เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1375 ผ่าท้องดู + ตอนที่ 1376 กับดัก
ตอนที่ 1375 ผ่าท้องดู + ตอนที่ 1376 กับดัก
ตอนที่ 1375 ผ่าท้องดู
“บอกมา! เจ้าจะชดใช้อย่างไร? เพราะกินยาของพวกเจ้าคนถึงได้ตาย เจ้าบอกมา จะชดใช้อย่างไร!”
“วันนี้หากไม่มีคำอธิบายให้พวกข้า พวกข้าจะพังร้านของพวกเจ้าเสีย!”
“ใช่แล้ว! อธิบายมาเดี๋ยวนี้!”
ยามได้ยินเสียงจากข้างใน เฟิ่งจิ่วมองเข้าไป เห็นตู้ฝานกับเหลิ่งซวงต่างอยู่กันครบ และข้างหน้าทั้งสองคนมีคนผู้หนึ่งนอนไร้ลมหายใจอยู่บนเปลหาม
ทว่าตอนนี้ ตู้ฝานกับเหลิ่งซวงคนหนึ่งใบหน้าเปื้อนยิ้ม คนหนึ่งใบหน้าไร้อารมณ์ แตกต่างกับชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เจ็ดแปดคนที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ในร้านด้วยสีหน้าบึ้งตึงขึ้งเคียดอย่างชัดเจน
ตู้ฝานที่ตาไวเห็นเฟิ่งจิ่วกับเหลิ่งหวายืนอยู่นอกร้าน ดวงตาก็พลันเป็นประกาย ขณะที่เขารีบสาวเท้าไปข้างนอก กลับเหยียบนิ้วมือของคนที่อยู่บนเปลหามเหมือนไม่ได้ตั้งใจ เห็นเพียงว่านิ้วมือที่ตอนแรกห้อยออกมานอกเปลขยับเล็กน้อยอย่างที่ไม่ทันสังเกตเห็น
แต่เฟิ่งจิ่วสังเกตเห็นจุดนั้น จึงหัวเราะเบาๆ และสาวเท้าเดินเข้าไป “เกิดอะไรขึ้น คนผู้นี้ตายแล้วหรือ”
“ขอรับ พวกเขาบอกว่าคนตายหลังจากกินยาของร้านเราไป”
“งั้นหรือ?” เธอไต่ถามอย่างไม่ยี่หระ
“อาจจะเป็นไปได้ขอรับ ฉะนั้นข้าเลยกำลังคิดจะจัดการสักหน่อย” ตู้ฝานตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“อ้อ? เช่นนั้นเจ้าคิดจะจัดการอย่างไร?” เฟิ่งจิ่วถามกลับอย่างให้ความร่วมมือ
เวลานี้เอง ตู้ฝานหันกลับไปมองชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เจ็ดแปดคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น “ขออภัยจริงๆ ในเมื่อสหายของพวกท่านกินยาของพวกข้าแล้วตาย เช่นนั้นพวกข้าก็จะชดใช้เงินให้พวกท่าน พวกท่านเห็นว่าอย่างไร?”
ได้ยินอย่างนั้น ชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนลอบยินดี มองหน้ากันแวบหนึ่งแล้วปั้นหน้าบึ้งตึงตอบว่า “อย่างนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย!”
“แต่ว่าก่อนหน้านั้น ข้าต้องพิสูจน์ก่อนว่าเขาตายเพราะกินยาของพวกข้าจริงหรือไม่ ดังนั้นข้าเลยตั้งใจจะผ่าท้องศพเพื่อตรวจสอบดูหน่อย”
พอจบประโยคนี้ ชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนตะลึงตาค้าง แม้แต่ศพที่นอนสิ้นลมอยู่บนพื้นก็เหมือนจะตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะหนึ่ง
“อะไรนะ? ผะ ผ่าท้องเขา?” หนึ่งในนั้นพูดตะกุกตะกัก
“ถูกต้อง ข้าจะชดใช้เงินให้ ก็ต้องตรวจสอบเหตุผลหน่อยไม่ใช่หรือ? ข้าต้องมั่นใจว่าเกิดปัญหาเพราะพวกข้าจริงๆ ขอเพียงพวกท่านพยักหน้า ข้าจะรีบให้คนนำเงินหนึ่งแสนเหรียญทองมาชดใช้ให้พวกท่านเลย ส่วนศพนี้ พวกท่านวางใจได้ พวกข้าจะช่วยฝังเอง”
ตู้ฝานทำสีหน้าจริงจัง ทำท่าทางเหมือนคำแนะนำนี้ดีนัก แต่วาจาเหล่านี้ เมื่อได้ยินแล้วกลับทำให้พวกเขาทั้งลังเลและหวั่นไหวในเวลาเดียวกัน
เงินหนึ่งแสนเหรียญทอง! พวกเขาต้องทำงานอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้เงินนี้มา? แต่ผ่าเปิดท้องนี่มัน…
ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ข้างนอกได้ยินก็วิพากษ์วิจารณ์ “ก็ถูก ในเมื่อคนเขายอมจ่ายเงินแล้ว ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าตายเพราะยาของพวกเขาจริงหรือไม่ คนคนนี้อย่างไรก็ตายไปแล้ว ให้พวกเขาผ่าศพไปเสียจะเป็นไรไป?”
“นั่นสิ คนตายไปแล้วจะกลัวทำไม?”
“ซวงเอ๋อร์ ไปหยิบมีดเชือดหมูข้างหลังมาที เอาเล่มที่ยาวหน่อย” ตู้ฝานหันไปบอกเหลิ่งซวง
เมื่อได้ฟังบทสนทนาแต่ละประโยค หน้าผากของคนที่นอนอยู่บนพื้นเริ่มมีเหงื่อซึม โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดของตู้ฝาน เขารู้สึกแต่ว่าเสียวสันหลังวาบ จากนั้นจู่ๆ ก็กระเด้งตัวลุกขึ้นมา แล้วสับเท้าวิ่งไปข้างนอกทันที
“ข้าไม่เอาด้วยแล้ว ไม่เอาด้วยแล้ว! ถ้ายังแสดงต่อไปแม้แต่ชีวิตก็จะไม่เหลือ!”
ครั้นได้ยินประโยคนี้ กอปรกับเห็นคนที่แกล้งตายผุดลุกขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไป ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ข้างนอกอึ้งงัน ก่อนจะเผยแววตาเข้าใจกระจ่าง ส่วนชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนที่อยู่ข้างในรู้สึกอับอาย รีบพากันก้าวเร็วๆ จากไปเช่นกัน
………………………………….
ตอนที่ 1376 กับดัก
“ที่แท้ก็คิดจะรีดไถกันนี่เอง”
“นั่นสิ คนคนนั้นยังมีชีวิตอยู่แท้ๆ”
“แต่เมื่อครู่ตอนหามเข้ามาเหมือนจะสิ้นลมไปแล้วจริงๆ นะ”
“ต้องมีอุบายอะไรแน่ๆ”
“พูดเช่นนั้นก็ถูก”
ทุกคนพูดถกพลางแยกย้ายกันกลับ ไม่มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว เพียงไม่นานหน้าร้านก็เงียบกริบ เหลือเพียงพวกเฟิ่งจิ่วเท่านั้น
“นายท่าน เข้ามาข้างในก่อน” ตู้ฝานเชิญเธอเข้าไปข้างใน เหลิ่งซวงที่เดินรั้งท้ายปิดประตูร้าน จากนั้นเข้าไปด้านหลังร้านด้วยกัน
“นายท่าน” ทั้งสองประสานมือคารวะ
“เอาเถอะ” เฟิ่งจิ่วโบกมือ ถามว่า “พักนี้ที่นี่เจอปัญหาอะไรหรือไม่?”
เมื่อได้ยิน พวกเขามองหน้ากันยิ้มๆ ตอบว่า “นายท่านวางใจเถิด ถึงจะเจอปัญหา ก็มีแต่ปัญหาเล็กๆ พวกเราจัดการได้”
“อย่างนั้นก็ดี” เธอพยักหน้า เสริมว่า “พวกเราเพิ่งมาที่นี่ไม่นาน หากคิดจะอาศัยตนเอง ก็ไม่อาจเป็นศัตรูกับคนอื่นส่งเดช แต่หากมีปัญหาที่แก้ไขไม่ได้จริงๆ แล้วข้าไม่อยู่ พวกเจ้าไปหาที่ลี้ภัยได้ที่ตลาดมืด”
“ขอรับ / เจ้าค่ะ” พวกเขารับคำ แล้วถามเธอว่าการเดินทางราบรื่นหรือไม่ ระหว่างทางเจออันตรายใดหรือไม่
เฟิ่งจิ่วพูดคุยกับพวกเขาคร่าวๆ ได้ครู่หนึ่ง ก็กำชับบางอย่างอีกเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็เอายาออกมาจำนวนหนึ่ง ให้พวกเขาเอาไว้วางขายในร้าน
“พรุ่งนี้ข้าจะไปสำนักโอสถตะวันแล้ว ข้าจะส่งยามาให้พวกเจ้าวางขายในร้านเป็นระยะ นอกจากนี้ พวกเจ้าสามคนก็ต้องใส่ใจเรื่องการฝึกบำเพ็ญด้วย”
“ขอรับ / เจ้าค่ะ พวกข้าเข้าใจแล้ว” คนทั้งสามรับคำ พวกเขาเก็บยาสิบขวดที่เฟิ่งจิ่วให้ไว้ที่ร้านเพียงขวดเดียวเท่านั้น ที่เหลือให้เหลิ่งหวาเป็นคนเก็บรักษา
นั่งในร้านสักครู่หนึ่ง เฟิ่งจิ่วก็ออกจากร้านไป เธอพาเหลิ่งหวากับเจ้ากลืนเมฆาไปเดินเล่นในเมือง แล้วจึงค่อยกลับเรือนไปพักผ่อน
กระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วเปลี่ยนมาใส่ชุดสีเขียว แปลงโฉมตนเอง จากนั้นค่อยมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของยอดเขาโอสถตะวัน…
แตกต่างจากการรับลูกศิษย์ของสำนักอื่นๆ สำนักโอสถตะวันยึดการหลอมยาเป็นหลัก ฉะนั้นจึงรับแค่ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ด้านการหลอมยา และเพราะเป็นสำนักอันดับหนึ่งที่เป็นผู้ริเริ่มเรื่องยา ลูกศิษย์นักเล่นแร่แปรธาตุบางส่วนของพวกเขาจึงถูกคัดเลือกมาจากตระกูลใหญ่ๆ ทั้งสิ้น
และการเปิดรับลูกศิษย์เป็นเวลาสามวันในครั้งนี้ แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงการเปิดรับลูกศิษย์ที่ทำงานชั้นล่างเท่านั้น
ทว่า เฟิ่งจิ่วคิดว่าอย่างไรก็ต้องแฝงตัวเข้าไปดูก่อน สืบข่าวท่านแม่ของเธอก่อนแล้วค่อยว่ากัน ส่วนเรื่องศิษย์เอกหรือศิษย์ทำงานชั้นล่างอะไรนั่น สำหรับเธอแล้วไม่ได้ต่างกันเลย ความสามารถในการหลอมยาของเธอไม่ต้องให้พวกเขาสอน และเธอก็ไม่ได้เข้าไปเรียนการหลอมยาด้วย เธอแค่เข้าไปตามหาท่านแม่ของเธอเท่านั้น
เฟิ่งจิ่วเดินเท้าไประยะหนึ่ง บางครั้งก็อาศัยการบินในการเดินทางด้วย กระทั่งเวลาพลบค่ำจึงหาที่พักแถวนั้นเพื่อพักผ่อน ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ค่อยขึ้นไปบนยอดเขาโอสถตะวัน อย่างไรก็มีเวลาสามวัน เธอไม่รีบอยู่แล้ว
นั่งพิงอยู่บนต้นไม้พลางดื่มน้ำและกินของว่าง จากนั้นก็กอดอกปิดตาทำสมาธิ แต่ในขณะที่ใจเธอเพิ่งจะสงบลง กลับได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ โชยมาในอากาศ
ยามได้กลิ่นคาวเลือดนั้น เธอชะงักไปเล็กน้อยและลืมตาขึ้น ก่อนจะอาศัยแสงสว่างในตอนที่ฟ้ายังไม่มืดสนิทเขย่งปลายเท้าตามกลิ่นคาวเลือดนั้นไป อยากดูว่าทำไมถึงมีกลิ่นคาวเลือดที่นี่ได้? ถึงอย่างไรก็เป็นเขตตีนเขาของสำนักโอสถตะวัน คนทั่วไปไม่กล้าฆ่าคนส่งเดชที่นี่
ตอนที่เธอสาวเท้าเดินตามไปแล้วเห็นร่างที่ถูกห้อยหัวลงมา ก็อดตะลึงไม่ได้ แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีคนนับสิบโผล่พรวดออกมาจากในป่า…
…………………………………