เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1331 หนีไม่ได้ + บทที่ 1332 เอื่อยเฉื่อยสบายใจ
บทที่ 1331 หนีไม่ได้ + บทที่ 1332 เอื่อยเฉื่อยสบายใจ
บทที่ 1331 หนีไม่ได้
หยางซานแม้จะขุ่นเคือง แต่สายตากลับไม่เลว เล่นมาหลายตาขนาดนี้แล้ว ใจเขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ชนะเขาเพราะอาศัยโชค แต่มีความสามารถซ่อนอยู่จริงๆ กอปรกับเมื่อชายร่างใหญ่คนนั้นเอ่ยปาก สองคนนั้นก็วิ่งหนีไปโดยไม่กล้าเถียงสักคำ แม้แรงกดดันในพริบตานั้นไม่ได้จู่โจมมาทางเขา แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน
เวลานี้หัวใจของเขารุ่มร้อนกังวล หน้าผากมีเหงื่อผุดซึม เขายกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อ ยกน้ำชาขึ้นจิบอึกใหญ่ ก่อนกล่าวว่า “ข้าไปห้องน้ำประเดี๋ยว กลับมาค่อยว่ากัน” เอ่ยแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างรีบร้อน
“ท่านว่า เขาจะเอาการไปห้องน้ำมาอ้างแล้วหนีไปหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วเท้าคาง ยิ้มตาหยีมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อพลางถาม
เซวียนหยวนโม่เจ๋อจิบชาคำหนึ่ง แล้วตอบด้วยท่าทางผ่อนคลาย “เขาหนีไปไม่ได้หรอก”
ใช่ เขาหนีไปไม่ได้
หยางซานคิดจะใช้ข้ออ้างเข้าห้องน้ำเพื่อฉวยโอกาสหนีจริงๆ เขารู้สึกว่าถ้ายังเล่นต่ออีกเขาต้องเป็นเหมือนสองคนนั้นแน่ เล่นมานาน มากน้อยเขาก็พอจะสัมผัสได้ สองคนนั้นไม่ใช่คนที่เขาจะมีเรื่องด้วยได้ อย่างไรรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางไว้ก่อนดีกว่า
แต่ใครเล่าจะรู้ ขณะที่เขากำลังคิดจะกระโดดกำแพงทางด้านหลังออกไป เสียงหนึ่งกลับดังมาจากข้างหลัง
“คิดจะไปไหนหรือ?”
ตัวเขาแข็งทื่อ นอนคว่ำอยู่บนกำแพงและตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่เสียงของสองคนนั้น ทว่าพอเขาหันไปมอง ก็ต้องตกใจจนหน้าซีด
“พะ พี่ใหญ่ฮุยหลาง พะ พี่ใหญ่อิ่งอี…”
เขาตัวสั่น รีบปีนลงมาจากกำแพงทันที “พะ พวกท่านมาได้อย่างไร พี่รองข้าไม่ได้มาด้วยกระมัง?”
“พรวด!”
ฮุยหลางหลุดขำ เหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง “ไม่ต้องมาเรียกพี่ใหญ่ๆ พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ไป ถ่ายเบาเสร็จแล้วก็รีบกลับไป!”
“อ้อ ใช่ ข้าจะรีบกลับไป กลับไปเดี๋ยวนี้เลย” เขารีบรับคำ ขณะกำลังจะหมุนตัวกระโดดข้ามกำแพง ก็มีมือข้างหนึ่งวางลงมาบนไหล่ของเขา
“บอกให้เจ้ารีบกลับไปเล่นพนันต่อข้างใน เจ้าคิดจะกลับไปที่ใด?” ฮุยหลางถามด้วยรอยยิ้มชวนขนลุก
ครั้นได้ยินประโยคนั้น เขาหน้าซีดเผือด “กลับ กลับไปเล่นพนันต่อข้างในหรือ?”
“ถูกต้อง เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเองไม่ใช่หรือ มาตอนนี้คิดจะหนี? ไม่มีทางเสียล่ะ รีบกลับไปเลย” เขาผลักหยางซาน ยืนกอดอกจ้องมองอีกฝ่ายอยู่ตรงนั้น
หยางซานกลืนน้ำลาย ถามด้วยความระมัดระวังว่า “พี่ใหญ่ฮุย ฮุยหลางรู้จักพวกเขาสองคนหรือ?”
“ฮุยฮุยหลางอะไรของเจ้า? เจ้าเด็กนี่กวนประสาทหรือ พูดมากเสียจริง! เข้าไป ถ้ายังไม่เข้าไปข้าจะเตะเจ้าเข้าไปเอง!” ฮุยหลางตวาด มาตอนนี้เริ่มรู้จักกลัวแล้วหรือ ก่อนหน้านี้ทำอะไรอยู่?
เห็นเช่นนั้น หยางซานทำได้เพียงฝืนเดินกลับไป คิดในใจว่าสองคนนั้นเป็นใครกันแน่ ฮุยหลางกับอิ่งอีเป็นองครักษ์ข้างกายองค์รัชทายาทเชียวนะ พวกเขาสองคนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? หรือว่า…
พอนึกถึงความเป็นไปได้นั้น แล้วนึกถึงแรงกดดันอันแข็งแกร่งตอนที่ชายร่างใหญ่คนนั้นเปล่งเสียง เขาก็ขาอ่อนยวบทันที เกือบคุกเข่าลงบนพื้น
กลับมาถึงด้านใน เห็นสองคนนั้นยังนั่งอยู่ คนหนึ่งดื่มชา คนหนึ่งนั่งชันคาง ท่าทางเหมือนรอจนเบื่อหน่าย เขาหน้าซีด รีบก้าวไปข้างหน้า “คือว่า ทั้งสองท่าน ไม่สู้ข้าเชิญท่านทั้งสองไปกินอะไรที่หอสุราหน่อยเป็นอย่างไร?”
“ไม่ต้อง นั่งเถิด! พวกเรามาเล่นต่อกัน” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี พยักเพยิดให้เขานั่งลง
เห็นเช่นนั้น เขาทำได้แต่เกร็งตัวนั่งลงไป ร่างกายกำลังสั่นเทา หลังคิดๆ ดูแล้ว เขาก็เอาแก้วแหวนเงินทองทั้งหมดบนตัวออกมากองบนโต๊ะ แล้วดันไปตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว
“คุณชาย ของพวกนี้ข้าให้ท่านเพื่อไถ่โทษ ท่านดูสิ…”
………………………………….
บทที่ 1332 เอื่อยเฉื่อยสบายใจ
“ท่านดูข้า ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ช่วย…ช่วยปล่อยให้ข้ากลับไปก่อนได้หรือไม่?” เขามองเฟิ่งจิ่วตาปริบๆ ท่าทางกังวลลนลาน
เฟิ่งจิ่วมองของมีค่ากองนั้นบนโต๊ะ รู้สึกตาลายเล็กน้อย กอปรกับเห็นว่าเขาไม่มีความกล้านั้นแล้วจริงๆ ซ้ำยังมีของมีค่าเป็นของไถ่โทษมากมายขนาดนี้ เธอจึงยิ้มตาหยีพยักหน้าให้ “อย่างนั้นก็ได้! ในเมื่อท่านสำนึกผิดแล้ว ข้าที่เป็นผู้ใจกว้างก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับท่าน ของพวกนี้ข้าจะรับไว้ก็แล้วกัน ท่านไปเถิด!”
“ขอรับๆ ขอบพระคุณคุณชายมากๆ” เขาได้ยินก็ดีใจ รีบลุกขึ้นมาประสานมือกล่าวขอบคุณ แล้วลนลานจากไป โต๊ะตัวนั้นจึงเหลือแค่พวกเขาสองคนนั่งอยู่
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นเฟิ่งจิ่วประคองแก้วแหวนเงินทองเหล่านั้นแล้วยิ้มหน้าชื่นมื่นเหมือนคนโลภในทรัพย์สิน ก็อดรู้สึกขำไม่ได้ “ชอบของพวกนี้ขนาดนี้เชียวหรือ?”
ดูท่าทางนางเหมือนอยากจะหยิบขึ้นมาจูบเสียให้รู้แล้วรู้รอด กับเขายังไม่เคยเห็นนางมีสายตาลุ่มหลงและตื่นเต้นเช่นนี้เลย
“ของแวววาวและสวยงามเช่นนี้ ใครบ้างไม่ชอบ!” เฟิ่งจิ่วกล่าว หยิบถุงฟ้าดินขึ้นมาพลางบอก “ออกมาวันนี้หาเงินได้เยอะมาก ถ้ารู้แต่แรกว่าในเมืองหลวงมีที่ดีๆ เช่นนี้อยู่ด้วย ข้าไม่น่าอยู่ในจวนเฉยๆ ทุกวี่ทุกวันเลย”
“คลังสมบัติในจวนมีแก้วแหวนเงินทองมากกว่านี้อีก ไม่เห็นเจ้าสนใจจะไปดู?”
“นั่นล้วนเป็นของในจวน มีอะไรน่าดูกัน? ของพวกนี้ไม่เหมือนกัน ท่านดู จากของคนอื่นกลายมาเป็นของของข้า ความรู้สึกเช่นนี้แหละที่ทำให้ตื่นเต้นได้” เธอเก็บถุงฟ้าดิน กล่าวว่า “พวกเราออกไปเล่นข้างนอกอีกสักหลายตาเถอะ?”
“เอาเถิด! แล้วแต่ที่เจ้าชอบ” เซวียนหยวนโม่เจ๋อรู้ว่าทักษะการเล่นพนันของเธอไม่เลว จึงตามใจเธอเช่นกัน
ทั้งสองย้ายไปเล่นที่โต๊ะข้างๆ ทว่าส่วนมากเป็นเฟิ่งจิ่วที่เล่น เซวียนหยวนโม่เจ๋อดูอยู่ข้างๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็เล่นไปหลายโต๊ะ กระทั่งสุดท้ายชนะจนหนำใจแล้ว จึงค่อยเตรียมตัวกลับอย่างพออกพอใจ
ทว่าคนในบ่อนพนันเพ่งเล็งเฟิ่งจิ่วนานแล้ว เพราะทุกครั้งที่เดิมพันเธอไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง ด้วยเหตุนี้ คนเบื้องบนจึงถามขึ้นว่า “สองคนนั้นเป็นใคร?”
“เหมือนจะเป็นคนนอกพื้นที่ มาที่บ่อนของเราเป็นครั้งแรก คุณชายหยางซานผู้นั้นเป็นคนพามา แต่ก่อนหน้านี้พวกคุณชายหยางซานก็แพ้หมดตัวกลับไปแล้ว”
“อ้อ? ก็เก่งเหมือนกัน” ชายวัยกลางคนคนนั้นพูด สายตากวาดมองผ่านเด็กหนุ่ม แล้วหยุดอยู่ที่ชายสูงใหญ่คนนั้น คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ให้ข้าน้อยลงไปไหมขอรับ?” ชายตัวผอมสูงแววตาเป็นประกายที่ยืนอยู่ด้านข้างถาม
“ไม่ต้อง” ชายวัยกลางคนคนนั้นส่ายหน้า “สองคนนี้ข้าดูไม่ออก แต่ข้ารู้สึกได้ว่าอันตรายมาก อย่างไรอย่าวู่วามจะดีกว่า จะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้บ่อนโดยไม่จำเป็น”
ชายตัวสูงผอมคนนั้นตะลึงเล็กน้อย มองสองคนนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ขอรับ” สิ้นเสียง ก็เห็นสองคนนั้นเดินออกไปข้างนอกแล้ว ในบ่อนก็มีคนกลุ่มหนึ่งสบตากันก่อนจะเดินตามออกไป
“พวกเขาไปแล้ว ข้างหลังยังมีลิ่วล้อตามไปอีกหลายคนขอรับ” ชายตัวสูงผอมรายงาน
“สั่งให้คนตามไปดูห่างๆ ห้ามลงมือ” ชายวัยกลางคนกำชับ
“ขอรับ” ชายตัวสูงผอมรับคำ พาคนสามคนออกไป แอบตามหลังคนพวกนั้นไปเงียบๆ
ส่วนเซวียนหยวนโม่เจ๋อและเฟิ่งจิ่วที่ออกมาข้างนอกแล้วก็สัมผัสได้ว่าคนกลุ่มนั้นตามหลังมา เพียงแต่พวกเขาไม่ได้สนใจ คนพวกนั้น ไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ อีกอย่าง ถึงจะต้องจัดการก็ไม่ต้องให้พวกเขาลงมืออยู่แล้ว
“พวกเราไปดูอาทิตย์ตกกันเถอะ!” เฟิ่งจิ่วมองเขาแล้วชักชวน
“ดี”
เขาพยักหน้ารับ บอกว่า “จะดูอาทิตย์ตกต้องไปเขาชมตะวัน ดูอาทิตย์ตกที่นั่นสวยที่สุด”
………………………………….