เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1387 ภารกิจเฝ้าดูแล + ตอนที่ 1388 ประจบประแจง
ตอนที่ 1387 ภารกิจเฝ้าดูแล + ตอนที่ 1388 ประจบประแจง
ตอนที่ 1387 ภารกิจเฝ้าดูแล
ก็จริง ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ท่านแม่จะจำเธอได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น เธอตั้งใจแปลงโฉมมาด้วยเล็กน้อย ตรงคิ้วและดวงตาเหลือให้เห็นเค้าหน้าเดิมเพียงไม่กี่ส่วน
กอปรกับบางทีนางอาจจะนึกไม่ถึงว่าเธอจะมาที่นี่ มาหานางที่สำนักโอสถตะวัน!
แต่ไม่เป็นไร เธอจะแฝงตัวอยู่ที่นี่ไปก่อน สักวันต้องมีโอกาสได้พบนางแน่
วันต่อมาฟ้ายังไม่สาง เธอก็ถูกปลุกให้ตื่น แล้วมาที่ฝ่ายดูแลบนยอดเขาชั้นสามตามที่เสียงแจ้งข่าวแนะนำ ตอนที่เธอมาถึง ก็เห็นศิษย์ชั้นล่างสองคนที่ใส่ชุดเหมือนเธอยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ขอรับ หัวหน้าเฉียน” เธอยิ้มตาหยีพร้อมกล่าวทักทาย
หัวหน้าเฉียนเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วตอบรับด้วยน้ำเสียงไม่แยแสนัก “อืม ไปยืนตรงนั้นเถิด!”
“ขอรับ”
เธอเดินไปยืนข้างสองคนนั้น ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนทยอยเดินเข้ามาอีกประมาณสิบคน เมื่อมากันครบแล้ว ถึงได้ยินหัวหน้าเฉียนยืนสาธยายเรื่องต่างๆ มากมาย มอบหมายหน้าที่ และบอกเรื่องที่ควรระวังอยู่ตรงนั้น
“เอาละ คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปทำงานเถิด! เด็กใหม่ที่เพิ่งมาเมื่อวาน ชื่อเฟิ่งอะไรนะ?” หัวหน้าเฉียนชี้เฟิ่งจิ่ว
“เฟิ่งจิ่วขอรับ” เธอก้าวมาข้างหน้าพลางตอบ
“ใช่แล้ว เฟิ่งจิ่ว เจ้าตามข้ามา ข้าจะบอกเจ้าเรื่องที่เจ้าต้องทำต่อจากนี้” ขณะกล่าว ก็เอามือไพล่หลังเดินนำไปข้างหน้า
เห็นเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วจึงเดินตามไป
“ศิษย์ชั้นล่างที่เข้ามาใหม่ต้องเริ่มจากระดับล่างสุด เจ้าเข้ามาได้เพราะลั่วเหิงเป็นผู้แนะนำ เขาเองก็ขอให้ข้าดูแลเจ้ามากๆ ดังนั้น ข้าจะมอบงานที่สบายหน่อยให้เจ้าก็แล้วกัน!”
ครั้นได้ยินคำพูดที่ดังมาขณะเดินไป เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ตอบว่า “ขอบคุณหัวหน้าเฉียนที่ดูแล”
“ยอดเขาซานหยางของเราที่นี่ ด้านหลังเป็นสวนสมุนไพรทั้งหมด มีคนงานคอยดูแลโดยเฉพาะ แต่นับจากยอดเขาชั้นที่สี่ขึ้นไป จะเป็นที่พักและที่ฝึกหลอมกลั่นยาของศิษย์ภายใต้การดูแลของปรมาจารย์ซานหยาง ส่วนที่เก็บยาทิพย์ของยอดเขาซานหยางเราอยู่ที่ชั้นเจ็ด ที่นั่นมีคนคอยจัดการดูแลโดยเฉพาะ”
ขณะที่ฟังคำพูดของเขา ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเป็นประกายเล็กน้อย หรือจะให้เธอเป็นคนคอยส่งยาทิพย์? แต่คำพูดถัดมาก็บอกเธอว่าเธอคิดมากไปเอง
“เห็นหรือยัง ที่นั่นคือสวนสมุนไพร สวนสมุนไพรแปลงนั้นเป็นหญ้าใบลิ้นแดงที่มักใช้บ่อยๆ หญ้าใบลิ้นแดงมีกลิ่นหอม มักดึงดูดสัตว์จำพวกงูให้มาแอบกิน สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือเฝ้าอยู่ที่นี่ ป้องกันไม่ให้สัตว์จำพวกงูมาแอบกินหญ้าใบลิ้นแดง”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย ถามว่า “บนเขานี่ก็มีงูด้วยหรือขอรับ?”
หัวหน้าเฉียนเหลือบมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง กล่าวว่า “ให้เจ้าเฝ้าเจ้าก็เฝ้าไป ไม่ต้องถามมาก หากเจอเมื่อใดเจ้าก็ไล่งูออกไปตามที่บอกก็พอ”
เฟิ่งจิ่วได้แต่พยักหน้า “ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”
“แปลงใหญ่นี้มีเจ้าดูแลแค่คนเดียว ระวังให้มากหน่อยเล่า มีเรื่องใดก็ค่อยไปหาข้าที่ฝ่ายดูแลอีกที”
มอบหมายงานเสร็จ เขาก็สะบัดแขนเสื้อเตรียมตัวจะเดินจากไป ทว่ากลับเห็นร่างหนึ่งเดินมาทางนี้ เมื่อเห็นร่างนั้น หัวหน้าเฉียนที่เมื่อครู่ยังวางท่าอยู่รีบเปลี่ยนท่าทีสามร้อยหกสิบองศาอย่างกะทันหัน เขายิ้มกว้างจนเกิดริ้วรอยบนใบหน้า และค้อมกายเดินเข้าไปรับหน้า
“ศิษย์พี่เฉิน ทำไมท่านมาด้วยตนเองได้เล่า? มีเรื่องใดให้ข้าเหล่าเฉียนได้รับใช้ ศิษย์พี่เฉินโปรดบอกมาได้เลย”
เฟิ่งจิ่วยืนอยู่ตรงนั้น แอบมองพิจารณาไปเงียบๆ เห็นชายคนนั้นอายุประมาณสามสิบปี เครื่องหน้าสง่างามผุดผ่องแลดูอ่อนเยาว์ แต่ใบหน้าเช่นนั้นดันไว้หนวดเป็นรูปอักษรเลขแปด (八) ดูไม่เข้ากันเอาเสียเลย
………………………………….
ตอนที่ 1388 ประจบประแจง
ประหลาดมาก
ความรู้สึกประหลาดนั้นเหมือนเด็กที่แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่ด้วยการแปะหนวด ดูไม่เข้ากันสักนิด
“เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน เอาแต่จ้องข้าอยู่ได้?” ชายคนนั้นเบิกตากว้าง จ้องเฟิ่งจิ่วพลางถาม
ครั้นเห็นเช่นนั้น หัวหน้าเฉียนรีบยิ้มอธิบายว่า “แหะๆ ศิษย์พี่เฉิน เขาเป็นคนงานใหม่ เพิ่งขึ้นเขามา เลยยังไม่ประสีประสานัก ท่านอย่าถือสาเขาเลยขอรับ”
“คารวะศิษย์พี่เฉิน ข้าเพิ่งมาใหม่ขอรับ” เฟิ่งจิ่วก้าวเข้าไปคารวะ ฉีกยิ้มกว้างให้
“คนงานที่เพิ่งมาใหม่ก็รู้จักข้าด้วยหรือ ดูท่าทางชื่อเสียงของข้าบนยอดเขาซานหยางคงเป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งระดับบนและล่างแล้ว!” เขาพลันทำหน้าย่ามใจ มือข้างหนึ่งไพล่หลัง อีกข้างยกขึ้นลูบหนวดสองเส้นนั่น
ได้ยินประโยคนั้นแล้ว เฟิ่งจิ่วชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจ้องเขาอีกครั้ง รู้สึกว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงได้มีพฤติกรรมแปลกๆ? หัวหน้าเฉียนเรียกเขาว่าศิษย์พี่เฉินอยู่ เธอก็แค่เรียกตามเท่านั้น เขากลับทำท่าลำพองใจเหมือนคนจะดังช่วยไม่ได้เสียอย่างนั้น
แต่ถึงเห็นอย่างนั้น เธอก็ยังยิ้มตาหยีแล้วประจบ “ศิษย์พี่เฉินสง่างามผ่าเผยบุคลิกไม่ธรรมดา แม้ข้าเพิ่งจะขึ้นเขามาเมื่อวาน กลับยังไม่เห็นผู้ใดงดงามปานเซียนเช่นศิษย์พี่เฉินเลย”
หัวหน้าเฉียนที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง มุมปากกระตุกเล็กน้อย แอบเหล่มองเฟิ่งจิ่วด้วยสีหน้าแปลกๆ ท่าทางเหมือนนึกไม่ถึงว่าเมื่อเด็กหนุ่มคุยโวขึ้นมา จะโม้ได้ไม่ซ้ำใครเช่นนี้
ส่วนศิษย์พี่เฉินเมื่อได้ยินก็ตาเป็นประกายขึ้นมา มือที่กำลังลูบหนวดอักษรเลขแปดชะงัก มองเฟิ่งจิ่วแล้วพยักหน้าอย่างพออกพอใจ “ไม่เลว เจ้าอนาคตไกลแน่ ประโยคนี้ทำให้ข้าเบิกบานใจและไม่ถือโทษเจ้าอีก ถึงแม้เหล่าศิษย์บนยอดเขาซานหยางรู้ว่าข้าสง่าผ่าเผยบุคลิกโดดเด่นสะดุดตามาตลอด แต่น้อยคนนักที่จะชื่นชมข้าต่อหน้าอย่างตรงไปตรงมาเช่นเจ้า”
แม้แต่เฟิ่งจิ่วเอง เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ยังมุมปากกระตุก เป็นเจ้าทึ่มจริงๆ ด้วย
เธอปรับสีหน้า ก่อนเยินยอด้วยสีหน้าจริงจัง “นั่นเพราะทุกคนเก็บศิษย์พี่เฉินไว้ในใจด้วยความเคารพ ศิษย์พี่เฉินไม่เพียงมีอิริยาบถดั่งเซียน แต่ยังมีบุคลิกที่ไม่ธรรมดา ยังไม่ทันเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมของยาก็ลอยมาแตะจมูกก่อนแล้ว แค่คิดก็รู้ว่าเส้นทางด้านโอสถของศิษย์พี่เฉินมีน้อยคนนักที่จะเทียบได้ บุคคลอัจฉริยะที่สูงส่งไร้ใครเทียมเช่นศิษย์พี่เฉิน วันนี้ศิษย์ทำงานชั้นล่างเช่นข้าได้พบหน้า ถือเป็นบุญวาสนาที่สั่งสมมาสามภพสามชาติจริงๆ”
ฟังคำพูดแต่ละประโยคของเฟิ่งจิ่วแล้ว หัวหน้าเฉียนที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งถึงกับปากอ้าตาค้าง เขานึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กนี่จะมีความสามารถเรื่องการประจบประแจงเป็นเลิศขนาดนี้ นี่เพิ่งพบหน้าศิษย์พี่เฉินเป็นครั้งแรกกระมัง? คนไม่รู้เรื่องคงนึกว่าเขารู้จักศิษย์พี่เฉินมานานแล้ว!
เทียบกับหัวหน้าเฉียนที่กำลังปากอ้าตาค้าง ศิษย์พี่เฉินกลับยืนฟังหน้าระรื่นจนตัวแทบลอย อารมณ์เบิกบาน ถามขึ้นว่า “เจ้าเด็กคนงานนี่ เจ้าชื่ออะไร?”
“ศิษย์พี่เฉิน ข้าชื่อเฟิ่งจิ่วขอรับ” เธอยิ้มตาหยีพลางตอบ
“อืม เฟิ่งจิ่ว ข้าจำไว้แล้ว” เขาพยักหน้า มองเฟิ่งจิ่วด้วยความพึงพอใจ จากนั้นชมว่า “เจ้าไม่เลวเลย ไม่เลวเลยจริงๆ โอสรวมปราณนี่มอบให้เจ้าเป็นรางวัลก็แล้วกัน”
ขณะกล่าวก็สะบัดแขนเสื้อ ยาขวดหนึ่งลอยไปอยู่กลางสองฝ่ามือของเฟิ่งจิ่ว หัวหน้าเฉียนที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งเห็นก็อิจฉาไม่หยุด
แค่ขยับปากพูดประจบประแจงนิดหน่อย ก็ได้โอสถรวมปราณมาครอบครองแล้วหรือ?
เฟิ่งจิ่วตะลึงงัน แต่ยังคงกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าปลื้มปริ่มดีใจ “ขอบคุณศิษย์พี่เฉินมากขอรับ”
ศิษย์พี่เฉินเอามือไพล่หลัง เชิดคางเล็กน้อยแล้วโบกมือทำท่าเหมือนผู้สูงส่ง “เอาละ ไปทำงานเถิด!”
สิ้นเสียง เขาก็สะบัดแขนเสื้อหมุนตัวเดินจากไป ท่าทางเหมือนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตนเองมาทำอะไร จิตใจชื่นมื่นมีแต่คำสรรเสริญเยินยอเหล่านั้น
………………………………….