาเลย ดื่มน้ำแกงเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิตกใจเล็กน้อย เมื่อเงยหน้ามองบุตรชาย ก็เห็นเขากินอาหารอยู่ตรงนั้นแล้ว หากไม่ใช่เพราะมีน้ำแกงร้อนๆ วางอยู่ตรงหน้า เขาคงถึงขั้นนึกว่านั่นเป็นภาพลวงตาแล้ว
เฟิ่งจิ่วเผยรอยยิ้มให้จักรพรรดิ ไม่พูดอะไรมากความ กินอาหารต่อไป
หลังจากนิ่งอึ้ง จักรพรรดิวางถ้วยชาในมือลงแล้วยกน้ำแกงร้อนๆ ขึ้นมา รู้สึกเพียงว่าหัวใจหนึบชา ความขมฝาดผุดขึ้นมาจางๆ พูดอะไรไม่ออกเหมือนมีอะไรจุกคออยู่
เวลาอาหารมื้อหนึ่ง บรรยากาศบนโต๊ะเงียบสงบแปลกๆ อย่างชัดเจน บางครั้งจะมีเพียงเสียงกลั้วหัวเราะของเฟิ่งจิ่วถามขึ้นมา และเสียงขานรับสั้นๆ ของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ จักรพรรดิตรงตำแหน่งประธานก็แอบชำเลืองมองบ่อยครั้ง หนึ่งมื้ออาหารใช้เวลาหนึ่งชั่วยามเต็มถึงจะกินกันเสร็จ
กระทั่งจักรพรรดิลุกขึ้นออกไปเงียบๆ เฟิ่งจิ่วถึงจะหยุดตะเกียบ ลูบท้องกลมๆ พลางยิ้มเริงร่า “อิ่มจริงๆ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มว่า “ผู้หญิงบื้อ”
………………………………………………….
ตอนที่ 1304 ประทานหยกเลือด
เมื่อทั้งสองออกมาพร้อมกัน อิ่งอีกับฮุยหลางที่คอยอยู่ด้านนอกตามไปอย่างเงียบเชียบ
เฟิ่งจิ่วเห็นว่าเดินไปทางประตูวัง จึงเอ่ยถามทันที “ไม่ต้องไปทูลลาอะไรองค์จักรพรรดิหรือ?”
“มีอะไรน่าบอกนัก? ไม่ต้องหรอก” เซวียนหยวนโม่เจ๋อกล่าว จับมือของเธอไว้ไม่ปล่อย แต่หลังจากเดินไปสักระยะก็พลันหยุดฝีเท้าลง
“เป็นอะไรไป?” เธอเงยหน้าถาม มองเขาอย่างประหลาดใจ หรือว่าจะเปลี่ยนใจแล้ว?
เซวียนหยวนโม่เจ๋อจับจ้องเธอ ถามว่า “ผ้าปิดหน้าของเจ้าเล่า?”
เฟิ่งจิ่วตะลึง จากนั้นส่งเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วหยิบผ้าปิดหน้ามาชูในมือ “อยู่นี่”
เขารับมาผูกให้ “ข้างนอกคนวุ่นวาย ผูกไว้ดีกว่า”
“ได้ ข้าจะฟังท่าน” เธอยิ้มแย้มบอก ปล่อยให้เขาจูงมือเดินไปทางประตูวัง จะออกจากวังกันแล้ว! เสด็จพ่อของเขาในความคิดของเธอ ความจริงก็เป็นพ่อคนหนึ่งที่ไม่รู้จะแสดงความรู้สึกต่อลูกชายเช่นไรเท่านั้น
เธอคิดว่าระหว่างพวกเขาต้องเคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ มิเช่นนั้นคงไม่หมางเมินต่อกันเช่นนี้ แต่สุดท้ายอย่างไรก็เป็นพ่อลูกกัน ขอแค่ไม่ใช่ความผิดใหญ่หลวงอะไร วันหนึ่งปมในใจของทั้งสองจะต้องคลี่คลายอย่างแน่นอน
“องค์รัชทายาท แม่นางเฟิ่ง โปรดรอก่อนเพคะ”
ด้านหลังไม่ไกลออกไป เสียงหนึ่งดังมาอย่างร้อนรน สองคนหยุดฝีเท้าหันไปมอง ก็เห็นนางกำนัลคนที่เฟิ่งจิ่วคุ้นเคยเร่งฝีเท้าวิ่งมาถึงตรงหน้าพวกเขาในสภาพหอบหนัก หลังจากคารวะก็มอบกล่องใบหนึ่งให้ด้วยสองมือ “แม่นางเฟิ่ง จักรพรรดิประทานให้ท่านเจ้าค่ะ”
เฟิ่งจิ่วตกใจเบาๆ มองเซวียนหยวนโม่เจ๋อก่อนจะรับมา เมื่อเปิดกล่องออก เธอเห็นเพียงว่าด้านในเป็นหยกเลือดก้อนหนึ่ง จุดที่ต่างจากหยกเลือดทั่วไปคือแสงแวววาวในหยกเลือดก้อนนี้ เหมือนว่าประกายด้านในจะสาดส่องออกมา ช่างสะดุดตายิ่งนัก
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองแวบหนึ่ง แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย บอกเฟิ่งจิ่วว่า “รับไว้เถอะ!”
เธอได้ยินเขาบอกให้รับไว้จึงเก็บไป และบอกนางกำนัลว่า “ขอบพระทัยจักรพรรดิแทนพวกเราด้วย”
“เจ้าค่ะ” นางกำนัลยิ้มรับ ก่อนจะหมุนตัวจากไป
กระทั่งขึ้นรถม้ามุ่งหน้ากลับจวน เฟิ่งจิ่วถึงค่อยหยิบหยกเลือดมาดูอีกครั้ง “หยกเลือดนี้จะว่าสวยก็สวย แต่ข้างในคืออะไร รู้สึกเหมือนขยับได้”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหยิบหยกเลือดในมือเธอไป เค้นเลือดหยดหนึ่งจากปลายนิ้วของเธอหยดลงบนหยกเลือดเพื่อตีตราเป็นเจ้าของ แล้วจึงช่วยผูกแขวนไว้ตรงเอวอย่างดี พลางกำชับว่า “พกหยกเลือดนี้ติดตัวไว้ นอกจากช่วยเรื่องฝึกบำเพ็ญได้ ยังมีผลคุ้มกันเจ้าของด้วย”
“คุ้มกันเจ้าของ?” เธอแปลกใจ “นี่เป็นของวิเศษหรือ?”
“เป็นของวิเศษที่พบเห็นได้ยาก”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วกะพริบตายิ้มขึ้นมา “เสด็จพ่อของท่านใจกว้างนัก!” เธอไม่มีอะไรให้เขาเลย!
“หยกเลือดหนึ่งก้อนก็ซื้อเจ้าได้แล้วรึ?” เขาเลิกคิ้วมองเธอ
“ฮี่ๆ จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้” เธอดึงแขนของเขาก่อนพิงศีรษะลงบนไหล่ ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “ควรบอกว่าข้าชนะใจเสด็จพ่อของท่านมากกว่า”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่พูดอะไรเรื่องนี้ เพียงยื่นแขนไปกอดสาวน้อยไว้แน่น
เมื่อทั้งสองกลับถึงจวน คนในจวนเห็นนายท่านกอดสาวน้อยชุดแดงผูกผ้าปิดหน้าเข้ามา ก็แอบมองกันเงียบๆ อย่างอดไม่ไหว สองวันนี้พวกเขากำลังคาดเดาตัวตนของนาง คนในจวนแอบสนทนาพาทีกัน คิดว่าแปลกใหม่ไม่น้อย
ไม่คิดจริงๆ ว่าข้างกายของนายท่านที่ตลอดมาไม่เข้าใกล้สตรีจะมีสาวน้อยคนหนึ่งมาตั้งแต่แรก นอกจากนั้น หญิงชุดแดงคนนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าองค์หญิงอิ๋งเสวี่ยอะไรนั่นด้วย
………………………………………………….