เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1457 เวลาสามเดือน + ตอนที่ 1458 ดินแดนรกร้าง
ตอนที่ 1457 เวลาสามเดือน + ตอนที่ 1458 ดินแดนรกร้าง
ตอนที่ 1457 เวลาสามเดือน
“ท่านเจ้าเขามีคำสั่ง นอกจากซั่งกวนหวั่นหรง คนอื่นหากไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามเข้าไป” ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสองคนกล่าว พลางขวางหน้าต้วนมู่ไป๋ที่ทำท่าจะเดินเข้าไป
ได้ยินประโยคนี้ ซั่งกวนหวั่นหรงที่อยู่ข้างหน้าชะงักฝีเท้า แล้วหันไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง
ส่วนต้วนมู่ไป๋ขมวดคิ้ว “เพราะเหตุผลใดกัน? ศิษย์น้องเข้าไปได้ เหตุใดข้าจึงเข้าไปไม่ได้เล่า? พวกเจ้าเข้าไปรายงานสักหน่อย ข้ามีเรื่องต้องการพบท่านอาจารย์”
“คำสั่งที่ท่านเจ้าเขาถ่ายทอดลงมา พวกข้ามีหน้าที่ทำตาม เจ้าจะรออยู่ที่นี่ก็ได้ แต่เข้าไปไม่ได้” ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสองคนบอก ใบหน้าไร้อารมณ์ ไม่ยอมผ่อนปรน
เห็นเช่นนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงยิ้มๆ “ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าพบท่านอาจารย์ประเดี๋ยวก็ออกมาแล้ว ท่านกลับไปก่อนเถิด!” ขณะพูด นางพยักหน้าให้เขาเบาๆ แล้วจึงค่อยสาวเท้าเดินเข้าไปข้างใน
เสี้ยวนาทีที่หมุนตัว รอยยิ้มบนใบหน้านางค่อยๆ จางไป สีหน้าเหมือนคนกำลังครุ่นคิด
ต้วนมู่ไป๋เห็นอย่างนั้น ใบหน้าเคร่งขรึมลง เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าประตู เขาไม่อาจใช้กำลังบุกเข้าไปได้ ทำได้เพียงรออยู่ข้างนอก
ในอีกด้านหนึ่ง ครั้นซั่งกวนหวั่นหรงเดินมาถึงด้านนอกเรือนไม้ไผ่ นางชะงักเท้าครู่หนึ่ง ท่าทางลังเล ทว่าเสียงของท่านอาจารย์ของนางก็ดังออกมาจากข้างใน
“ในเมื่อมาแล้ว เหตุใดจึงไม่เข้ามา?”
เสียงชราและแหบต่ำของซานหยางจื่อดังออกมาจากเรือนไม้ไผ่ ดึงความคิดของซั่งกวนหวั่นหรงให้กลับมา นางจัดระเบียบความคิด แล้วค่อยผลักประตูเดินเข้าไป
“ท่านอาจารย์”
นางมองเงาร่างที่นั่งตัวตรง แล้วคารวะด้วยความนอบน้อมหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หยิบยาทิพย์สามชนิดออกมาจากในห้วงมิติ “เรื่องที่ท่านอาจารย์มอบหมายให้ทำ ศิษย์จัดการเรียบร้อยแล้ว ยาทิพย์ทั้งสามชนิดอยู่ตรงนี้ไม่ขาดเลยสักอย่าง ท่านอาจารย์โปรดตรวจสอบด้วยเจ้าค่ะ”
ซานหยางจื่อหันตัวมา ใบหน้าแก่ชราแฝงแววน่าเกรงขามมองนาง มือหนึ่งลูบหนวด แล้วตรวจสอบยาทิพย์สามชนิดที่อยู่บนโต๊ะ
“อืม รากต้นสมบูรณ์ เก็บรักษาได้อย่างเหมาะสม ไม่เลว”
เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังเห็นยาทิพย์สามชนิดบนโต๊ะ ใบหน้าเคร่งขรึมน่าเกรงขามก็อ่อนลงเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่ร่างของซั่งกวนหวั่นหรง ถามว่า “พลังของเจ้ายังไม่ทะลวงขั้นอีกหรือ? ไม่ควรหยุดชะงักอยู่ในระดับหลอมแก่นพลังนานเกินไป ยาเพิ่มพลังที่ข้ามอบให้เจ้า เจ้าไม่ได้กินหรอกหรือ?”
“เพราะเข้าไปในดินแดนลับ ศิษย์จึงยังไม่ทันได้กินเจ้าค่ะ” นางเก็บซ่อนสายตา
“เช่นนั้นก็วางเรื่องในมือลงให้หมดก่อน พัฒนาพลังก่อนแล้วค่อยว่ากัน เมื่อใดเจ้าเข้าสู่ระดับกำเนิดวิญญาณ ข้ามีเรื่องสำคัญมากจะมอบหมายให้เจ้าไปทำ” เขาเก็บยา จากนั้นก็หยิบยาขวดหนึ่งออกมา “สิ่งนี้เจ้าจงรับไว้ สิบวันกินหนึ่งเม็ด มันสามารถทำให้เจ้าเข้าสู่ระดับกำเนิดวิญญาณได้ภายในสามเดือน”
“ภายในสามเดือน?” นางชะงัก “ความเร็วในการบรรลุขั้นพลังเช่นนี้ไม่เร็วเกินไปหรือเจ้าคะ? หากเป็นเช่นนี้ ศิษย์กลัวพื้นฐานไม่มั่นคง ภายหน้าจะยิ่งทะลวงขั้นได้ยาก”
“ไม่หรอก ยาที่ข้าหลอมให้เจ้า มีแต่ผลดีไม่มีผลเสียต่อร่างกายเจ้า เจ้าวางใจเถิด!” เขาโบกมือ แล้วกำชับอีกว่า “นอกจากนี้ เรื่องนี้เจ้าห้ามบอกพวกศิษย์พี่ของเจ้า เพื่อไม่ให้พวกเขาคิดว่าข้าลำเอียง จำคำข้าไว้ ภายในสามเดือน เจ้าต้องทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณให้ได้”
ได้ยินอย่างนั้น นัยน์ตานางไหวระริก ถามว่า “แต่หากศิษย์ไม่อาจทะลวงขั้นได้ภายในสามเดือนนี้ และไม่อาจกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณได้เล่าเจ้าคะ?”
เหตุใดต้องทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณให้ได้? เรื่องนี้ มีจุดประสงค์ใดที่ไม่อาจบอกให้ใครล่วงรู้ได้กันแน่? เขาคิดจะทำอะไรกัน?
………………………………….
ตอนที่ 1458 ดินแดนรกร้าง
“ทะลวงขั้นภายในสามเดือนไม่ได้หรือ?”
ซานหยางจื่อมองนาง พลันหัวเราะ “เจ้ามาอยู่ที่นี่ก็ระยะเวลาหนึ่งแล้ว เคยได้ยินสถานที่ที่เรียกว่าดินแดนรกร้างหรือไม่?”
เขาหยุดพูด แล้วยิ้มบอกว่า “เจ้าอาจไม่เคยได้ยิน แต่ไม่เป็นไร ข้าจะบอกเจ้าเอง ดินแดนแห่งนี้เป็นเหมือนชื่อของมัน เป็นสถานที่ที่รวบรวมศิษย์ชั่วร้ายไว้ด้วยกัน พวกเขากินเนื้อคน ดื่มเลือดคน ไม่มีเรื่องชั่วใดที่ไม่กระทำ อยู่ที่นั่น มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่รอดชีวิต ข้าคิดว่าที่นั่นก็เป็นสถานที่ฝึกฝนที่ดีที่สุด ข้าเชื่อว่า ภายใต้สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่เลวร้ายเช่นนั้น ความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวคนเราสามารถถูกกระตุ้นได้ การจะทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณก็เป็นเรื่องง่ายเช่นกัน เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ได้ยินประโยคนี้ ซั่งกวนหวั่นหรงอดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้ นางมองสีหน้าแปลกๆ ที่ดูอันตรายของท่านอาจารย์ ที่แม้ใบหน้ากำลังยิ้มอยู่แท้ๆ แต่แววตากลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม สายตาเช่นนั้น รอยยิ้มเช่นนั้น ล้วนทำให้นางรู้สึกได้ถึงอันตรายอันน่ากลัว ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างกับเขา
“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์วางใจได้! ข้าจะทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณให้ได้ภายในสามเดือน จะไม่ทรยศต่อความคาดหวังของท่านอาจารย์แน่นอน” นางพยายามสงบสติอารมณ์แล้วตอบ จากนั้นก็คารวะ “หากท่านอาจารย์ไม่มีเรื่องอื่นแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน”
“ไปเถิด!” เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วพยักพเยิดให้นางออกไปได้
เมื่อซั่งกวนหวั่นหรงเดินออกจากประตู หัวใจดวงน้อยสั่นไหว ไอเย็นแผ่ลามขึ้นมาจากเท้า ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าท่านอาจารย์ของนางต้องการชีวิตของนาง!
เพียงแต่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่? เหตุใดเขาจึงอยากได้ชีวิตนาง? ชีวิตนางมีประโยชน์อะไรกับเขา? และเหตุใดต้องรอให้นางกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ?
สมองกำลังครุ่นคิด นางเดินออกจากยอดเขาชั้นเก้าอย่างเหม่อลอย กระทั่งได้ยินเสียงของต้วนมู่ไป๋ดังมา นางจึงเพิ่งได้สติ
“ศิษย์น้อง เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ต้วนมู่ไป๋เดินเข้ามา เห็นสีหน้านางเหม่อลอยไร้สติ ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไปพบท่านอาจารย์มา จะเป็นอะไรได้เล่าเจ้าคะ?” นางเงยหน้าขึ้น ส่ายหน้าแล้วยิ้มตอบ “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ากลับก่อนนะเจ้าคะ” ขณะกล่าว ก็เดินผ่านเขาแล้วมุ่งหน้าไปที่ถ้ำของตนเอง
มองดูนางจากไป ต้วนมู่ไป๋อยากเรียกนางมาถามว่าตอนนางเข้าไปพบ ท่านอาจารย์พูดอะไรกับนางบ้าง? ทว่า เห็นนางเดินไปไกลแล้ว เขาอ้าปากค้าง แต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ
แม้เขาจะสงสัยว่าท่านอาจารย์อาจคิดร้ายกับนาง แต่ ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขามีฐานะเป็นศิษย์ จะกล้าถามคำถามเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร?
ถอนหายใจส่ายหน้า เขาเองก็เดินลงเขาตามไปด้วย
ในอีกด้าน พอเฟิ่งจิ่วกลับมาถึงถ้ำ ก็เห็นเจ้าขนเขียวตัวอ้วนกลมวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับร้องเสียงดัง เมื่อเห็นเจ้าขนเขียว เธอประหลาดใจเล็กน้อย “ที่แท้เจ้าก็อยู่นี่เองหรือ! ตอนเพิ่งเข้าไปในดินแดนลับข้ายังคิดอยู่ว่าเหตุใดไม่เห็นเจ้า! ที่แท้เจ้าก็ไม่ได้เข้าไป?”
เธอหัวเราะเบาๆ ถึงอย่างไรก็ยังไม่ได้อาบน้ำ จึงนั่งลงหน้าถ้ำไปทั้งอย่างนั้น อุ้มเจ้าขนเขียวขึ้นมาแล้วลูบไข่ฟองนั้นของมัน พลางพึมพำด้วยความสงสัย “ไข่ฟองนี้ของเจ้าคิดจะคลอดเมื่อใดกัน? ไข่ไก่ทั่วไปไม่น่าจะใช้เวลาฟักนานขนาดนี้กระมัง?”
“กุ๊กๆๆ!”
เจ้าขนเขียวแหงนหน้าร้อง กระพือปีกไม่รู้ว่าร้องอะไรอยู่ เห็นเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วกลอกตา ครุ่นคิดในใจ หรือเอายาเปิดวาจาให้เจ้าขนเขียวกินดี?
แต่ไม่นานนางก็ปัดความคิดนี้ทิ้งไป หากเจ้าขนเขียวพูดภาษาคนเป็นเมื่อใด เดาว่าเธอต้องมีปัญหาแน่
………………………………….