เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1343 โคมไฟสีแดง + ตอนที่ 1344 ไม่ใช่ผี
ตอนที่ 1343 โคมไฟสีแดง + ตอนที่ 1344 ไม่ใช่ผี
ตอนที่ 1343 โคมไฟสีแดง
เห็นเพียงด้านซ้ายของผืนนามีหุ่นไล่กาตัวหนึ่งตั้งอยู่ หุ่นไล่กาตัวนั้นไม่เหมือนหุ่นไล่กาทั่วไปที่เพียงปักอยู่ตรงนั้นเฉยๆ
แต่ยังสวมชุดลายดอกไม้ใส่หมวกปลายแหลมสีดำด้วย สองมือกางออกรับลมขณะหันหลังให้เธอ เสื้อลายดอกไม้ตัวยาวบดบังเสาไม้ไผ่ที่ปักหลักลงไปในผืนนา ทำให้เวลาฟ้ามืดสลัวแล้วมองโดยไม่ตั้งใจ จะเหมือนคนคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้ แต่ร่างกายกลับดูแข็งทื่อ เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด
เธอสงบสติอารมณ์ เลื่อนสายตาออกไป ทว่าขณะสายตาจับจ้องไปที่จุดหนึ่ง ลมหายใจก็สะดุด เห็นเพียงร่างหนึ่งนอนคว่ำจมน้ำอยู่ในนา ในทัศนวิสัยมืดสลัวเห็นได้รางๆ ว่าเหมือนจะเป็นเด็กอายุสี่ห้าขวบ
เพียงแต่ ยามเธอกวาดมองรอบหนึ่ง กลับสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นอายชีวิตใดๆ
ตายแล้วรึ?
เมื่อความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวเธอ ฝีเท้าก็ก้าวเดินไปทางนั้น อ้อมถนนไปจนถึงที่นั่น เดินอยู่บนคันนาเล็กๆ พื้นรองเท้าเหยียบย่ำลงไปบนดินโคลนแฉะๆ ยามก้าวเดินค่อนข้างลำบาก
ทว่ายามเธอเดินมาดูจุดนั้นกลับชะงักงัน คิ้วขมวดเข้าหากันเบาๆ
ดูจากที่ไกลๆ เป็นเด็กคนหนึ่งไม่ผิดแน่ แต่พอดูใกล้ๆ กลับพบว่าเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง ตุ๊กตาผ้าที่เย็บจากเสื้อผ้าเก่าๆ ขนาดตัวเท่าเด็กอายุสี่ห้าปีนอนคว่ำหน้าลงดินอยู่ตรงนั้น
เธอสูดลมหายใจลึกๆ และพ่นออกมาเบาๆ เงยหน้าทอดสายตามองออกไปบริเวณรอบๆ เนื่องจากท้องฟ้ามืดมน เธอจึงเห็นแค่ว่าหุ่นไล่กาพวกนั้นยืนรับลมอยู่หลายจุด เต็มไปด้วยบรรยากาศประหลาดในสถานที่ที่มืดจนมองไม่เห็นแม้แต่ควันไฟอย่างนี้…
หลังออกจากคันนาเส้นนั้น เดินกลับมาบนถนนเส้นเดิม เฟิ่งจิ่วใช้เท้าถูกับก้อนกรวดแห้งๆ บนพื้นเพื่อกำจัดโคลนแดงที่ติดอยู่ใต้พื้นรองเท้า จากนั้นจึงค่อยเดินไปข้างหน้าต่อ
เดินมาได้อีกสักระยะ ก็เห็นตุ๊กตาผ้าเก่าขาดตัวหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้บนถนน ตุ๊กตาผ้าตัวนั้นถูกทำขึ้นมาเหมือนเด็กอายุสี่ห้าขวบ เพียงแต่เสื้อผ้าที่สวมอยู่บนตัวไม่เหมือนกัน และจุดที่น่าแปลกกว่าก็คือ บนใบหน้าของตุ๊กตาตัวนี้เหมือนถูกแต่งหน้าไว้ ทั้งยังฉีกยิ้มอยู่ด้วย
บนหน้าของตุ๊กตาผ้าตัวนั้นมีคิ้วมีตา มีจมูกแล้วก็มีปาก ซ้ำยังมีพวงแก้มแดงๆ ดูอย่างไรก็แปลกพิลึก
เดินมาได้อีกสักระยะ ก็เห็นตุ๊กตาผ้าจำนวนหนึ่งที่แขนขาดขาขาดอยู่ข้างทางเป็นระยะ บางตัวไม่มีหัว ถูกทิ้งส่งๆ ไว้ข้างทาง ขณะฟังเสียงจิ้งหรีดที่ดังมายามค่ำคืน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในสถานที่ว่างเปล่าแห่งนี้มีแค่เธอคนเดียว แล้วก็มีสิ่งของแปลกๆ ชวนขนลุกขนพองอย่างนี้ให้เห็นเป็นระยะ ทำให้ฝีเท้าของเธอที่เดิมทีก้าวเข้าไปข้างในชะงักเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
ข้างในนี้มืดมิดไปหมด บอกว่าเป็นหมู่บ้าน แต่กลับไม่เห็นคนอาศัยอยู่สักครึ่งครอบครัว น่าจะไม่มีใครอยู่แล้ว เธอไม่เข้าไปจะดีกว่า อีกอย่าง ความรู้สึกน่ากลัวแปลกๆ นี่ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวด้วย
นึกถึงตรงนี้แล้ว เธอตั้งใจว่าจะรีบออกไปตอนที่ยังเข้ามาได้ไม่นานก่อนค่อยว่ากัน ทว่า ขณะที่เธอหมุนตัวทำท่าจะไปจากที่นี่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแหบแห้งและสูงอายุดังขึ้นมา
“เป็นคนนอกพื้นที่กระมัง!”
เสียงที่พลันดังมานั้นทำให้เธอตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว สถานที่ที่ดูก็รู้ว่าไม่มีใครอยู่อย่างนี้ จู่ๆ กลับมีเสียงแหบแห้งแก่ชราดังมา ไม่ว่าใครก็ตกใจกันทั้งนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อครู่เธอสำรวจบริเวณนี้รอบหนึ่งแล้วด้วย ไม่มีกลิ่นอายมนุษย์อยู่แม้แต่น้อย เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่มาคนหนึ่งได้?
เช่นนี้เอง เธอหันไปมองตามเสียงนั้นด้วยใจที่ระแวดระวัง
เห็นเพียงว่าในค่ำคืนที่ท้องฟ้ามืดมิด โคมไฟสีแดงดวงหนึ่งกำลังลอยโคลงเคลงเข้ามาหาจากที่ไกลๆ…
………………………………….
ตอนที่ 1344 ไม่ใช่ผี
มองไปเช่นนี้ ราวกับมีเพียงโคมไฟสีแดงดวงนั้นกำลังลอยมาทางเธอ แต่เมื่อโคมไฟค่อยๆ ใกล้เข้ามา หญิงชราหลังค่อมสวมเสื้อผ้าสีดำที่กำลังถือโคมแดงก็ปรากฏสู่ครรลองสายตาของเธอ
เมื่อเห็นหญิงชราที่ปรากฏตัวที่นี่อย่างแปลกประหลาด เธอลอบสังเกตเงียบๆ จากนั้นจึงค่อยถามว่า “ท่านผู้เฒ่าเป็นคนหมู่บ้านนี้หรือ?”
หญิงชราหลังค่อมเงยหน้ามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม “ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่จะยืนคุยกัน ตามข้ามาเถิด!”
เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงตามไป
“พี่สาวอย่าไป พี่สาว เล่นกับข้าเถิด…”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลัง เฟิ่งจิ่วตกใจจนขนลุกชัน สั่นสะท้านไปทั้งตัว เห็นเพียงตุ๊กตาผ้าเหล่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ข้างทางในทุ่งนา เสมือนมีชีวิตขึ้นมาทันทีที่แสงจันทร์เหนือหัวปรากฏ แต่ละตัวลุกขึ้นมาล้อมรอบตัวเธอ
“พี่สาวอย่าไป พี่สาว อยู่เล่นเป็นเพื่อนข้าเถิด…”
ตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งเดินตัวแข็งทื่อมาทางเธอ คิ้วตก ขยับปากที่เม้มแน่นอ้าบ้างหุบบ้าง “พี่สาวเล่นเป็นเพื่อนข้า มาเล่นเป็นเพื่อนข้าเถิด…”
“ฟุบ!”
ในขณะที่เธอกำลังตกใจ หญิงชราหลังค่อมที่ถือโคมแดงกลับหยิบเปลวไฟลูกหนึ่งออกมาจากโคมดวงนั้นแล้วยื่นมือดีดออกไปรอบๆ ฉับพลับนั้น เสียงกรีดร้องตกใจระคนเคียดแค้นก็ดังมา
“อ๊าก! ยายแก่ ยายแก่น่าชัง…”
เห็นเพียงตุ๊กตาผ้าที่กำลังเดินมาทางเธอกรีดร้องตอนถูกเปลวไฟดีดเข้าใส่ ล้มลงไปบนพื้นแล้วร้องไห้คร่ำครวญขึ้นมา เสียงนั้นฟังแล้วชวนขนพองสยองเกล้ายิ่งนัก
“ไปเถิด!”
หญิงชราหลังค่อมที่อยู่ข้างหน้ากล่าว แล้วขยับฝีเท้าอย่างแช่มช้า ถือโคมไฟสีแดงเดินไปข้างหน้า
เฟิ่งจิ่วตั้งสติ มองเงาร่างนั้นแวบหนึ่งก่อนเดินตามไปอีกครั้ง จนกระทั่งเดินตามร่างข้างหน้ามาถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งดูคล้ายศาลบรรพชน
“นั่งตามสบายเถิด” หญิงชราหลังค่อมกล่าว เอาโคมไฟไปแขวนไว้ จากนั้นเดินไปข้างหลัง ไม่นานก็เอาขนมมายื่นให้เฟิ่งจิ่วสองชิ้น
“ขอบคุณ” เธอกล่าวตอบ รับหนึ่งในสองชิ้นนั้นมาแต่กลับไม่กิน ถามว่า “ท่านผู้เฒ่า ทำไมที่นี่ถึงได้แปลกอย่างนี้” ใช่ แปลก ตั้งแต่เธอเข้ามาที่นี่ก็ไม่รู้สึกถึงพลังหยินเลย ไม่เหมือนสถานที่ที่จะมีภูตผีวิญญาณวนเวียนอยู่ แต่ตุ๊กตาผ้าพวกนั้นกลับเหมือนมีชีวิตขึ้นมา เหมือนถูกผีสิงอย่างไรอย่างนั้น
แต่เธอไม่รู้สึกถึงภูตผีเลยจริงๆ ในเมื่อไม่มีภูตผี แล้วมันคืออะไร?
“นั่นคือวิญญาณอาฆาต”
หญิงชราหลังค่อมบอก หยิบขนมขึ้นมากัดหนึ่งคำพลางกล่าว “วิญญาณอาฆาตไม่ใช่ผี ทว่าก็ไม่ต่างจากผี ที่ต่างกันก็คือผีอยู่ในสภาวะหยิน ชอบความมืดอึมครึมและอากาศหนาวเย็น แต่วิญญาณอาฆาตชอบสิงสู่คนที่มีกลิ่นอายความแค้นรุนแรง”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย ก้มหน้ามองตัวเอง ก่อนพูดด้วยสีหน้าแปลกๆ ว่า “บนกายข้ามีกลิ่นอายความแค้นหรือ น่าจะไม่มีกระมัง?” บนตัวเธอจะมีกลิ่นอายความแค้นได้อย่างไร?
หญิงชราหลังค่อมเหลือบมองเธอ เสียงแหบแห้งและแก่ชราค่อยๆ เปล่งออกมา “หากบนตัวเจ้ามีกลิ่นอายความแค้น เจ้าคงเดินเข้ามาในนี้ไม่ได้ และไม่มีชีวิตอยู่เจอข้าแล้ว”
“เช่นนั้นเพราะเหตุใดกัน? ทำไมวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นจึงเรียกข้าไปเล่นด้วย” แค่นึกถึงภาพเมื่อครู่นี้ เธอก็ขนลุกชันทันที ประหลาดเกินไปแล้ว
จะว่าเป็นผีก็ไม่ใช่ ของอย่างนั้นไม่มีกลิ่นอายผีแม้แต่น้อย เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้แน่ชัด
………………………………….