เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1551 หายไปแล้ว + ตอนที่ 1552 ต้วนอิ๋งอิ๋ง
ตอนที่ 1551 หายไปแล้ว + ตอนที่ 1552 ต้วนอิ๋งอิ๋ง
ตอนที่ 1551 หายไปแล้ว
นั่นเป็นชายเสื้อสีขาว กำลังซ่อนตัวอยู่ในพุ่มดอกไม้ เธอรู้สึกประหลาดใจ เมื่อกี้ไม่เห็นรู้สึกว่ามีใครอยู่ตรงนี้นี่! อีกอย่าง ถึงตอนนี้จะเห็นชายเสื้ออยู่ตรงนี้ แต่ก็ยังไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย
แสดงว่าคนผู้นี้เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกบำเพ็ญตนหรือ
เธอสาวเท้าเดินไปข้างหน้า เห็นว่าเป็นหญิงสาว แต่เหมือนยามนี้นางกำลังหมดสติอยู่ แต่ที่ทำให้นางแปลกใจที่สุดคือใบหน้าของหญิงสาวคนนี้
“เป็นนางหรือ” เธอประหลาดใจเล็กน้อย คนคนนี้คือหญิงสาวที่เธอเคยช่วยไว้ระหว่างทางไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้
ทว่า เมื่อมองดูอีกที กลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ปกติ
“แม่นาง? แม่นาง?” เธอขานเรียกอยู่สองสามครั้ง เดินเข้าไปประคองนางขึ้นมา จากนั้นก็จับชีพจรดู ครั้นจับข้อมือนางก็อึ้งเล็กน้อย ก้มหน้ามองหญิงสาวที่เธอประคองขึ้นมา
“ที่แท้ก็ไม่ใช่คนเดียวกันหรือ! ไม่น่าเล่าถึงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เช่นนั้นก็เป็นฝาแฝดงั้นหรือ” เธอพึมพำเบาๆ สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของหญิงสาว
เป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าโดดเด่นคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทสวยสะดุดตา แต่เป็นประเภทสวยหวาน แม้เป็นใบหน้าที่เหมือนกันทุกประการ แต่กลับให้ความรู้สึกที่ต่างกัน
หญิงสาวคนนี้แม้ยามหมดสติ กลับมีกลิ่นอายสุขุมนุ่มนวลแผ่อยู่รอบตัว กลิ่นอายบนตัวนางสงบนิ่งมาก เพราะอย่างนี้ เมื่อครู่ตอนที่เธอเพิ่งเข้ามา ถึงได้ไม่รู้สึกว่ามีคนอยู่ในนี้
เหลือบมองยาทิพย์ที่อยู่ตรงหน้าหญิงสาวแวบหนึ่ง เธอประคองคนออกจากสวนดอกไม้ มาที่ศาลาข้างนอก เห็นบนโต๊ะยังมีกระดาษและดินสอถ่านวางอยู่ บนกระดาษเป็นรูปที่ยังวาดไม่เสร็จ
หยิบยาออกมาจากห้วงมิติหนึ่งขวด เปิดฝาแล้วยื่นไปให้หญิงสาวดม ไม่นาน ก็เห็นหญิงสาวค่อยๆ ได้สติ
เฟิ่งจิ่วเก็บขวดยา หยิบดินสอถ่านเขียนบนกระดาษสีขาว “ตื่นแล้วหรือ เมื่อครู่เจ้าเป็นลมไป เป็นเพราะดมกลิ่นหอมของดอกลำโพงม่วงมากเกิน ดอกลำโพงม่วงดมมากเกินไปไม่ได้ ต่อไปต้องระวังด้วย”
หญิงสาวมองเฟิ่งจิ่วที่สวมชุดแดงทั้งตัวที่อยู่ตรงหน้า ด้วยแววตาตกใจ ทำหน้าสงสัยและประหลาดใจ นางมองหน้าเฟิ่งจิ่ว แล้วหันไปมองกระดาษที่เฟิ่งจิ่วยื่นมาให้ ครั้นเห็นข้อความบนนั้น หญิงสาวแย้มยิ้มอ่อนหวาน พยักหน้าให้เฟิ่งจิ่ว รับกระดาษกับดินสอไป แล้วเขียนตอบสองประโยค
“ขอบคุณเจ้ามาก เจ้าช่างรูปงามนัก”
เห็นข้อความบนกระดาษ เฟิ่งจิ่วพยักหน้ายิ้มๆ เขียนตอบบนกระดาษอีกว่า “หลายวันก่อนข้าเคยเจอผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเจ้า พวกเจ้าเป็นฝาแฝดกันกระมัง”
หญิงสาวยิ้มกว้างราวกับดอกไม้บาน เขียนตอบว่า “นางเป็นน้องสาวของข้า”
ด้วยเหตุนี้ เฟิ่งจิ่วจึงได้นั่งพูดคุยกับหญิงสาวคนนี้ในศาลาข้างสวนดอกไม้ผ่านการใช้ดินสอและกระดาษ เพราะเธอรู้จากการจับชีพจรว่าหญิงสาวพูดไม่ได้ และไม่ได้ยินด้วย…
กระทั่งฟ้าเริ่มมืด คนในจวนเจ้าเมืองแทบควานหาทุกซอกทุกมุม ก็ยังหาไม่เจอว่าเฟิ่งจิ่วอยู่ที่ใด พวกเขานึกว่าหนุ่มชุดแดงจากไปแล้ว จึงรีบไปรายงานเจ้าเมือง
เจ้าเมืองต้วนที่เพิ่งกลับมาถึงจวน หลังจากวิ่งตะลอนไปทั่วทิศทั้งวัน ครั้นได้ยินว่าเด็กหนุ่มชุดแดงหายตัวไปแล้ว ก็อดตกตะลึงไม่ได้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “ม้าของเขาไม่อยู่แล้วหรือ? เห็นเขาออกจากจวนไปแล้วใช่หรือไม่”
“ไม่เห็นนะขอรับ ม้ายังอยู่ในคอกม้าข้างหลังอยู่เลย อีกอย่างข้าถามคนเฝ้าประตูแล้ว ก็ไม่เห็นเขาออกจากประตูใหญ่เลย แต่หาทั่วจวนแล้วก็ยังหาเขาไม่เจอ” พ่อบ้านรายงานด้วยความร้อนใจ ใบหน้ามีแต่ความกังวล ไม่นึกว่าคนตัวใหญ่ขนาดนี้ บทจะหายก็หายไปเสียดื้อๆ
………………………………….
ตอนที่ 1552 ต้วนอิ๋งอิ๋ง
เจ้าเมืองขมวดคิ้ว ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “น่าจะยังอยู่ในจวน พวกเจ้ายังไม่ได้ตามหาที่ใดอีก ลองไปตามหาดูหน่อย”
“เหลือแต่สวนจันทร์พเพ็ญของคุณหนูใหญ่ที่เดียวแล้ว เพียงแต่ นอกสวนของคุณหนูใหญ่มีค่ายกลอยู่ คุณชายท่านนั้นคงเข้าไปไม่ได้กระมัง” พ่อบ้านคาดเดา แต่กลับเห็นเจ้าเมืองตวัดตามองเขาด้วยใบหน้าตึงเครียด
“น่าจะอะไรกัน เจ้าเห็นเขาเป็นคนธรรมดาหรือ คนธรรมดาจะมีเหรียญตราปราชญ์โอสถถึงสองเหรียญได้หรือ”
สิ้นเสียงตะคอก เขาสาวเท้าก้าวใหญ่ๆ เข้าไปข้างใน พลางกำชับว่า “ไม่ต้องให้คนในจวนตามหาแล้ว น่าจะอยู่กับอิ๋งอิ๋ง ข้าจะไปดูเอง”
เห็นอย่างนั้น พ่อบ้านรีบไปกำชับคนในจวนว่าให้หยุดตามหาได้แล้ว จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่สวนจันทร์เพ็ญ ปกติสวนของคุณหนูใหญ่ไม่ค่อยมีคนไปหา แล้วทำไมคุณชายชุดแดงคนนี้ถึงได้ไปที่นั่นกันนะ ปล่อยให้พวกเขาตามหาอยู่เสียนาน
ขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วกลับกำลังอารมณ์ดียิ่งนัก! นอกจากกำลังคุยกับหญิงสาวที่ชื่อต้วนอิ๋งอิ๋งผ่านการใช้ดินสอกับกระดาษอย่างสนุกสนานแล้ว สิ่งที่ทำให้เธอเหนือความคาดหมายมากที่สุดก็คือ ถึงเธอจะไม่ได้ยินนางพูด แต่ฝีมือการทำอาหารของนางช่างชวนให้เหลือเชื่อจริงๆ
เพราะเห็นว่าฟ้ามืด เพื่อเป็นการขอบคุณ นางพาเฟิ่งจิ่วไปที่ครัวเพื่อทำอาหารให้หนึ่งมื้อ หลังจากเดินเล่นในสวน จึงรู้ว่าในสวนกว้างใหญ่แห่งนี้มีอิ๋งอิ๋งอาศัยอยู่เพียงคนเดียว จวนเจ้าเมืองกว้างใหญ่ และมีข้ารับใช้มากมายขนาดนี้ กลับไม่มีคนคอยรับใช้นางเลยสักคน ต้องรู้ไว้ว่าอย่างไรนางก็เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของจวนเจ้าเมืองแห่งนี้
นั่งลงข้างโต๊ะหินนอกห้องครัว มองดูกับข้าวที่ถูกตักจนพูนในถ้วยตนเอง เธอยิ้มๆ แล้วคีบอาหารให้นางด้วย จากนั้นก็พยักพเยิดให้นางรีบกินเสีย
ทว่ากลับเห็นนางจ้องเธอด้วยใบหน้าปลื้มปริ่ม วางตะเกียบแล้วหยิบดินสอถ่านเขียนบนกระดาษ “วันนี้ข้ามีความสุขมาก ในที่สุดก็มีคนกินข้าวกับข้าแล้ว”
เห็นข้อความนั้น หัวใจเธอรู้สึกเปรี้ยวฝาดอย่างบอกไม่ถูก มองดูรอยยิ้มบริสุทธิ์ไร้พิษภัยของนาง ลึกๆ ข้างในมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ทั้งที่เจ้าเมืองมีลูกสาวสองคน แต่คนข้างนอกกลับรู้เพียงว่ามีคนเดียว ส่วนนาง กลับต้องใช้ชีวิตอย่างเดียวดายโดยไม่มีใครรู้ อยู่ในสวนแห่งนี้ ไม่เคยได้ก้าวเท้าออกจากจวนเลยแม้แต่ครึ่งก้าว ไม่เคยได้ยินเสียงธรรมชาติอันสวยงามของโลกใบนี้ ไม่เคยได้เอ่ยเสียงพูดออกไปแม้แต่คำเดียว
คนสองคน มีใบหน้าเดียวกัน แต่กลับมีชะตากรรมที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“คุณชายเฟิ่ง?”
เสียงของเจ้าเมืองต้วนดังมา เธอหันไปมองผู้มา เห็นเพียงเขาก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าตะลึงเล็กน้อย มองดูอาหารเรียบง่ายทว่าประณีตสองสามอย่างบนโต๊ะ ก็พูดด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดคุณชายเฟิ่งจึงมาอยู่ที่นี่ได้” มาดูดอกหลิงหลงเจ็ดสีหรือ เขารู้ได้อย่างไรว่าดอกหลิงหลงเจ็ดสีปลูกไว้ในสวนแห่งนี้
“ข้าหลงเข้ามาในสวนของคุณหนูใหญ่ต้วน ประกอบกับรู้สึกหิวอยู่พอดี คุณหนูใหญ่ต้วนจึงเชิญข้ากินข้าวด้วย ท่านเจ้าเมือง กินด้วยกันหรือไม่” มุมปากของเธอฉาบรอยยิ้มบาง มองดูเจ้าเมืองต้วนที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง
ได้ยินอย่างนั้น เขาหันไปมองลูกสาวที่ลุกจากโต๊ะไปยืนอยู่ด้านหนึ่ง เผยรอยยิ้มออกมา แล้วพยักพเยิด “นั่ง อย่ามัวยืนอยู่”
จากนั้นก็สั่งให้พ่อบ้านที่ตามหลังมาไปเอาถ้วยกับตะเกียบมาเพิ่มหนึ่งชุด พลางนั่งลง “ข้าเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ในเมื่อคุณชายเฟิ่งกินข้าวที่นี่ ข้าก็ย่อมต้องร่วมโต๊ะด้วยอยู่แล้ว เพียงแต่ อาหารไม่กี่อย่างนี้ธรรมดาเกินไป เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! ข้าให้คนไปเตรียมอาหารอีกสามสี่อย่างยกมาส่งที่นี่”
“ไม่ต้องลำบาก อาหารพวกนี้ก็เพียงพอแล้ว” เฟิ่งจิ่วบอก แล้วหันไปยิ้มให้อิ๋งอิ๋งที่ยามนี้ไม่อาจปกปิดสีหน้าดีใจไว้ได้
เห็นอย่างนี้ เจ้าเมืองต้วนยิ้มบอกว่า “วันนี้ผู้แซ่ต้วนเสียมารยาท ละเลยแขกคนสำคัญ คุณชายเฟิ่งโปรดอภัยด้วย”
………………………………….