เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1535 ต้วนมู่ไป๋ฟื้น + ตอนที่ 1536 ตำแหน่งเจ้าเขา
ตอนที่ 1535 ต้วนมู่ไป๋ฟื้น + ตอนที่ 1536 ตำแหน่งเจ้าเขา
ตอนที่ 1535 ต้วนมู่ไป๋ฟื้น
ในอีกด้าน ณ สำนักโอสถตะวัน
วันนี้ ต้วนมู่ไป๋ค่อยๆ ลืมตาตื่นจากห้วงสลบไสล หรวนจ่างชุนที่เฝ้าอยู่ข้างๆ เห็นก็รีบถามด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่ใหญ่? ท่านฟื้นแล้วหรือ?”
ต้วนมู่ไป๋ตั้งสติ มองเขาแล้วอ้าปาก น้ำเสียงแหบแห้งอ่อนแอดังออกมา “ศิษย์น้อง”
หรวนจ่างชุนประคองเขาให้ลุกขึ้น จากนั้นก็รินน้ำให้เขา “ดื่มน้ำให้ชุ่มคอก่อนเถิด!”
รู้สึกเหมือนอ่อนแรงไปทั้งตัว เขานั่งพิงหัวเตียง ยามพูดจาก็ดูเหนื่อยอ่อน หลังจากดีขึ้นเล็กน้อย เขาก็นึกถึงเรื่องของซั่งกวนหวั่นหรงขึ้นมาได้ รีบถามว่า “ศิษย์น้อง ศิษย์น้องเล็กนาง…”
หรวนจ่างชุนกุมมือเขา จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก เปิดค่ายกลถ้ำออก ไม่นานก็เดินเข้ามาใหม่ “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านคงไม่รู้ว่าระหว่างที่ท่านหมดสติไปเกิดเรื่องราวมากมายขึ้นในสำนักโอสถตะวัน”
เขาย้ายเก้าอี้มานั่งข้างเตียง มองเขา หยุดพูดไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังคิดว่าจะเล่าให้เขาฟังอย่างไรดี เนิ่นนานจึงเพิ่งบอกว่า “ท่านอาจารย์ตายแล้วขอรับ”
“อะ อะไรนะ? ท่านอาจารย์ตายแล้ว? เป็นไปได้อย่างไร? ใครเป็นคนฆ่า?” เขาถามด้วยความตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด เจ้าแห่งยอดเขาลูกหนึ่งตาย? เช่นนั้นยอดเขาซานหยางของพวกเขาจะไม่โกลาหลวุ่นวายแย่แล้วหรือ?
หรวนจ่างชุนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น แววสับสนพาดผ่านในดวงตา “เฟิ่งจิ่วเป็นคนฆ่า เฟิ่งจิ่วที่เคยเป็นศิษย์ชั้นล่างของยอดเขาเรา นางเป็นผู้หญิง เป็นลูกสาวของศิษย์น้องเล็ก นางแฝงตัวเข้ามาในยอดเขาของเรา ก็น่าจะเป็นเพราะศิษย์น้องเล็ก”
“เฟิ่งจิ่ว? เขาเป็นผู้หญิง? แล้วยังเป็นลูกสาวของศิษย์น้องเล็ก?” ได้ยินอย่างนั้น ต้วนมู่ไป๋ก็ยังคงรู้สึกเหลือเชื่อ “เฟิ่งจิ่วเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน จะฆ่าท่านอาจารย์ได้อย่างไรกัน? เข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่า?”
“ข้าเห็นเองกับตา เฟิ่งจิ่วเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณแล้ว” เขาถอนหายใจ บอกว่า “ศิษย์น้องเล็กถูกท่านอาจารย์จับตัวไว้ ตอนที่เฟิ่งจิ่วช่วยนางออกมาจากถ้ำของท่านอาจารย์ก็อยู่ในสภาพหายใจรวยรินแล้ว ร่างกายของนางเต็มไปด้วยรอยแส้ ท่านอาจารย์ใช้แส้แช่น้ำยาเฆี่ยนศิษย์น้องเล็ก เขา…”
คำพูดบางประโยค เขาไม่อาจพูดออกมาได้จริงๆ เหตุการณ์อย่างนั้นมีแค่เขาคนเดียวที่รู้ เหมือนกับความลับอันใหญ่หลวงที่ซ่อนไว้ในใจ แบกรับมันไว้ลำพัง แล้วก็เพราะความลับนี้ ที่ทำลายความเคารพและเลื่อมใสที่เขามีต่อท่านอาจารย์
คนอย่างท่านอาจารย์ เหตุใดจึงทำเรื่องอย่างนั้นได้ลงคอ?
ต้วนมู่ไป๋ไม่พูดอะไรอยู่นาน นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็บอกว่า “เพราะอายุขัยของท่านอาจารย์ใกล้จะหมดแล้ว เพราะเขาอยากอยู่ต่อ เขาต้องการจะจับศิษย์น้องเล็กไปเป็นเตาหลอมมนุษย์เพื่อหลอมยาที่สามารถต่อชีวิตเขาได้ ข้าอยากจะห้ามมาโดยตลอด แต่น่าเสีย…”
น่าเสียดาย เขาไม่อาจห้ามไว้ได้
“อีกอย่าง ศิษย์พี่ใหญ่ เฟิ่งจิ่วยังสังหารสัตว์คู่พันธสัญญาของท่านเจ้าสำนักด้วย ผู้แข็งแกร่งหลายคนในสำนักบาดเจ็บล้มตาย คืนนั้นไฟไหม้ทุกยอดเขา แม้แต่ท่านเจ้าสำนักตอนนี้ก็ยังบาดเจ็บหนักไม่หายดี ยามนี้สำนักเราวุ่นวายไปหมดแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น ต้วนมู่ไป๋ตกตะลึง “สังหารสัตว์คู่พันธสัญญาของท่านเจ้าสำนัก? แม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็บาดเจ็บหนักด้วย? นะ นี่มันเหตุใดเรื่องจึงร้ายแรงถึงเพียงนี้?”
สำนักโอสถตะวันของพวกเขาเป็นถึงสำนักหลอมยาอันดับหนึ่งในแปดจักรวรรดิใหญ่ เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว อย่าว่าแต่ในสำนักวุ่นวายเลย พวกเขาอาจถูกสำนักอื่นฉวยโอกาสกำราบ รวบอำนาจ กลายเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดได้
อีกอย่าง เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทางสำนักจะยอมเลิกราง่ายๆ เช่นนี้หรือ? เกรงว่าจะไม่ยอมปล่อยเฟิ่งจิ่วไปง่ายๆ แน่
หรวนจ่างชุนชะงักไปเล็กน้อย แล้วบอกอีกว่า “ศิษย์พี่ใหญ่คงยังไม่รู้ ตอนนั้นแม้แต่เจ้าตำหนักยมราชก็มาด้วย ท่านเจ้าสำนักเปิดใช้งานค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักเพื่อขังเฟิ่งจิ่วไม่ให้หนี สุดท้ายเพราะเจ้าตำหนักยมราชคนนั้น…”
………………………………….
ตอนที่ 1536 ตำแหน่งเจ้าเขา
เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้ต้วนมู่ไป๋ฟังอย่างละเอียด รวมถึงตอนนี้ยอดเขาซานหยางไร้ซึ่งเจ้าเขา เจ้าเขาคนอื่นจึงหมายตาอยากครอบครองยอดเขาซานหยาง ด้วยการผลักดันคนของพวกเขามาเป็นเจ้าเขา
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอยู่ในยอดเขามาก็หลายปีแล้ว ไม่ว่าจะคุณสมบัติหรือความสามารถในการหลอมยาล้วนโดดเด่น ยามนี้ท่านอาจารย์ตายแล้ว หนำซ้ำยังมีคนจากยอดเขาอื่นหมายตายอดเขาซานหยางของเรา หลายวันก่อนข้าหารือกับพวกศิษย์น้องแล้ว แทนที่จะปล่อยให้เจ้าเขาคนอื่นผลักดันคนของตนเองมาดูแลยอดเขาซานหยาง สู้พวกเราผลักดันท่านให้เป็นเจ้าเขาของเราดีกว่า
มีเพียงทำอย่างนี้ คนในยอดเขาซานหยางของเราถึงจะไม่ถูกคนจากยอดเขาอื่นข่มเหง แล้วก็มีเพียงท่านคนเดียวเท่านั้น ที่จะได้รับการยอมรับจากทุกคน” หรวงจ่างชุนมองเขา แล้วบอกถึงความตั้งใจที่เขากับเหล่าศิษย์น้องหารือกันมา
ในสายตาเขา ในยอดเขาซานหยางของพวกเขาไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าเขาไปมากกว่าศิษย์พี่ใหญ่แล้ว
ต้วนมู่ไป๋เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันหลังจากข้าหาย ในเมื่อตอนนี้ท่านเจ้าสำนักบาดเจ็บอยู่ เช่นนั้นตำแหน่งเจ้าเขาของยอดเขาซานหยางน่าจะยังไม่ถูกตัดสินในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ พวกเจ้าจัดการพิธีศพของท่านอาจารย์ที ถึงอย่างไรก็ห้ามเปิดโปงเรื่องที่ท่านอาจารย์ทำเด็ดขาด”
“ขอรับ ศิษย์พี่ใหญ่วางใจได้ เรื่องพวกนี้ข้าจะจัดการเอง” หรวนจ่างชุนรับคำ แล้วหยิบยาอีกหนึ่งเม็ดออกมา “นี่เป็นยาฟื้นสภาพวิญญาณ ศิษย์พี่ใหญ่กินอีกเม็ดเถิด”
ต้วนมู่ไป๋รับยาไปกิน ในสมองกลับครุ่นคิด ตอนนั้นศิษย์น้องเล็กยังฝากฝังให้เขาดูแลเฟิ่งจิ่ว ไมนึกว่าสุดท้ายเรื่องจะกลายเป็นอย่างนี้ ไม่นึกเลยจริงๆ!
“ใช่สิศิษย์น้อง ได้ยินข่าวคราวของศิษย์น้องเล็กบ้างหรือไม่?” เขาถาม ท่านอาจารย์ใช้ยากับนาง ไม่รู้ว่าร่างกายนางจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
“ไม่เลยขอรับ แต่ข้าให้คนแอบสืบลับๆ แล้ว เรื่องที่ท่านอาจารย์ถูกฆ่า จะปล่อยให้โยงไปถึงศิษย์น้องเล็กไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้ศิษย์พี่ใหญ่วางใจได้ ถึงศิษย์น้องเล็กจะปรากฏตัวหรือเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอก ก็จะไม่เป็นอะไรแน่ขอรับ”
“เช่นนั้นก็ดี” เขาพยักหน้า สงบจิตใจแล้วหลับตาพักผ่อน
เห็นอย่างนั้น หรวนต่างชุนจึงประคองเขานอนลง “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านพักผ่อนเถิด! ข้ากลับก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาหาท่านใหม่”
“ได้” ต้วนมู่ไป๋รับคำ คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ บอกว่า “เจ้าช่วยเรียกลั่วเหิงมาให้ข้าที”
หรวนจ่างชุนออกไป แล้วสั่งให้คนไปเรียกลั่วเหิงมา จากนั้นก็ไปสะสางเรื่องราวในยอดเขาต่อ…
ตอนที่ศิษย์ชั้นล่างคนหนึ่งมารายงานว่าท่านอาจารย์ของเขาเรียกหา ลั่วเหิงกำลังพูดคุยกับเฉินเต้าอยู่ในถ้ำ ทั้งสองมองหน้ากัน เฉินเต้าบอกว่า “มัวอึ้งอะไรอยู่? ไปสิ!”
“แต่ว่า เรียกพบข้าตอนนี้ เหตุใดข้ารู้สึกเหมือนจะถูกถามเรื่องเฟิ่งจิ่วเลยเล่า?”
ลั่วเหิงเกาหัว ทำหน้าลำบากใจ หลายวันมานี้ เพราะตอนที่อยู่ที่นี่เฟิ่งจิ่วค่อนข้างสนิทกับเขา เขาจึงถูกเรียกตัวไปสอบถามหลายครั้งแล้ว ยามนี้ท่านอาจารย์ของเขาฟื้นขึ้นมาก็เรียกหาเขา จะต้องหนีไม่พ้นเรื่องของเฟิ่งจิ่วแน่ๆ
“เขาถามอะไรเจ้าก็บอกไปเสีย มีอะไรให้ลำบากใจ? ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เฟิ่งจิ่วไม่ให้พวกเรารู้พวกเราก็ไม่รู้เสียหน่อย ไม่มีอะไรให้ปิดบังหรอก” เฉินเต้าผลักเขาออกไปข้างนอก พลางบอกว่า “หากมีเรื่องอะไรไม่แน่ใจเจ้ามาหาข้าก็ได้”
ได้ยินอย่างนั้น ลั่วเหิงถอนหายใจ “เอาเถิด! เช่นนั้นข้าไปพบเขาก่อน ดูว่ามีเรื่องอะไร” ลึกๆ ข้างในเขามักรู้สึกว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็จำเป็นต้องทำใจดีสู้เสือไปพบหน้าสักครั้ง
………………………………….