เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1325 ผ่านไปอีกสองวัน + ตอนที่ 1326 ปลอมตัวไปเที่ยวเล่น
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1325 ผ่านไปอีกสองวัน + ตอนที่ 1326 ปลอมตัวไปเที่ยวเล่น
ตอนที่ 1325 ผ่านไปอีกสองวัน + ตอนที่ 1326 ปลอมตัวไปเที่ยวเล่น
ตอนที่ 1325 ผ่านไปอีกสองวัน
ผ่านไปนาน จักรพรรดิถึงจะโบกมือ “ช่างเถอะ ไม่ต้องไปยุ่ง เรื่องของเขาก็ให้เขาไปจัดการเอง” กล่าวจบก็ลุกขึ้น สะบัดแขนเสื้อเดินออกไป
เมื่อข่าวว่ารัชทายาทบันดาลโทสะตัดแขนหานหรงและเนรเทศแพร่กระจายออกไป กลุ่มอำนาจฝ่ายต่างๆ ของเมืองหลวงล้วนอยากรู้ว่าสตรีผู้นั้นเป็นใคร ด้วยเหตุนี้จึงแอบไปสืบข่าว
ทว่า คนในจวนรัชทายาทปิดปากแน่นนัก ถามไม่ได้ข่าวอะไรมาสักนิด แม้แต่นางหน้าตาเช่นไรก็ไม่รู้ พวกเขาได้แต่สอบถามตามท้องถนน ถึงจะสืบจากคนที่เคยเห็นมาได้ว่าหญิงคนนั้นสวมชุดแดง ปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุมจึงไม่เห็นหน้าตา
หลายปีมานี้ ข้างกายองค์รัชทายาทเซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่เคยเห็นผู้หญิงสักคน ยามนี้จู่ๆ ก็มีหญิงคนหนึ่งโผล่มา ถึงขั้นยอมเสียสมาชิกคนสำคัญเพื่อนาง แค่คิดก็รู้แล้วว่าฐานะของหญิงผู้นี้ในหัวใจเขาไม่ธรรมดาเลย
แต่ถึงแม้พวกเขาอยากรู้เช่นไร สอบถามอย่างไร ก็ไม่ได้ข้อมูลอื่นๆ ของผู้หญิงคนนั้นมา…
หลายวันต่อมา ภายในจวน
เฟิ่งจิ่วปรือตาพักผ่อนบนตั่งนอนในลานบ้าน ส่วนเซวียนหยวนโม่เจ๋อจัดการงานอยู่ตรงโต๊ะหินข้างกัน
ตงเอ๋อร์ถูกไล่ไปแล้ว สามคนที่เหลือเห็นภาพเมื่อหลายวันก่อนหน้าด้วยตาตนเอง ยิ่งไม่คิดอะไรกับเซวียนหยวนโม่เจ๋ออีก ถึงขั้นหลีกเลี่ยงเขาเล็กน้อย กลัวจะเดินใกล้เกินไปหรือทำอะไรให้เฟิ่งจิ่วโมโหจนจัดการพวกนาง
ช่วงเย็นวันนั้นที่หานหรงถูกเนรเทศ พวกนางสามคนคุกเข่าตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว พากันเล่าเรื่องที่หานหรงสั่งให้พวกนางทำออกมา ไม่กล้าปิดบังแม้แต่น้อย
สำหรับข้อนั้น เฟิ่งจิ่วรู้มาแต่แรกแล้ว แต่เห็นพวกนางสามคนค่อนข้างสงบเสงี่ยมจึงไม่ไปสนใจอะไร แต่ให้พวกนางติดตามเธอเป็นผู้ช่วยอะไรบ้าง รอตอนเธอจะไปค่อยจัดพวกนางไปอยู่เรือนด้านนอก
เธอปรือตานอนบนตั่งตัวนุ่ม โบกมือให้สองสามคนที่นวดขาถอยออกไป ก่อนมองท้องฟ้าและมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่กำลังจัดการงาน ชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยว่า “อาเจ๋อ ข้าว่าจะไปแล้ว”
เพียงเอ่ยออกไปเช่นนี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่กำลังยุ่งชะงักกึก แล้วมองไปทางเฟิ่งจิ่ว “จะไปแล้วหรือ เร็วเพียงนี้เชียว? เจ้าบอกว่ามีเวลาสองสามเดือนไม่ใช่หรือ?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็กลอกตา “ข้าพักที่นี่มาสองเดือนกว่าแล้ว นับรวมเดินทางไปกลับ ก็เป็นเวลาสองสามเดือนไม่ใช่หรือไร?”
“อยู่ต่ออีกหลายๆ วันไม่ได้หรือ?” เขาขมวดคิ้วพลางถาม มองนางแล้วกล่าวว่า “อันที่จริงเรื่องของเจ้าให้ข้าจัดการก็ได้” เช่นนี้นางจะได้ไม่ต้องไป อยู่เป็นเพื่อนข้างกายเขาได้
แต่เขารู้ว่านางไม่อยากพึ่งพาเขา รู้ว่านางอยากแข็งแกร่งขึ้นด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้แม้จะอาลัยอาวรณ์ เขาก็ได้แต่ปล่อยให้นางไปจัดการเอง ฝึกวิชาด้วยตนเอง
“พักอีกสองวันแล้วกัน พักอีกสองวันข้าจะไป” เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นมานั่ง “ข้ามาถึงที่นี่ยังมีอะไรน่าอาวรณ์อีก ยิ่งไปกว่านั้น ขอแค่มีโอกาส ข้าจะกลับมาหาท่านเอง”
“เจ้าบอกที่ที่จะไปกับข้า เช่นนี้ข้าก็ไปหาเจ้าได้”
ใครจะรู้ นางกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่บอกท่านหรอก”
เขาได้ยินก็ถอนใจอย่างจนปัญญา “เอาเถอะ! ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็จะรู้เองทีหลัง ในเมื่อเจ้าต้องไปแล้ว สองวันนี้ข้าจะไม่ทำเรื่องอื่นๆ จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าให้มากๆ แล้วกัน!”
“ท่านไปจัดการงานดีกว่า งานจะได้ไม่ล่าช้า”
เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร งานมักจะไม่เสร็จเสมอ ผ่อนคลายตามความเหมาะสมเถอะ! สองวันนี้เจ้าอยากไปเล่นที่ไหน เจ้าบอกมา ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”
………………………………………………….
ตอนที่ 1326 ปลอมตัวไปเที่ยวเล่น
“จะไปเป็นเพื่อนข้าจริงหรือ?” เฟิ่งจิ่วกะพริบตา ในดวงตาเปล่งประกายอย่างอธิบายไม่ถูก เหมือนกำลังวางแผนร้ายอะไร
“อืม” เขาขานรับ รอนางพูดต่อ
บอกจะไปก็ไปเลย เฟิ่งจิ่วกระโดดขึ้นมาทันที “เช่นนั้นพวกเราจะเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปกัน? ถือโอกาสติดหนวดให้ท่านด้วย”
เขาได้ฟังก็เหลือบมองนางด้วยสีหน้าแปลกๆ “ข้าแก่เกินไปเจ้าไม่ชอบไม่ใช่หรือ?” ซ้ำยังเรียกว่าท่านอา ตอนนี้จะให้เขาปลอมเป็นหลิ่งโม่หานอีกแล้ว?
อีกฝ่ายกลั้นหัวเราะ ตอบว่า “ได้อย่างไรเล่า? แม้จะแก่ แต่ก็เป็นท่านอาที่ทั้งหล่อและเย็นชามาก วางใจได้ๆ อย่างไรก็ไม่รังเกียจท่านหรอก แต่ท่านกับข้าออกไปเช่นนี้สะดุดตาคนเกินไป โดยเฉพาะสาวๆ พวกนั้นเห็นท่านแล้วล้วนตาโต ดังนั้นพวกเราปลอมตัวออกไปเที่ยวเล่นจะดีกว่า”
เช่นนี้เขาจึงดันนางเข้าห้องไป จากนั้นเรียกฮุยหลางมาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าและติดหนวด เฟิ่งจิ่วเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว หาชุดสีเขียวมาสวมใส่ แต่งหน้าเล็กน้อย แล้วจึงจะเดินออกจากห้องมา
ครั้นมาถึงด้านนอก เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อสวมชุดเทาใบหน้ามีเคราครึ้มนั่งดื่มชาอยู่ตรงนั้น จึงยิ้มแย้มเดินเข้าไป วนไปมารอบๆ เขาพลางพินิจมอง “ท่านอา ท่าทางเช่นนี้คุ้นเคยดีนัก! เฮ้ ข้าไม่เห็นท่านติดเคราหนาเช่นนี้มานานแล้ว”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินแล้วกระตุกมุมปาก ชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง เห็นนางสวมชุดสีเขียวไม่สะดุดตาและไม่โอ้อวดตัว แม้แต่ใบหน้ายังเติมแต่งเล็กน้อย จึงพยักหน้า “เช่นนี้ไม่เลว ไปกันเถอะ!”
เขาลุกขึ้นมา จูงมือของเฟิ่งจิ่วออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ
ฮุยหลางกับอิ่งอีเห็นพวกเขาสองคนออกไป มองอยู่ด้านหลังสักพัก ฮุยหลางก็ใช้ศอกกระทุ้งอิ่งอีที่อยู่ข้างกาย “เจ้าว่า พวกเราต้องตามไปหรือไม่?”
“ตามสิ!” อิ่งอีกล่าวจบก็แวบร่างล่วงหน้าไปก่อน
ฮุยหลางฉีกยิ้มเมื่อเห็นเช่นนี้ ก่อนจะล่วงหน้าตามไปเช่นกัน ติดตามโดยซ่อนในมุมมืดด้านหลัง
ทั้งสองคนตามไปในมุมลับตา มองบุรุษเคราหนาจูงมือเด็กหนุ่มชุดเขียวท่าทางใส่ซื่อเดินไปตามถนนใหญ่ อิ่งอีที่อยู่ในมุมมืดดวงตาฉายประกาย นัยน์ตาเผยรอยยิ้ม
ฮุยหลางยิ่งฉีกยิ้มทันควัน มองสองคนที่ทำเหมือนไม่มีใครอื่นข้างๆ พลางเอ่ยว่า “นายท่านเอาแต่ใจเช่นนี้ เจ้าว่าไหม ทั้งถนนแทบจะให้พวกเขาเดินกันแค่สองคน ผู้ชายสองคนจูงมือกันกลางถนน ภาพเช่นนี้มองอย่างไรก็รู้สึกแปลกๆ อย่างไรไม่รู้”
“นายท่านรู้สึกดีเป็นพอ เจ้าอย่าพูดมากนักเลย” อิ่งอีกดเสียงเบากล่าว
ฮุยหลางมองผู้คนบนถนนที่หันมองคนทั้งสองบ่อยครั้ง อดฉีกยิ้มไม่ได้ ทว่าไม่ได้พูดอะไร เพียงตามไปในมุมมืดเงียบๆ
สายตารอบๆ พวกนั้นเซวียนหยวนโม่เจ๋อเมินเฉยอย่างสิ้นเชิง เขาจูงมือเฟิ่งจิ่วชมรอบๆ ยามเห็นว่าถนนใหญ่ตรงหน้ามีร้านแผงลอยขายเกาลัดเคลือบน้ำตาล จึงพาเฟิ่งจิ่วเดินเข้าไป
“เอามาหนึ่งห่อ” สิ้นเสียง ก็วางเงินลงบนแผงลอยแล้ว
“ขอบคุณขอรับ”
พ่อค้าหาบเร่ขอบคุณด้วยน้ำเสียงยินดี จัดเกาลัดที่คั่วเรียบร้อยมาหนึ่งห่อด้วยความรวดเร็วและยื่นไปให้ “ลูกค้า เกาลัดเคลือบน้ำตาลของพวกท่าน กินให้อร่อย ครั้งหน้าค่อยมาอีก” ขณะพูดก็มองมือที่จูงกันของทั้งสองอย่างสงสัย
ผู้ชายสองคนนี้ ไม่นึกว่าจะจูงมือกันกลางถนน? จะใจกล้าเกินไปแล้ว
เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับมา จากนั้นส่งให้เฟิ่งจิ่ว สื่อให้นางหยิบไปแกะเปลือกกิน เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มแย้ม หลังรับมาจากมือของเขา ก็หาร้านหาบเร่ซื้อถุงเล็กๆ มาไว้เก็บเปลือก ทั้งคู่เดินไปพลางแกะเปลือกเกาลัดกินไปพลาง ทั้งซุกซนและทำตามแต่ใจ
………………………………………………….