เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1519 ไว้ชีวิตเขา + ตอนที่ 1520 ข้าหลับสักเดี๋ยว
ตอนที่ 1519 ไว้ชีวิตเขา + ตอนที่ 1520 ข้าหลับสักเดี๋ยว
ตอนที่ 1519 ไว้ชีวิตเขา
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทั่วทั้งสำนักต้องโกลาหลวุ่นวายเพราะผู้หญิงชุดแดงที่ชื่อเฟิ่งจิ่ว ไฟไหม้ลามไปทั่วทุกที่ ผู้คนล้มตายมากมาย แม้แต่เหยี่ยวดำสัตว์พันธสัญญาของเขาที่เป็นสัตว์เทวะคุ้มครองสำนักก็ยังถูกฆ่าตายต่อหน้าทุกคน ในใจเขาบังเกิดความค้างคาใจและเคียดแค้นอย่างรุนแรง
จะปล่อยนางไปง่ายๆ ได้อย่างไร!
หากวันนี้ปล่อยให้พวกเขาสองคนหนีไปได้จริง เช่นนั้นชื่อเสียงของสำนักหลอมยาอันดับหนึ่งในแปดจักวรรดิใหญ่ของพวกเขาจะเหลืออะไรอีก?
ด้านหลัง เฉินเต้าเห็นค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักถูกปิด ชายชุดคลุมสีดำลึกลับคนนั้นปรากฏตัวกลางอากาศ กอดเฟิ่งจิ่วไว้ในอ้อมแขน จึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดูเหมือนจะเป็นคนที่เฟิ่งจิ่วรู้จัก อีกทั้งยังสนิทสนมกันไม่ธรรมดาและมีพลังแข็งแกร่งมาก มีเขาอยู่ เจ้าสำนักอยากทำร้ายเฟิ่งจิ่วก็คงทำไม่ได้แล้ว
อย่างนี้ก็ดีแล้ว เขาจะได้วางใจ ถึงอย่างไรการที่ผู้มีพระคุณซึ่งเหมือนมอบชีวิตให้เขาใหม่อีกครั้งถูกล้อมโจมตีต่อหน้าต่อตาเขา แต่เขากลับไร้หนทางช่วย ความรู้สึกอย่างนั้นมีแต่ความรู้สึกผิดและละอายใจ
ส่วนผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินพวกนั้นที่ถอยออกไป ยามนี้จ้องชายชุดดำสวมหน้ากากคนนั้น ดวงตาสองข้างดูตื่นตะลึงและหวาดกลัวอย่างปิดไม่อยู่ พวกเขาอดถอยหลังไปอีกไม่ได้ ก้มหน้าเล็กน้อย เหมือนอยากจะซ่อนตัว
ใช่ พวกเขารู้ฐานะของชายคนนี้แล้ว!
หน้ากากที่มีเอกลักษณ์ของเขา นั่นไม่ใช่หน้ากากของเจ้าตำหนักยมราชหรอกหรือ? ผู้หญิงชุดแดงคนนั้น ไม่นึกเลยว่าจะรู้จักกับเจ้าตำหนักยมราช ถึงขั้นที่เจ้าตำหนักยมราชผู้เปรียบเสมือนเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหางต้องมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง เห็นได้ว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญกับเขาไม่น้อย
นาทีนี้ พวกเขารู้สึกโชคดีที่ตนเองยั้งมือได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้น ไม่เพียงพวกเขาจะต้องตายอยู่ที่นี่ เกรงว่าแม้แต่ตระกูลของพวกเขา และคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ก็จะต้องเดือดร้อนไปด้วย!
“อัญเชิญบรรพจารย์อาวุโสคุ้มครองสำนัก!”
เสียงตะโกนก้องราวกับฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าสำนักไม่ยอมให้พวกเขาหนีไปง่ายๆ อย่างนี้ ฉะนั้นจึงตะโกนเสียงดังไปทางภูเขาหลัก เพียงแต่เหมือนโยนหินลงไปในมหาสมุทร ทุกอย่างเงียบงันไร้เสียงตอบรับ
“อัญเชิญบรรพจารย์อาวุโส…อึก!”
เขาตะโกนอย่างไม่ยอมลดละอีกครั้ง ทว่า ครั้งนี้ยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็ถูกฝ่ามือหนึ่งซัดจนตัวปลิว ฝ่ามือลมอันแข็งแกร่งผสานกับแรงกดดันน่าพรั่นพรึง ทำให้เขากระอักเลือดออกมา จากนั้นร่างกายก็เสียหลักร่วงตกลงไปจากกลางอากาศ
“ท่านเจ้าสำนัก!”
ทุกคนร้องด้วยความตกใจ เห็นสองคนนั้นที่ไม่รู้มายืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด ก็อดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ในสายตาเต็มไปด้วยความกริ่งเกรง
เร็วเกินไปแล้ว!
ความเร็วนั้นเร็วเกินไปแล้ว! แทบจะในพริบตา จากตรงนั้นก็มาถึงที่นี่แล้ว ซ้ำจู่โจมเจ้าสำนักในพริบตา ความเร็วนั้นไม่ว่าใครก็คงต้านทานหรือหลบหนีไม่ทัน เห็นไอสังหารที่เข้มข้นกระจายอยู่รอบตัวชายหนุ่ม หัวใจของพวกเขาพลันตึงเกร็งขึ้นมาทันที
ถูกโจมตีรุนแรงขนาดนั้น ท่านเจ้าสำนัก จะยังรอดได้อีกหรือ?
ทว่า ในขณะที่พวกเขาเห็นเจ้าสำนักตกลงมาต่อหน้าต่อตา ทันใดนั้น ร่างของเขากลับมีกลิ่นอายพลังวิญญาณขุมหนึ่งหุ้มตัว และถูกดึงไปตรงหน้าชายหญิงคู่นั้น
เห็นชายชุดดำสวมหน้ากากผู้นั้นใช้กลิ่นอายพลังวิญญาณควบคุมคน ฝูงชนต่างตกตะลึงพรึงเพริด
เซวียนหยวนโม่เจ๋อใช้มือโอบเฟิ่งจิ่วไว้ข้างหนึ่ง มืออีกข้างรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณยกร่างของเจ้าสำนักที่อยู่ห่างออกไปหลายจั้งให้ลอยอยู่กลางอากาศ สายตาดำขลับลึกล้ำที่จับจ้องเขามีไอสังหารพาดผ่าน
ในขณะเดียวกัน เสียงหนึ่งพลันดังมาจากท้องฟ้า ก้องกังวานท่ามกลางราตรี
“เมื่อใดควรละเว้นก็ให้ละเว้น คนท่านก็ช่วยแล้ว เช่นนั้นก็ไว้ชีวิตเขาเถิด!”
………………………………….
ตอนที่ 1520 ข้าหลับสักเดี๋ยว
ได้ยินเสียงนั้น เหล่าผู้อาวุโสและเจ้าเขามีสีหน้าสั่นไหว แววสับสนพาดผ่านในดวงตา
เสียงนี้ เป็นเสียงของหนึ่งในบรรพจารย์อาวุโสคุ้มครองสำนัก ที่แท้บรรพจารย์คุ้มครองสำนักก็อยู่ตั้งแต่แรก เพียงแต่ เหตุใดจึงไม่ออกหน้าเล่า?
เฟิ่งจิ่วสายตาไหวระริกเล็กน้อย มองเจ้าสำนักแวบหนึ่ง แล้วบอกกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า “ไว้ชีวิตเขา แล้วพวกเราไปกันเถอะ!”
ไม่ใช่เพราะเธอใจอ่อน แต่เป็นเพราะหากเจ้าสำนักของสำนักหลอมยาอันดับหนึ่งในแปดจักรวรรดิใหญ่ตายในคืนนี้ จะต้องวุ่นวายเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น คนเรา ไม่ควรตัดสินความเป็นตายของคนอื่นง่ายๆ เพียงเพราะตนเองมีพลังแข็งแกร่งกว่า
การฆ่าเช่นนั้น เป็นการฆ่าอย่างไร้เหตุผล ซึ่งเหี้ยมโหดและกระหายเลือด ทำได้เพียงแสดงให้เห็นถึงความเลือดเย็นเท่านั้น แต่เธอ ถึงจะเลือดเย็น แต่กลับไม่โหดเหี้ยม ยิ่งไม่ยอมให้ตนเองต้องกลายเป็นเหมือนคนประเภทนั้น
เซวียนหยวนโม่เจ๋อก้มหน้ามองเธอที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วโบกมือ เหวี่ยงร่างเจ้าสำนักออกไป จากนั้น ก็พาเฟิ่งจิ่วจากไปทางประตูหน้า…
มองดูเงาร่างสองร่างนั้นจากไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้น ฝูงชนรู้สึกสับสนในใจอย่างบอกไม่ถูก ค่ำคืนนี้สำนักโอสถตะวันวุ่นวายถึงขนาดนี้ เสียหายหนักถึงขนาดนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะซานหยางจื่อถูกฆ่า
ต้องจ่ายราคาแพงขนาดนี้เพื่อคนที่ตายไปแล้วคนเดียว มันคุ้มค่าแล้วจริงหรือ?
ลั่วเหิงกับเฉินเต้าเห็นเฟิ่งจิ่วถูกพาไปแล้ว จึงค่อยวางใจได้ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วๆ…
เพียงแต่ นางไม่เป็นไรแล้ว แต่ในสำนักกลับมีปัญหาใหญ่เสียแล้วสิ…
ในอีกด้าน เฟิ่งจิ่วนอนพิงอยู่ในอกของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ หรี่ตาถาม “ท่านแม่ของข้าเล่า? พวกเหลิ่งซวงเจออสูรกลืนเมฆาหรือยัง?”
“อืม ตอนข้าเข้ามาเจออสูรกลืนเมฆาแล้ว สั่งให้เขาไปหาพวกเหลิ่งซวง เจ้าวางใจ พวกเขาน่าจะกลับไปแล้ว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอก พลางพานางเหาะลงเขาไป ด้านหนึ่งก็ใช้ชายเสื้อบังหน้าเธอไว้ เพื่อไม่ให้ลมกรีดพัดจนทำให้เธอเจ็บ
เฟิ่งจิ่วนอนพิงอย่างวางใจ รู้สึกศีรษะหนักอึ้ง ถามอย่างสะลึมสะลือว่า “ท่านมาได้อย่างไร?”
“เจ้าจากมาทีก็หลายเดือน ข้าอยากมาดูเจ้าหน่อย นึกไม่ถึงกลับเห็นเจ้าในสภาพบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้าช่างทำให้คนเป็นห่วงจริงๆ เหตุใดจึงไม่บอกข้าเล่า?”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำแฝงแววตำหนิ แต่พอเห็นสภาพของเธอตอนนี้ คำพูดตำหนิที่ปลายลิ้นก็พลันถูกกลืนกลับไป
เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปากยิ้ม “ตอนแรกข้าก็ไม่ได้อยากทำให้เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ เรื่องราวเลยเถิดเหนือความคาดหมาย ไม่นึกว่าค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักนั่นจะทำลายได้ยากนัก แค่กๆ”
เห็นสีหน้าเธอซีดกว่าเดิม เซวียนหยวนโม่เจ๋อขมวดคิ้ว “บนตัวเจ้ายังมีอาการบาดเจ็บที่อื่นอีกหรือ? เหตุใดสีหน้าจึงแย่ลงเรื่อยๆ เล่า?” เขาหยุดกลางป่าแล้วถาม
“ไหล่ข้าถูกแทงทะลุ ถึงเลือดจะหยุดแล้ว แต่ว่า…” ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกตัดบทก่อน
“สมควรตาย!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อสบถ รีบวางเธอลงแล้วใช้มือข้างหนึ่งดึงเสื้อเธอออก “ไหล่บาดเจ็บเหตุใดเจ้าจึงไม่พูด? นี่หากรอกลับไปถึงแล้วเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร?”
ครั้นเสื้อสีแดงถูกเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อด้านในที่ถูกเลือดย้อม สายตาเขาหรี่เล็ก เลือดสีแดงวงกว้างนั่นบาดตาเขายิ่งนัก มือของเขาสั่นเทาเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น
“เหตุใดเลือดจึงไหลเยอะเช่นนี้!”
“เลือดหยุดไหลแล้ว นี่เป็นเลือดที่ไหลตอนดึงกระบี่ออก!” เฟิ่งจิ่วพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก น้ำเสียงค่อยๆ อ่อนลง “ข้ากินยาไปนานแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ท่านไม่ต้องห่วง ท่านส่งข้ากลับเถิด! ข้าจะหลับสักเดี๋ยว”
………………………………….