เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1405 ฟันเลย + ตอนที่ 1406 หนูไผ่วิญญาณ
ตอนที่ 1405 ฟันเลย + ตอนที่ 1406 หนูไผ่วิญญาณ
ตอนที่ 1405 ฟันเลย
เดินตามเขาไปจนถึงป่าไผ่แห่งหนึ่ง ถึงเห็นเขาหยุดเดิน แล้วชะเง้อมองไปรอบๆ
เธอหันไปมองรอบตัว เห็นว่าที่นี่เป็นป่าไผ่ ไม่มียาทิพย์ให้เห็นแม้แต่ครึ่งต้น ก็อดถามไม่ได้ “ศิษย์พี่เฉิน ที่ท่านบอกว่ามาเด็ดยาทิพย์ หมายถึงที่นี่จริงหรือ?”
“ใช่แล้วๆ เป็นที่นี่” เขาเผยยิ้มแล้วพยักหน้า
“แต่ว่าที่นี่แม้แต่วัชพืชก็ยังไม่มีให้เห็น มียาทิพย์ให้เด็ดเสียที่ไหนกัน?” ป่าไผ่แห่งนี้นอกจากใบไผ่ที่ร่วงลงมา ก็มีแค่หญ้าอยู่ไม่กี่หย่อม มียาทิพย์ที่ไหนกัน?
“น้ำหัวใจไผ่อย่างไรเล่า! เจ้ารีบไปเก็บมาเร็ว” เขาโบกมือสั่ง ส่วนตัวเองกลับย่องเท้าเบาๆ แล้วโน้มตัวต่ำ ไม่รู้กำลังมองหาอะไรบนพื้น ซ้ำยังเงยหน้าจ้องต้นไผ่เป็นระยะ พฤติกรรมแปลกยิ่งนัก
น้ำหัวใจไผ่?
เธอพลันกระจ่าง ใช่แล้ว น้ำหัวใจไผ่ก็ใช้เป็นยาได้เหมือนกัน อีกทั้งต้นไผ่ในป่าไผ่แห่งนี้ยังเป็นไผ่วิญญาณด้วย เพียงแต่ การเก็บน้ำหัวใจไผ่ค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย
โดยปกติ หากต้องการเก็บน้ำหัวใจไผ่ต้องฟันต้นไผ่เพื่อเอาน้ำข้างใน อีกทั้งยังต้องมาเก็บในเวลาเช้าที่สุดของวันด้วย น้ำหัวใจไผ่จึงจะไม่ระเหย เพียงแต่ หากฟันต้นไผ่เพื่อเอาน้ำหัวใจไผ่ จะไม่ทำให้คนอื่นแตกตื่นหรือ?
ขณะกำลังคิด ก็พลันได้ยินเสียงสวบสาบดังมา เธอชะงัก หันไปมอง เห็นเฉินเต้ากระโดดขึ้นไปบนต้นไผ่ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ ดังนั้นเธอจึงตะโกนถาม “ศิษย์พี่เฉิน ให้ฟันต้นไผ่วิญญาณเพื่อเอาน้ำหรือขอรับ?”
“ใช่น่ะสิ! ฟันปล้องที่อยู่ด้านล่างสุดของไผ่ ปกติน้ำหัวใจไผ่มักจะสะสมอยู่ในปล้องที่อยู่ด้านล่างเยอะที่สุด เจ้ารีบแอบฟันสักสองสามต้น น้ำหัวใจไผ่ที่ได้น่าจะพอให้ข้าใช้แล้วล่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น เธอลอบถอนหายใจ เป็นดังคาด แอบมาฟันต้นไผ่จริงๆ
ด้วยความจนใจ เมื่อหันมองซ้ายขวาไม่เห็นใครอยู่ เธอจึงเลือกต้นไผ่ที่อยู่ท่ามกลางป่าไผ่ สุดท้ายก็เลือกต้นไผ่ที่ใหญ่และตรงที่สุด หลังจากถอยหลังสองก้าว ก็รวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณกลางฝ่ามือเล็งไปยังปล้องที่สองของต้นไผ่ แล้วตวัดฟันออกไป
“ชิ้ง!”
เสียงใบมีดลมแหวกอากาศอันแหลมคมดังมา ประกายวาบวับเย็นเยือกพาดผ่าน เสียงแตกหักดังมา ต้นไผ่ที่ใหญ่และตรงที่สุดต้นนั้นค่อยๆ เอนล้มไปด้านหนึ่ง เห็นเช่นนั้น เธอรีบเข้าไปประคองต้นไผ่แล้วลากไปด้านหนึ่งเบาๆ ใช้ฝ่ามือขับเคลื่อนกลิ่นอายพลังวิญญาณให้ไผ่ที่โดนตัดกลับไปปักบนพื้นอีกครั้ง
“สวบ!”
ได้ยินเสียง ‘สวบ’ ก็เห็นต้นไผ่ที่เอนเล็กน้อยกลับไปปักอยู่บนพื้นดิน และตั้งตรงตระหง่านอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง หากข้างๆ ไม่มีลำไผ่ที่ถูกตัดวางอยู่ให้เห็นตรงนั้น เดาว่าคงดูไม่ออกว่ามีร่องรอยของการแอบตัดต้นไผ่
“อืม เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว”
เธอพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วนั่งลงด้านหนึ่งใช้กริชคว้านด้านในปล้องไผ่ที่อยู่ต่ำสุด จากนั้นก็ใช้ดินโคลนปิดตรงปล้องไผ่ที่โผล่ออกมาให้เห็นเล็กน้อย ใช้เท้าเหยียบสองสามที แล้วก็เริ่มเลือกต้นไผ่ต้นใหม่อีกครั้ง
พริบตาเดียวตัดไปสามต้น ล้วนใช้วิธีเดียวกัน แทบไม่ทิ้งร่องรอยใดให้เห็น
เธอเก็บน้ำหัวใจไผ่ที่ได้มาไว้ก่อน แล้วหันมองรอบๆ เห็นเฉินเต้ากำลังมองหาอะไรไม่รู้อยู่ในป่าไผ่ จึงเดินเข้าไปหา
“ศิษย์พี่เฉิน น้ำหัวใจไผ่ข้าเก็บมาได้แล้ว พวกเราจะกลับหรือยังขอรับ?”
“หา? เสร็จแล้วหรือ?” เขาได้ยินก็หันมามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองรอบๆ อีกครั้ง ไม่เห็นต้นไผ่ที่ถูกตัด จึงถาม “เจ้าไม่ได้ตัดต้นไผ่ด้วยซ้ำ จะเก็บน้ำหัวใจไผ่มาได้อย่างไรกัน?”
“ข้าตัดแล้วนะ! ตัดไผ่ไปตั้งสามต้น ท่านดูสิ” เธอยิ้มแล้วยื่นน้ำหัวใจไผ่ที่เก็บมาได้ให้เขาดู
เฉินเต้าเห็นน้ำหัวใจไผ่เต็มๆ ถึงสามปล้องไผ่ จึงถามด้วยความประหลาดใจ “ต้นไผ่ที่เจ้าฟันอยู่ที่ใด? เหตุใดข้าถึงไม่เห็นเลย?”
………………………………….
ตอนที่ 1406 หนูไผ่วิญญาณ
“ข้ากลัวว่าถ้าต้นไผ่ล้มลงมาจะเสียงดังจนทำให้ผู้อื่นจับได้ว่าข้ามาแอบฟันไผ่วิญญาณ จึงปลูกมันกลับไปเหมือนเดิม เพียงแต่ มันคงไม่รอดแล้ว” เธอพูดด้วยความจำใจ ต้นไผ่ต้นหนึ่งต้องโดนฟันตายเพราะจะเอาน้ำหัวใจไผ่ของมัน ช่างสิ้นเปลืองเสียจริงๆ!
ได้ยินอย่างนั้น เฉินเต้าประหลาดใจเล็กน้อย สายตาสอดส่องไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่ามีอะไร จึงถามว่า “ฟันไว้ตรงที่ใด? ข้าไปดูสักหน่อย”
“ทางนี้ขอรับ” เฟิ่งจิ่วทำได้เพียงพาเขาไป แล้วชี้ให้ดู “สองสามต้นนี้ขอรับ”
เฉินเต้ามองแวบหนึ่ง แล้วก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “ไม่เลวๆ เหตุใดข้าจึงไม่เคยนึกถึงวิธีนี้? ข้ามองคนไม่ผิดจริงๆ คิดถูกแล้วที่ให้เจ้าตามมา เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาก็จะไม่รู้ว่าพวกเรามาแอบฟันไผ่วิญญาณ ฮ่าๆๆๆ”
เฟิ่งจิ่วยิ้มเหยเก ถามว่า “ศิษย์พี่เฉิน น้ำหัวใจไผ่ได้มาแล้ว จะกลับหรือยังขอรับ?”
“รีบร้อนอะไรกัน? ไหนๆ ก็มาแล้ว ศิษย์พี่ต้องพาเจ้าไปหาของดีหน่อยสิ มาๆๆ เจ้าตามข้ามา” ขณะชักชวน เขากวักมือเรียกเฟิ่งจิ่วให้เดินตามหลังเขา แล้วย่องเท้าเบาเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
เฟิ่งจิ่วเห็นเขามองหาอะไรบางอย่างบนไผ่วิญญาณ และในกองหญ้าเหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าเขากำลังตามหาอะไร จึงถาม “ศิษย์พี่เฉิน ท่านกำลังหาอะไรอยู่หรือขอรับ? ให้ข้าช่วยหรือไม่?”
“ชู่ว!”
เขายกนิ้ววางบนกลีบปากทำสัญญาณมือว่าให้เงียบ ไม่นาน ก็ค่อยๆย่องไปข้างหน้า แล้วจู่ๆ ก็ไหวกายขึ้นกลางอากาศ
“ฮ่าๆๆ ในที่สุดก็จับได้แล้ว! ตัวอ้วนจริงๆ วันนี้ลาภปากแล้ว”
เฟิ่งจิ่วมองไป เห็นเขาจับหนูตัวอ้วนประมาณห้าหกจินไว้ในมือ ขนหนูสีดำเทาตั้งชัน ปากก็ร้องจี๊ดๆ เห็นเช่นนั้น เธอมุมปากกระตุก ผงะถอยไปหนึ่งก้าว
“ศิษย์พี่เฉิน ท่านจับหนูตัวนั้นมาทำไมขอรับ?” แล้วยังบอกว่าลาภปากอีก? เขาคงไม่ได้คิดจะจับมากินกระมัง? ทว่า เมื่อเพ่งมองดีๆ กลับพบว่านั่นไม่ใช่หนูทั่วไป แต่เป็นหนูไผ่วิญญาณที่กินไผ่วิญญาณเป็นอาหาร
“อะไรกัน? นี่ไม่ใช่หนูธรรมดา นี่มันหนูไผ่วิญญาณ เป็นอาหารบำรุงเจ้ารู้หรือไม่? อีกอย่างเนื้อของหนูไผ่วิญญาณนี่ก็อร่อยมาก เอามาย่างยิ่งอร่อย เจ้าไม่เคยกิน หากลองสักครั้งเจ้าก็จะรู้เอง”
เขาทำท่าทางเหมือนดีอกดีใจยกใหญ่ ซ้ำยังพูดด้วยด้วยความตื่นเต้น “ทั่วสำนักโอสถตะวันก็มีแค่ป่าไผ่แห่งนี้ที่มีหนูไผ่วิญญาณปรากฏให้เห็น อยากกินหนูไผ่วิญญาณ ก็ต้องมาที่ป่าไผ่แห่งนี้เท่านั้น แต่หนูไผ่วิญญาณไม่ได้จับกันได้ง่ายๆ เจ้าดูสิข้าหาอยู่ตั้งนานเพิ่งจะจับได้ตัวเดียว”
ขณะโอ้อวด เขาก็ชั่งน้ำหนักหนูไผ่วิญญาณด้วยมือ แล้วหัวเราะชอบใจ “อย่างน้อยก็น่าจะประมาณห้าหกจินได้ ดูอวบอ้วนอย่างนี้ น่าจะพอให้พวกเราสองคนกิน”
ได้ยินอย่างนั้น มุมปากของเธอก็กระตุก “คือว่าข้า…”
“เอาละ พวกเรารีบไปกันดีกว่า หาที่ย่างเจ้านี่กินกัน” เขามองรอบๆ แล้วเดินไปทางด้านหนึ่ง “ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ถึงป่าไผ่แห่งนี้จะไม่มีใครเฝ้าอยู่ แต่ถ้าพวกเราย่างของกินที่นี่ แล้วควันลอยขึ้นไปจะต้องถูกจับได้แน่ ไป กลับถิ่นพวกเรากันดีกว่า”
ด้วยเหตุนี้ เฟิ่งจิ่วจึงถูกพาไปยังอีกที่หนึ่ง ตอนมามือเปล่า แต่ตอนกลับ…เก็บน้ำหัวใจไผ่มาสามปล้องไผ่ แล้วยังจับหนูไผ่วิญญาณตัวอ้วนพีไปอีกหนึ่งตัว ถือว่ามาไม่เสียเที่ยวแล้ว
ณ ยอดเขาซานหยาง หน้าถ้ำของเฉินเต้าซึ่งอยู่บนยอดเขาชั้นเจ็ด ทั้งสองคนนั่งอยู่บนพื้น มองหนูไผ่วิญญาณย่างที่ส่งกลิ่นหอมฉุยอยู่เหนือกองไฟ ทั้งสองกลืนน้ำลาย รู้สึกเพียงท้องของพวกเขากำลังหิวโหยจนยากจะทน
………………………………….