เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1351 เช่นนั้นสู้ก็แล้วกัน! + ตอนที่ 1352 เป็นกระบี่ดีเล่มหนึ่ง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1351 เช่นนั้นสู้ก็แล้วกัน! + ตอนที่ 1352 เป็นกระบี่ดีเล่มหนึ่ง
ตอนที่ 1351 เช่นนั้นสู้ก็แล้วกัน! + ตอนที่ 1352 เป็นกระบี่ดีเล่มหนึ่ง
ตอนที่ 1351 เช่นนั้นสู้ก็แล้วกัน!
หมู่บ้านแห่งหนึ่งต้องสังเวยไปกี่ชีวิต? ตาข่ายเลือดที่ทั้งใหญ่และสะดุดตานั้น ต้องใช้เลือดของคนมากมายขนาดไหนกว่าจะสร้างขึ้นมาได้?
ความโกรธแค้นในใจทำให้เฟิ่งจิ่วอยากจะต่อสู้ อยากสังหารหญิงชราคนนี้เสีย!
ทว่าเธอก็กำลังประเมินกำลังของตนเอง ประเมินว่าตนเองเก่งมากพอที่จะต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินได้หรือไม่? และในขณะที่เธอครุ่นคิดอยู่นี้ ไม้เท้าหัวกะโหลกในมือของหญิงชราที่อยู่ท่ามกลางตาข่ายเลือดก็ถูกชูขึ้นไปบนฟ้า เลือดเส้นหนึ่งพุ่งขึ้นไป ท้องฟ้าทั้งผืนพลันปั่นป่วนขึ้นมา
เฟิ่งจิ่วมองประกายเลือดเส้นนั้นที่พุ่งขึ้นฟ้าแล้วหมุนวนอยู่ด้านบนประหนึ่งเข็มทิศ กระแสลมรุนแรงไหลเวียนปั่นป่วน กลิ่นอายพลังวิญญาณขุมหนึ่งกระจายจากท้องฟ้า ตอบรับกับตาข่ายเลือดที่อยู่บนพื้น
ครั้นเห็นภาพนั้น เธออดสูดลมหายใจเย็นไม่ได้ หลุดร้องด้วยความตกใจว่า “นะ นี่มันแหฟ้าตาข่ายดิน?”
ตำนานว่าไว้ว่า แหฟ้าตาข่ายดิน ไร้ซึ่งหนทางหนี!
แหฟ้าตาข่ายดินแม้เป็นเธอก็ยังไม่อาจสร้างขึ้นมา แต่หญิงชราคนนี้กลับสร้างแหฟ้าตาข่ายดินเช่นนี้ได้ ดูท่าทางคงคิดจะจับเธอให้ได้! ร่างเทพประทับ ตอนนั้นอาจารย์ของเธอก็เคยบอกไว้แล้ว ห้ามไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องร่างเทพประทับ ไม่เช่นนั้นจะนำภัยถึงชีวิตมาให้เธอ!
เธอซ่อนตัวอย่างระมัดระวังมาตลอด เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะมาถูกหญิงชราประหลาดผู้นี้ดูออกที่นี่ ตอนนี้ยิ่งทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้อีก
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจมากพอว่าจะชนะฝ่ายตรงข้ามได้ ไม่มีความมั่นใจว่าจะรอดชีวิตไปจากที่นี่ หนำซ้ำยังไม่มีใครช่วยได้และไม่มีที่ให้หนี เธอก็เหมือนอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง คนที่พึ่งได้มีแค่ตัวเอง
“ในเมื่อหนีไม่พ้น เช่นนั้นสู้ก็แล้วกัน!”
เธอพึมพำเบาๆ ถึงจะหลบเข้าไปในห้วงมิติได้ แต่การหลบเข้าไปในห้วงมิติในสถานการณ์อย่างนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด หากเผลอไผลไม่ระวัง แม้แต่ห้วงมิติก็อาจถูกพบด้วย อีกอย่างถึงจะหลบเข้าไปด้านใน ก็ยังอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดี
หลังจากใคร่ครวญแล้ว สิ่งที่เธอทำได้ก็มีแค่สู้ซึ่งหน้าเท่านั้น เพียงแต่แหฟ้าตาข่ายดินนั่นจะทำลายอย่างไรดีล่ะ?
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางขบคิด มองตาข่ายเลือดที่อยู่บนดินแล้วมองแหฟ้าที่หมุนวนอยู่บนท้องฟ้า กลิ่นอายที่แข็งแกร่งอบอวลอยู่กลางอากาศ หากไม่ใช่ว่าในร่างเธอมีอานุภาพกดดันเก่าแก่อยู่ เกรงว่าแม้แต่จะก้าวเดินในสถานที่อย่างนี้ก็ยังลำบาก
“แหฟ้าตาข่ายดินเป็นตาข่ายดักจับ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ทำได้เพียงลงมือจากตัวหญิงชราคนนั้นแล้ว!” สายตาของเธอจ้องเงาร่างที่อยู่ไกลๆ นั่น และตอนนี้เอง หญิงชราคนนั้นก็เหมือนจะพบตัวเธอแล้ว ถึงได้หันมามองทางเธอ
“แม่หนู ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าเจ้าหนีไม่พ้นหรอก? มาเถิด! รีบออกมาให้ข้าดูเสียดีๆ”
หญิงชราหัวเราะเสียงเบา เสียงแหบแห้งแก่ชราดังก้องในอากาศ ทั้งที่อยู่ห่างกันมาก แต่เสียงนั้นราวกับดังสะท้อนอยู่ข้างหูเฟิ่งจิ่วอย่างไรอย่างนั้น
“ในเมื่อหนีไม่พ้น เช่นนั้นสู้ก็แล้วกัน!”
เสียงเย็นเยียบแฝงแววดุดันดังมา เฟิ่งจิ่วดีดปลายเท้ากระโดดออกมา ร่างลอยขึ้นกลางอากาศ แรงกดดันและกลิ่นอายทั่วร่างถูกปลดปล่อยโดยไม่คิดจะปกปิดไว้อีก
กลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณถูกแผ่ออกมาทันที แรงกดดันเก่าแก่ก็พลันเอ่อล้นไปทั่วร่างกายของเธอ กระแสพลังทั้งสองไหลเวียนผสมผสาน ทำให้อานุภาพที่กระจายออกมาจากตัวเธอเปลี่ยนไปในพริบตา อานุภาพแรงกดดันไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังของผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินและกลิ่นคาวเลือดรุนแรงบนตัวหญิงชราเลย
ครั้นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแรงกดดันเก่าแก่ที่กระจายออกมาจากตัวเฟิ่งจิ่ว ดวงตาหญิงชรามีประกายวาบไหว ประกายมืดมนพาดผ่านก้นบึ้งนัยน์ตา “น่าเหลือเชื่อจริงๆ…ข้าอยากได้เจ้ามาครองจนแทบอดใจไม่ไหวแล้ว!”
………………………………….
ตอนที่ 1352 เป็นกระบี่ดีเล่มหนึ่ง
“ฟุบ! ฟิ้ว!”
กระแสอากาศทรงพลังส่งเสียงหวีดหวิวกลางสายลม เสียงที่รวดเร็วรุนแรงราวกับดาบคมตวัดผ่านแฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือกที่น่ากลัว
เห็นเพียงว่าไม่นานจากนั้น ประกายสีดำก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของเฟิ่งจิ่ว กระบี่คมพยับอาบแสงเย็นเยือกพาเอาพลังกระบี่ที่หนาวเหน็บผ่าลงมาจากกลางฟ้า หนึ่งกระบี่ที่ดุดันน่าพรั่นพรึง เปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้าง!
เพราะเธอรู้ว่าหากต่อกรกับคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง จะไม่อาจใช้วิธีการต่อสู้ที่ยืดเยื้อได้ มีเพียงต้องสู้อย่างรวดเร็วฉับไว จึงจะมีโอกาสได้รับชัยชนะ!
มองเห็นกลิ่นอายกระบี่เย็นเฉียบพุ่งเข้ามา ไอสังหารท่วมท้นจนไร้หนทางหลบเลี่ยง ด้วยเหตุนี้หญิงชราจึงรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณไปที่ไม้เท้าหัวกะโหลกในมือ จากนั้นตวัดออกไปปะทะกับพลังกระบี่ที่โจมตีมาจากบนฟ้า ในชั่วพริบตา เห็นเพียงกระแสอากาศที่เกิดจากไม้เท้าหัวกะโหลกของหญิงชราม้วนเอาเลือดทั้งหมดบนพื้นขึ้นมา กลายเป็นเสาเลือดต้นหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ฟ้า
“บึ้ม! โครม!”
ประกายแสงสีดำเส้นหนึ่งปะทะกับเสาเลือด เสาเลือดนั้นราวกับสลายพลังกระบี่ที่หนาวสะท้านของกระบี่คมพยับ หยุดยั้งการโจมตีของพลังกระบี่ไว้ ทว่า หลังจากเสียงกัมปนาทนั้นดังขึ้นมา ขณะที่พลังเลือดถูกพุ่งปะทะจนกระจายกลับลงพื้น กลับเห็นกระบี่คมพยับใช้พลังเหมือนผ่ากลางลำไผ่ทะลวงผ่านพลังเลือดนั้น ก่อนจู่โจมไปทางหญิงชราด้วยอานุภาพที่เร็วจนไม่ทันตั้งตัว
“ฟิ้ว!”
ครั้นเห็นพลังกระบี่สายนั้นโจมตีเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงชราหน้าเปลี่ยนสี รีบถอยหลังหมายจะหนีไป ใครจะรู้ว่าพลังกระบี่สีดำทั้งรุนแรงและรวดเร็วยิ่ง พริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าแล้ว นางตกใจ รีบยกไม้เท้าหัวกะโหลกในมือขึ้นบัง ทว่า…
“บึ้ม!”
ไม้เท้าหัวกะโหลกถูกพลังกระบี่น่าพรั่นพรึงพุ่งชนเข้าอย่างจัง เกิดเป็นเสียงระเบิดดังตูม ตัวไม้เท้าแตกร้าว กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายไปทั่วพื้น
“อึก!”
ประกายสว่างสีดำวาบพาดผ่าน ทำให้หญิงชราไม่อาจลืมตามอง รู้เพียงเสียงดังกังวานตวัดผ่าน ความเจ็บปวดแสนสาหัสแผ่ลามมาจากแขน บนใบหน้าก็มีคราบเลือดกระเด็นมาติด
“กรี๊ด…”
เสียงกรีดร้องที่แหบแห้งและทรมานดังก้องกลางค่ำคืนดึกสงัด เสียงนั้นมาพร้อมความเจ็บใจเคียดแค้นระคนเหลือเชื่อ เสียงกรีดร้องดังทะลุท้องฟ้ายามกลางคืน ก้องออกไปไกลแสนไกล…
“อ๊าก…เสียงกรีดร้องของยายเฒ่า น่ากลัว น่ากลัวเหลือเกิน…”
เมื่อวิญญาณอาฆาตที่ซ่อนอยู่ในตุ๊กตาผ้าหรือหุ่นไล่กาได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น ก็อดแตกตื่นไม่ได้ พวกมันต่างร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัว
“ยายเฒ่าจะตายแล้ว ความเคียดแค้นของยายเฒ่ามากล้นเหลือเกิน…”
“เป็นพี่สาวคนนั้น ข้าจะไปดูหน่อย”
ตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งในนั้นกระโดดโลดเต้น ตรงไปทางที่กำลังต่อสู้กันพร้อมกับเอ่ยเสียงตื่นเต้น ตุ๊กตาผ้าที่ไม่มีขาซ้ายและแขนขวาตัวนั้นกระโดดไปทางตาข่ายเลือดกลางท้องฟ้ายามราตรีทั้งอย่างนั้น
ณ สถานที่ต่อสู้ หญิงชรากุมแขนที่ถูกฟันขาด เงยหน้าอย่างเคียดแค้น มองเฟิ่งจิ่วถือกระบี่คมซึ่งแผ่รัศมีสีดำอยู่กลางอากาศ แล้วหัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา
“กระบี่คมพยับ? หึๆ…ของดี ช่างเป็นของดีจริงๆ…”
ไม่น่าเล่าถึงฟันทำลายเสาเลือดและพลังเลือดของนางได้ ที่แท้ก็เป็นกระบี่คมพยับในตำนานนี่เอง! กระบี่คมพยับในตำนานหายสาบสูญไปนานหลายปี แม้แต่คนในแปดจักรวรรดิใหญ่ก็ยังไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด ทว่ายามนี้ กลับมาปรากฏอยู่ในมือของแม่หนูคนหนึ่ง
หญิงชรากุมแขนที่เต็มไปด้วยเลือด จู่ๆ ก็เสียแขนไปแล้วข้างหนึ่ง นางหลุบตาต่ำ ใบหน้าชราเผยรอยยิ้มชั่วร้ายน่าสยดสยอง เสียงเล็กแหลมและแหบแห้งดังขึ้นอย่างชั่วร้าย
“เป็นกระบี่ดีเล่มหนึ่ง ผู้ถือกระบี่ก็เป็นมือกระบี่ที่ดี ตวัดรวดเร็วจนข้าหลบไม่ทัน ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ!”
………………………………….