เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1549 แตกตื่น + ตอนที่ 1550 ชายเสื้อ
ตอนที่ 1549 แตกตื่น + ตอนที่ 1550 ชายเสื้อ
ตอนที่ 1549 แตกตื่น
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าเมืองต้วนที่ตอนแรกสิ้นหวังไปแล้วก็เริ่มกลับมามีความหวังอีกครั้ง รีบถาม “ต้องการสิ่งของใด คุณชายเฟิ่งว่ามาได้เลย” บิดาของเขาเปรียบดั่งต้นไม้ใหญ่ของตระกูลต้วน ไม่อาจปล่อยให้เขาล้มลงไปเด็ดขาด!
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ “เตียงน้ำแข็งเหมันต์พันปี หญ้าวิญญาณม่วงเก้ากระโดด แล้วก็แก่นวิญญาณธาตุน้ำแข็งระดับเก้าสองดวง”
เจ้าเมืองต้วนได้ยินชื่อสามสิ่งนี้ คิ้วพลางขมวดแน่น “สิ่งของสามสิ่งนี้ ในจวนเจ้าเมืองของข้ามีเพียงแก่นวิญญาณธาตุน้ำแข็งระดับเก้าเพียงดวงเดียว ที่เหลืออีกสองอย่างกลับไม่มี แต่คุณชายเฟิ่งวางใจ บ้านญาติคนหนึ่งที่อยู่ในเมือง มีเตียงน้ำแข็งเหมันต์พันปี ส่วนหญ้าวิญญาณม่วงเก้ากระโดด ข้าจะหามาให้เร็วที่สุด”
“สามวัน เตรียมของเหล่านี้ให้ครบภายในสามวัน” เฟิ่งจิ่วลุกขึ้น บอกว่า “ถึงเขาจะมีเวลาเหลืออีกเจ็ดวัน แต่หากจะรักษาเขา ช้าสุดก็เหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้น”
“ได้ ข้าจะสั่งให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้ แล้วก็จะไปบ้านบ้านญาติที่อยู่ในเมืองด้วยตนเองสักหน คุณชายเฟิ่ง ข้าให้คนรับใช้พาท่านไปพักผ่อนก่อน” เขาทำท่าผายมือให้เฟิ่งจิ่ว
“ให้คนไปจูงม้าข้ามาจากโรงเตี๊ยมด้วยเถิด!” เธอเดินออกไป พลางบอกเขา
“ไม่มีปัญหา” เจ้าเมืองต้วนจัดเตรียมคนปรนนิบัติให้เฟิ่งจิ่ว เสร็จแล้วก็รีบออกจากจวน มุ่งหน้าไปยังบ้านญาติที่อยู่ในเมืองทันที
วรยุทธ์ที่ญาติคนนั้นฝึกคือวิชาพลังภายในวิญญาณน้ำแข็ง หลายปีก่อนประมูลเตียงน้ำแข็งเหมันต์พันปีมาได้จากตลาดมืด เตียงน้ำแข็งเหมันต์พันปีที่ไม่มีประโยชน์ต่อผู้อื่นกลับกลายเป็นตัวช่วยฝึกวรยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวของพวกเขา เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะสามารถยืมเตียงน้ำแข็งเหมันต์พันปีจากพวกเขาได้หรือไม่
ส่วนในอีกด้าน เฟิ่งจิ่วที่เดินเล่นอยู่ในตระกูลต้วนนั่งลงในศาลากลางสวนดอกไม้ คนรับใช้ชงน้ำชาไว้ให้หนึ่งกาแล้วถอยไปยืนรออยู่ด้านข้าง เพราะว่างจนรู้สึกเบื่อ เธอจึงหันไปมองหญิงรับใช้ที่ยืนรออยู่ด้านข้าง แล้วถามว่า “ต้วนมู่ไป๋เป็นคนในจวนของพวกเจ้าหรือ”
ได้ยินเด็กหนุ่มชุดแดงถามเรื่องที่คนทั้งเมืองรู้กันอยู่แล้ว หญิงรับใช้สีหน้าสะดุดเล็กน้อย รีบตอบว่า “เป็นน้องชายของท่านเจ้าเมือง คุณชายรองของจวนเราเจ้าค่ะ”
เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว “เขาไม่ค่อยกลับมาหรือ”
“กลับมาน้อยครั้งมากเจ้าค่ะ ได้ยินคนในจวนพูดกันว่าคุณชายรองขึ้นไปที่สำนักโอสถตะวัน และกราบเป็นศิษย์ของยอดเขาซานหยางตั้งแต่ยังเด็กเจ้าค่ะ”
“แล้วคุณชายรองของพวกเจ้ายังไม่แต่งงานหรือ” เธอชันคาง แล้วถามด้วยความอยากรู้
หญิงรับใช้หลุบตา ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างสงวนท่าที ตอบว่า “คุณชาย เรื่องอื่นบ่าวพูดมากไม่ได้ พูดถึงเจ้านายลับหลังถือเป็นการไม่ให้เกียรติ คุณชายโปรดอย่าทำให้บ่าวลำบากใจเลยเจ้าค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปาก “ก็ได้ ข้าไม่ถามมากก็แล้วกัน! ที่นี่มีแต่น้ำชาไม่มีขนม เจ้าไปเอามาหน่อยเถิด!”
“เจ้าค่ะ” หญิงรับใช้รับคำ แล้วถอยออกไป
ขณะที่เฟิ่งจิ่วกำลังดื่มชากินของว่างอยู่ในจวนเจ้าเมือง เมืองซุ่นเหยียนกำลังแตกตื่นไปทั่วทั้งเมือง เมื่อกลุ่มอำนาจต่างๆ ได้ยินว่ามีคุณชายอายุน้อยเหน็บเหรียญตราปราชญ์โอสถและนักปรุงยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันสองเหรียญมาเยือนจวนเจ้าเมือง ต่างก็ตกตะลึงและยากจะเชื่อ
“เรื่องจริงหรือ เป็นเหรียญตราปราชญ์โอสถและนักปรุงยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ” ผู้นำตระกูลของตระกูลหนึ่งถามคนรับใช้ด้วยสีหน้าตกตะลึงอย่างไม่อาจปกปิด
“เรื่องจริงขอรับ ยามนี้ข่าวแพร่ไปทั่วเมืองแล้ว คนคนนั้นหยิบเหรียญตราขึ้นมาเหน็บต่อหน้าพวกนักเล่นแร่แปรธาตุที่อยู่นอกจวนเจ้าเมือง ทุกคนเห็นชัดกับตาเลยขอรับ”
“คนคนนั้นยังอยู่ในเมืองหรือไม่” ผู้นำตระกูลบนที่นั่งสูงสุดถามขึ้น
“อยู่ขอรับ ยามนี้อยู่ในจวนเจ้าเมือง”
ได้ยินอย่างนั้น เขาลุกขึ้น แล้วครุ่นคิดในใจ ไม่ว่าจะเป็นการหลอมยาหรือปรุงยา หากเป็นระดับปราชญ์โอสถก็ล้วนถือว่าไม่ใช่คนธรรมดา แม้แต่เมืองซุ่นเหยียนของพวกเขา หากคิดจะตามหาคนที่มีเหรียญตราเช่นนี้สองเหรียญยังเป็นไปไม่ได้เลย คนอย่างนี้ หากรู้จักกันไว้…
“ท่านผู้นำตระกูล ท่านเจ้าเมืองมาเยี่ยมขอรับ”
………………………………….
ตอนที่ 1550 ชายเสื้อ
ได้ยินอย่างนั้น ผู้นำตระกูลคนนั้นประหลาดใจ “เจ้าเมืองหรือ เขามาได้อย่างไร? รีบนำทางไปเร็ว” ขณะกล่าว เขาก็สาวเท้าเดินออกไปต้อนรับข้างนอก
“เจ้าเมืองต้วน เหตุใดจึงมีเวลามาเยือนที่นี่ได้เล่า รีบเชิญข้างในเถิด เชิญข้างใน” ผู้นำตระกูลประสานมือคารวะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เชิญเจ้าเมืองต้วนที่เดินเข้ามาจากข้างนอกเข้าไปในห้องโถงใหญ่
“สหายเมิ่ง ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีหรือไม่! วันนี้มาเยี่ยมกะทันหัน รบกวนท่านจริงๆ อย่างไรก็ขออภัยด้วย ขออภัยด้วย!” เจ้าเมืองต้วนยิ้มประสานมือคารวะตอบ พลางเดินเข้าไปข้างในภายใต้การนำทางของผู้นำตระกูลเมิ่ง
ครั้นเข้ามาข้างในและนั่งลงแล้ว ผู้นำตระกูลเมิ่งเอ่ยปากถาม “ได้ยินว่าเช้านี้มีคุณชายที่มีเหรียญตราสองเหรียญมาหาที่จวนเจ้าเมืองหรือ เหตุใดยามนี้ท่านเจ้าเมืองไม่อยู่ต้อนรับแขกคนสำคัญที่จวน กลับวิ่งมาหาข้าที่นี่ หรือว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้น”
เห็นเขาถามตรงๆ เจ้าเมืองต้วนจึงตอบอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ปิดบังสหายเมิ่ง วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจริงๆ”
“อ้อ? ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องใด” เขานึกสงสัย เรื่องอะไรกันที่ทำให้เขาต้องมาขอความช่วยเหลือถึงที่นี่
“คืออย่างนี้…” เจ้าเมืองต้วนเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังคร่าวๆ เล่าเพียงว่าหากจะรักษาบิดาของเขาจำต้องใช้เตียงน้ำแข็งเหมันต์พันปี หวังว่าเขาจะให้ยืมเตียงน้ำแข็งเหมันต์พันปีสักครั้ง
ฟังจบ ผู้นำตระกูลเมิ่งก็ยิ้ม “ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง”
เขาพยักหน้า เป็นเชิงบอกว่าเข้าใจแล้ว “ท่านเจ้าเมือง เตียงน้ำแข็งเหมันต์นี้ ข้าวางไว้ในถ้ำน้ำแข็ง ท่านว่าอย่างนี้ดีหรือไม่ เมื่อถึงเวลารักษาให้เชิญท่านผู้อาวุโสมาที่นี่ ท่านวางใจ ข้าจะกำชับไม่ให้ผู้ใดไปรบกวนระหว่างการรักษาท่านผู้อาวุโสแน่นอน”
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นเรื่องนี้รบกวนสหายเมิ่งแล้ว ข้ายังต้องรีบไปตามหาของอีกสองสิ่ง ต้องขอตัวก่อน” ขณะกล่าว ผู้นำตระกูลเมิ่งลุกขึ้นประสานมืออำลา
“ข้าจะไปส่งท่าน” เขาออกไปส่งเจ้าเมืองต้วนด้วยตนเอง ครั้นเขาจากไป จึงใช้ความคิดเพียงลำพัง
อาการป่วยของบิดาเจ้าเมืองมีคนเคยไปตรวจมาไม่น้อยแล้ว ล้วนบอกว่าหมดหนทาง ยามนี้ คนผู้นี้กลับตรวจเจอ แล้วยังรักษาได้อีก ดูท่าจะมีความสามารถจริงๆ
ก็จริง หากไม่มีความสามารถ จะมีเหรียญตราระดับปราชญ์โอสถถึงสองเหรียญได้อย่างไรกัน
วันนี้ทั้งวัน เจ้าเมืองเดินทางไปทั่ว หวังว่าจะสามารถหาสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดครบภายในสามวัน ขณะเดียวกันในจวนเจ้าเมือง เฟิ่งจิ่วที่ตกเป็นประเด็นที่ชาวบ้านอยากรู้อยากเห็น กลับเดินทอดน่องในจวนทั้งวัน กระทั่งเดินมาถึงสวนดอกไม้ที่อยู่ในลานบ้านแห่งหนึ่ง
ได้ยินมาว่า ดอกหลิงหลงเจ็ดสีถูกปลูกไว้ในสวนแห่งนี้ ทว่ายามเธอเดินเข้าใกล้ลานบ้านแห่งนั้น กลับเห็นว่ามีค่ายกลอยู่ จึงฉงนเล็กน้อย เธอคลำทางค่ายกลแล้วเดินเข้าไป
หลังเดินวนไปวนมา ผ่านค่ายกลมาจนถึงข้างใน พอมาถึงข้างใน สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้วิญญาณหลากหลายชนิด รอบๆ ใช้รั้วไม้กั้นเอาไว้ ดอกไม้ทุกดอกล้วนเป็นยาทิพย์ที่หายากและมีค่ามาก นี่กลับทำให้เธอเหนือความคาดหมาย
ไม่นึกเลยว่าตระกูลต้วนจะปลูกยาทิพย์ไว้มากมายขนาดนี้ เพียงแต่ สถานที่อย่างนี้เหตุใดจึงไม่มีคนเฝ้าเลยเล่า
เธอมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ จึงสาวเท้าเดินเข้าไปข้างในช้าๆ สายตากวาดมองผ่านดอกไม้ทิพย์เหล่านั้น สุดท้ายก็สะดุดอยู่ที่ดอกไม้ทิพย์ต้นหนึ่งที่ถูกปลูกไว้ตรงกลาง
“นี่ก็คือดอกหลิงหลงเจ็ดสี ไม่เพียงทำเป็นยาได้ แต่ยังสวยมากด้วย” เธอพึมพำเบาๆ หยุดฝีเท้ามองดอกหลิงหลงเจ็ดสีต้นนั้น มองดูกลีบดอกทุกกลีบที่แต่งแต้มด้วยสีเจ็ดสีเหล่านั้น ดอกไม้ที่งดงามดุจสายรุ้งนั่นดึงดูดเธอ จนไม่อาจละสายตาออกไป
ทว่า ในตอนนี้เอง เธอเหลือบเห็นชายเสื้อของใครคนหนึ่งอยู่ในพุ่มดอกไม้…
………………………………….